ข่าวที่ซย่าหันโม่เซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดียแพร่สะพัดไปทั่ววงการอย่างรวดเร็ว
ผู้คนมากมายไม่เข้าใจว่าทำไมถังหนิงถึงพยายามช่วยล้างมลทินให้กับผู้หญิงสกปรกอย่างนั้น พวกเขาไม่เพียงแต่มองซย่าหันโม่ในแง่ร้ายแต่เธอยังขึ้นชื่อเรื่องข่าวเสียๆ หายๆ อีกด้วย หากมีใครสักคนต้องการออกมาแฉเรื่องคาวๆ ของเธอบนโลกออนไลน์ ต่อให้ใช้เก้ารูปก็ไม่พอที่จะสาธยายได้ทั้งหมด หรือถังหนิงกำลังหาเรื่องใส่ตัวกัน
[ถังหนิงกำลังภาคภูมิใจหลังจากดันให้ศิลปินทั้งสองคนโด่งดังไม่ใช่เหรอ เธอกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับซย่าหันโม่ได้ยังไงกัน]
[ฉันละนับถือความกล้าของเธอจริงๆ … ซย่าหันโม่เหมือนเนื้อร้าย เหตุผลเดียวที่ทำให้เธอยังดังอยู่ได้ก็เพราะคนชอบที่จะวิพากษ์วิจารณ์เธอ แต่ถังหนิงก็ยังต้อนรับเธออย่างกับเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างนั้นแหละ]
[ถ้าถังหนิงสามารถกอบกู้ภาพลักษณ์ของคนอย่างซย่าหันโม่ได้ ฉันจะพิจารณาตัวเองใหม่และยอมก้มหัวให้เธอเลย]
สาธารณชนต่างงุนงงกับการกระทำของถังหนิง จริงๆ แล้วมีบางคนที่ปรามาสว่าสมองของเธอผิดปกติเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ข่าวที่น่าขายหน้าเกี่ยวกับเชียนหยิ่งมีเดียได้เริ่มลุกลามไปทั่ว
นายใหญ่ของเอเจนซี่ได้ไล่อดีตผู้จัดการของซย่าหันโม่ออกเพราะเธอกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวจากตัวศิลปิน เพื่อเป็นการตอบโต้ ผู้จัดการสาวได้เปิดเผยว่าตัวเองเป็นชู้รักของประธานหลินกับภรรยาของเขา ทำให้เขาถูกภรรยาไล่ออกจากเอเจนซี่ไปด้วย ในเวลานี้ทั้งสามแทบจะขุดความลับออกมาแฉกันอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่าความขัดแย้งระหว่างพวกเขาเริ่มกลายเป็นประเด็น ตามมาด้วยการเปิดเผยว่าผู้จัดการขายข้อมูลของศิลปินให้กับช่างภาพแอบถ่าย
ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าศิลปินที่ถูกขายภาพคือ… ซย่าหันโม่
แต่ทว่าการตบหน้าครั้งเดียวนั้นยังเสียงไม่ดังมากพอ เมื่อไม่มีนายใหญ่ของเชียนหยิ่งมีเดียคอยคุ้มกะลาหัวแล้วผู้จัดการสาวจะไปกล้าทำอะไรได้
สิ่งที่น่าขบขันที่สุดคือการที่ซย่าหันโม่ไม่ต้องลงมือทำอะไรแม้แต่น้อย เพราะภรรยาของประธานหลินได้ลากคนทั้งคู่ขึ้นศาล ก่อนทั้งสามจะแตกหักกันด้วยความน่าขายหน้าอย่างถึงที่สุด ยากที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์ที่จะออกมา
ผู้จัดการสาวในคราบเมียน้อยและประธานหลินหมดสิ้นซึ่งทุกสิ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซ้ำร้ายภรรยาของเขายังจ้างคนมาทำร้ายร่างกายพวกเขาอีกด้วย
เดิมทีจู้ซิงมีเดียตั้งใจจะโหมข่าวว่าความจริงแล้วซย่าหันโม่ตกเป็นเหยื่อ เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องฉาวโฉ่ก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย อีกทั้งยังถูกผู้จัดการหักหลัง แต่ทว่าจู้ซิงมีเดียก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นและซย่าหันโม่ก็ไม่ได้ออกมาแก้ต่างเช่นกัน
เธอแค่ปล่อยเชียนหยิ่งมีเดียไปโดยที่ไม่ได้ไปสร้างความวุ่นวายหรือหาเรื่องแต่อย่างใด
ถังหนิงวางแผนอะไรไว้กันแน่
อันที่จริงแผนของเธอไม่ได้ซับซ้อนแม้สักนิด
…
คืนถัดมาที่ไฮแอทรีเจนซี
หลังจากอาบน้ำให้เจ้าตัวแสบทั้งสองคน ถังหนิงก็เข้าไปในห้องทำงานของโม่ถิงและอ่านสิ่งที่ซย่าหันโม่โพสต์ลงบนโลกออนไลน์ รวมถึงบทความและแนวคิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยว มีเพียงตอนที่เธอโพสต์เรื่องทำนองนี้เท่านั้นที่จะได้ถูกต่อว่าโจมตีน้อยลง
ในฐานะคนดังที่แทบจะพลาดท่าได้ในทุกลมหายใจ ก้าวแรกของซย่าหันโม่คือการปรากฏตัวต่อหน้าสื่อให้น้อยลง
ถังหนิงขลุกตัวอยู่ในห้องทำงาน พิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง หากเธอขอให้ซย่าหันโม่ถอนตัวจากวงการเท่ากับเป็นการตัดช่องทางการทำเงินของเจ้าตัว ถึงอย่างไรเธอก็ยังต้องการเงินไปจ่ายค่ารักษาตัวของพี่ชาย หากแต่เธอก็ปล่อยให้ซย่าหันโม่ทำงานแสดงต่อไปไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้ภาพลักษณ์ของเธอดีขึ้นแม้แต่น้อย ด้วยต่อให้เธอจะมีความสามารถหรือไม่การถูกว่าร้ายก็จะไม่จบสิ้นอยู่ดี
หลังจากออกมาจากห้องน้ำและเห็นว่าถังหนิงยังคงอยู่ในห้องทำงาน โม่ถิงผลักประตูและเดินเข้าไปด้านใน
“คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ ดูเคร่งเครียดเชียว”
“ฉันนึกอะไรขึ้นมาได้น่ะค่ะ แต่ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยไม่แน่ใจเรื่องความเสี่ยงเท่าไร” ถัง
หนิงเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมา “ซย่าหันโม่เป็นกรณีพิเศษ…”
“คุณจะเอาแต่เป็นห่วงศิลปินของตัวเองจนละเลยสุขภาพของตัวเองไม่ได้นะครับ นี่เกือบจะห้าทุ่มแล้ว ถึงเวลานอนแล้วครับ” โม่ถิงกอดอกพูดขึ้น
“ช่วยฉันคิดหน่อยสิคะ”
“โอเคครับ…แต่ผมจะคุยบนเตียงเท่านั้นนะ” โม่ถิงเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้น
ถังหนิงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะทั้งยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ จนกระทั่งโม่ถิงโบกมือผ่านหน้าเธอไปมาถึงได้ยอมแพ้ก่อนลุกเดินไปอยู่ข้างๆ เขา
ไม่ว่าเธอจะชาญฉลาดต่อหน้าสาธารณชนและมีชื่อเสียงเลื่องลือมากขนาดไหน ต่อหน้าโม่ถิงเธอก็ยังเป็นคนที่ต้องการชี้แนะจากเขาเสมอ เพราะเธอรู้ว่ามีไม่กี่คนบนโลกที่จะเหมือนสามีของเธอ คนที่สามารถควบคุมทุกสิ่งและจัดการทุกอย่างได้ราวกับราชา
นอกจากความรักแล้วถังหนิงยังนับถือในตัวโม่ถิงอีกด้วย เป็นความนับถือเหมือนอย่างที่คนอื่นมีต่อวีรบุรุษของตัวเอง…
“ไหนบอกผมมาสิว่าคุณคิดว่าอะไร”
…
เพราะซย่าหันโม่ไม่ได้ออกมาแก้ต่างให้ตัวเองต่อหน้าสื่อ ความเกลียดชังในตัวเธอจึงลดน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าภาพลักษณ์ของเธอจะกลับมาใสสะอาดได้อีก
แน่นอนว่าถังหนิงไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดีขึ้นในทันตา หากแต่ด้วยคำแนะนำจากโม่ถิงในคืนก่อน ถัง
หนิงมองสถานการณ์ได้อย่างรอบด้านขึ้นมาก และเมื่อโม่ถิงบอกว่าวิธีของเธอดูเข้าท่าเธอก็มีความกล้ามากขึ้น
วันถัดมาถังหนิงนัดเจอซย่าหันโม่ที่ห้องทำงาน ก่อนยื่นข้อมูลบางอย่างที่เธอพบในคืนก่อนให้อีกฝ่าย “เธอเองก็มีแฟนๆ ไม่น้อยนี่ มันน่าเสียดายที่จะละเลยพวกเขาออก อีกอย่างเธอก็ต้องการรายได้อยู่ ฉันเลยเตรียมปูทางให้เธอเป็นพิเศษแล้ว”
“อะไรเหรอคะ”
“ฉันอ่านโพสต์ของเธอมาเยอะ รวมถึงบันทึกการท่องเที่ยวที่เธอแชร์ด้วย ฉันรู้สึกว่านี่เป็นจุดแข็งของเธอ ดังนั้นจากนี้ไปเธอจะได้ใช้เงินของเอเจนซี่ไปเที่ยว หลังจากนั้นฉันอยากจะให้เธอแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองลงบนโลกออนไลน์ ฉันต้องการให้เธอปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในแบบที่แตกต่างออกไป”
“ฟังดูเหมือนคุณอยากให้ฉันเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในโลกออนไลน์เลยนะคะ” ซย่าหันโม่ตอบกลับ
“เธอเข้าใจถูกแล้ว…” ถังหนิงระบายยิ้ม “นี่เป็นเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอแล้ว เพราะเธอไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่สำหรับความคิดของเธอ
“ไม่สำคัญหรอกว่าคนภายนอกจะคิดว่าข่าวฉาวของเธอเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเพราะตัวเธอก็หนีเรื่องแบบนี้ไม่พ้นอยู่แล้ว เธอเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต ต้องใช้บางอย่างที่ลึกซึ้งเพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง ต้องแสดงจุดยืนเพื่อบอกทุกคนว่าถึงแม้จะถูกว่าร้ายขนาดไหนเธอก็จะตั้งมั่นกับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…
“พวกเขาจะรู้ตัวเองว่าเห็นคุณค่าในตัวเธอเอง แต่ในอีกทางหนึ่งฉันก็คิดจริงๆ ว่าบันทึกการท่องเที่ยวของเธออ่านสนุกไม่น้อยและเธอก็เขียนได้ดีด้วย
“เธออยากจะลองไหมล่ะ” ถังหนิงเอ่ยถาม
ตอนนี้เธอสามารถออกไปท่องเที่ยว เขียนบันทึก และยังคงได้รักษากระแสของตัวเองให้อยู่ในระดับสูงได้ ที่สำคัญที่สุดคือโอกาสที่จะเปลี่ยนมุมมองของคนภายนอกที่มีต่อเธอ
นี่เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจเกินไปสำหรับซย่าหันโม่
“แต่ฉันต้องเตือนเธอไว้ก่อนนะ ว่าไม่เคยมีกรณีแบบนี้ในวงการมาก่อน อย่างน้อยพอเป็นคนแบบเธอที่อยู่ๆ ก็ถูกใส่ร้ายมาโดยตลอด พวกเขาก็ยังจะใส่ความเธอต่อไป เธอถึงต้องเตรียมใจไว้ให้ดีๆ ”
“ฉันเข้าใจค่ะ” ซย่าหันโม่ตอบ
“อย่าเพิ่งรีบเชื่อใจฉันเลย ตัวฉันยังไม่มั่นใจเลย” ถังหนิงต้องการเห็นผลลัพธ์ในกรณีของซย่าหันโม่ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าวิธีของตัวเองจะใช้ได้ผลกับอีกฝ่ายหรือไม่
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลตอบรับจากสาธารณชนด้วยแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหนิงไม่รู้ถึงสิ่งที่คาดหวังเอาไว้
แต่ทว่าสิ่งที่โม่ถิงสนับสนุนถังหนิงมากที่สุดคือการที่จู้ซิงมีเดียยอมรับและเปิดกว้างให้กับศิลปินทุกรูปแบบ
และซย่าหันโม่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด…
ว่าแต่ถังหนิงจะทำสำเร็จหรือไม่ คนภายนอกจะตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างไร