“ปล่อยให้พวกเขาคิดอย่างนั้นไปเถอะค่ะ ถังหนิงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีสบายๆ “คุณบอกฉันว่าเธอต้องมั่นใจในตัวเองและฉลาดให้มากขึ้นเองนี่คะ ประธานโม่ ฉันส่งซย่าหันโม่ไปต่างประเทศเพราะคุณจุดประกายให้ฉันเลยนะ อย่าให้ฉันต้องรับผิดชอบคนเดียวสิคะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย อย่าลากผมไปด้วยสิ” โม่ถิงขำออกมาอย่างน่าหลงใหล
เมื่อก่อนสื่อต่างให้ความสนใจกับซย่าหันโม่อย่างใกล้ชิดเพราะพวกเขาต้องการรู้ข่าวฉาวของเธอ ในเวลานั้นผู้จัดการของเธอเป็นคนที่ปล่อยข่าวซุบซิบอยู่เนืองๆ เพื่อรักษาชื่อเสียงในด้านเสียๆ หายๆ ของเธอ แต่ทว่าตอนนี้เมื่อเธอเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดีย การที่สื่อจะได้ข่าวเกี่ยวกับเธอจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
แต่แน่นอนว่าสาธารณชนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้
เพราะไม่ว่าซย่าหันโม่จะวางแผนปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างไร รอยด่างพร้อยของเธอก็ไม่อาจลบล้างไปได้ แม้ว่าผู้จัดการของเธอจะเป็นคนที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น แต่ข่าวฉาวโฉ่ที่เธอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่ใช่เรื่องไม่จริงเสมอไป
…
เกือบถึงเวลาที่ซิงหลายต้องเข้าแข่งขันในรอบถัดไปแล้ว ในฐานะนักร้องหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุด ซิงหลานค่อยๆ เผยจุดแข็งของตัวเองหลังจากผ่านเข้ารอบหนึ่งร้อยคนสุดท้าย ศักยภาพของเธอก้าวกระโดดไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ ถังหนิง เจ้านายของเธอได้เข้าร่วมงานประกวดในทุกรอบที่ศิลปินของเธอเข้าแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละครั้งก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปสถานที่จัดการประกวด เธอถูกรายล้อมด้วยกองทัพนักข่าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะถามเรื่องซิงหลานแล้ว นักข่าวยังสงสัยเรื่องซย่าหันโม่อีกด้วย
“ถังหนิง บอกพวกเราได้ไหมครับว่าซย่าหันโม่ถูกส่งไปที่ไหน เธอได้ไปทำงานที่ต่างประเทศหรือเปล่าครับ”
“ถังหนิง คุณคิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ของซย่าหันโม่ได้เหรอคะ”
“ซย่าหันโม่จะกลายมาเป็นความผิดพลาดของจู้ซิงมีเดียหรือเปล่าครับ”
ถังหนิงเดินมุ่งหน้าไปยังสถานีโทรทัศน์ขณะที่ตอบคำถามสั้นๆ “ซย่าหันโม่จะต้องมีที่ยืนอยู่แล้วค่ะ ฉันไม่คิดว่าจำเป็นต้องจัดการกับเรื่องภาพลักษณ์ของเธอเลยเพราะฉันคิดว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดค่ะ”
“แต่ว่าชีวิตส่วนตัวที่น่ารังเกียจของเธอส่งผลกระทบและมีอิทธิพลในวงสังคมไม่น้อยเลยนะครับ”
“เธอถึงไม่ได้เป็นนักแสดงอีกแล้วยังไงล่ะคะ นั่นเป็นราคาที่เธอต้องจ่าย คุณยังไม่พอใจอีกเหรอคะ” ถังหนิงถามอย่างตรงไปตรงมา
นักข่าวที่ถังหนิงโต้กลับนิ่งค้างไปชั่วขณะด้วยมึนงงกับคำถามอันกะทันหัน
เมื่อเห็นว่านักข่าวคนอื่นไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถังหนิงจึงเร่งฝีเท้าและเดินเข้าสถานีโทรทัศน์ไป
“นายบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมถึงถามแต่เรื่องของซย่าหันโม่ล่ะ ถังหนิงเป็นพาดหัวข่าวที่น่าสนใจกว่าไม่ใช่หรือไง อย่างเช่นเราควรถามว่าเธอมีแผนจะกลับเข้าวงการไหม เธอจะแสดงหนังเรื่องไหนหรือเปล่า ทำไมเธอถึงตัดสินใจตั้งจู้ซิงมีเดียขึ้นมา ควรเป็นคำถามพวกนี้ไม่ใช่เหรอที่จะเป็นประเด็นให้คนพูดถึงกันน่ะ”
นักข่าวคนหนึ่งต่อว่าเพื่อนร่วมอาชีพของตัวเอง
จริงๆ แล้วยังมีประเด็นเกี่ยวกับถังหนิงที่ผู้คนจะให้ความสนใจ โชคไม่ดีนักที่ทุกคนต่างคิดกันตื้นๆ เกินไป
นี่คือความเฉลียวฉลาดของถังหนิง เธอมักมีประเด็นให้นักข่าวเขียนถึงอยู่เสมอ
ตลอดสี่ชั่วโมงของรอบคัดเลือกสามสิบสองคนสุดท้ายจากหกสิบสี่คน เป็นอีกครั้งที่ซิงหลานขึ้นแท่นเป็นผู้นำ เธอได้แสดงทักษะที่น่าประทับใจสมกับเป็นคนที่เคยผ่านการประกวดมาแล้ว และใช้จิตใจที่แข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะคู่แข่งที่ผ่านเข้ารอบหาสิบสี่คนสุดท้ายมาพร้อมกัน เธอเป็นตัวเก็งที่จะคว้าชัยชนะในการประกวดอย่างไม่ต้องสงสัย
ถังหนิงปรากฏตัวขึ้นเพื่อให้กำลังใจและความมั่นใจกับซิงหลาน ทำให้เจ้าตัวรู้ว่าจู้ซิงมีเดียจะคอยสนับสนุนเธออยู่เบื้องหลังเสมอ
หลังจากการประกวดจบลงถังหนิงพาซิงหลานไปฉลองในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ มองด้วยความชื่นชม
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ซิงหลานพอใจกับสถานะของตน เพราะเธอมีเส้นทางที่จะพาไปสู่ดวงดาวที่ชัดเจน
แม้ในเวลานี้ก็ยังมีบางคนเสนอเงินก้อนใหญ่เพื่อให้เธอถอนตัวออกจากการประกวด โดนอ้างว่าเธอได้ชนะใจทุกคนไปแล้ว
แต่หลินเฉี่ยนตอบกลับแทนซิงหลานไปว่าสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เงิน
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ถังหนิงไม่ได้แสดงท่าทีออกมามากนักด้วยได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเธอบอกหลินเฉี่ยนให้คอยดูแลความปลอดภัยของซิงหลานอย่างใกล้ชิด ถึงอย่างไรก็เคยมีนักร้องที่ถูกวางยาจนเสียงหาย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องระวังให้มาก
หลินเฉี่ยนจึงคอยระวังชีวิตประจำวันของซิงหลานอย่างรอบคอบมากกว่าเดิม
ในช่วงครึ่งเดือนซิงหลานจะต้องเข้าแข่งขันรอบสิบหกคนสุดท้าย จนกว่าจะถึงตอนนั้นเธอต้องคอยดูแลอีกฝ่ายให้ดี
จนถึงเวลานี้ซย่าหันโม่หายหน้าไปจากปักกิ่งได้เจ็ดแปดวันแล้ว หากแต่ผู้คนก็ยังคงพูดถึงเรื่องของเธอ
ซย่าหันโม่ไม่ได้ไม่มีแฟนคลับเสียทีเดียว พวกเขาแค่ถูกกดขี่มานานหลายปี ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มแฟนเหล่านี้จึงกลายมาเป็นกลุ่มคนที่ศรัทธาในตัวซย่าหันโม่จากใจจริง
พวกเขาไม่พอใจกับการตัดสินใจของถังหนิง เพราะซย่าหันโม่เซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดีย เอเจนซี่จึงต้องรับผิดชอบในการชี้แนะเธอให้อยู่ในลู่ทางที่เหมาะสม ทว่าการกระทำลับหลังของพวกเขามันหมายความว่าอะไรกัน
อันที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นความลับแม้แต่น้อย เพราะในเวลานี้การท่องเที่ยวตุรกีของซย่าหันโม่กำลังจะสิ้นสุดลง
เป็นช่วงเดียวกับที่ซย่าหันโม่ต่อสายหาถังหนิงทันที
หลังจากได้ยินข่าวจากปลายสาย ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนจะตอบกลับไป “โพสต์บนโลกออนไลน์เลย”
เช้าวันถัดมาหัวข้อของโพสต์ ฉันสบายดี ก็พุ่งขึ้นมาติดอันดับการค้นหาสูงสุด และทันทีที่ใครบางคนกดเข้าไปอ่าน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพบคือรูปในตุรกีที่ถ่ายโดยซย่าหันโม่
โพสต์มีความยาวราวๆ สองพันตัวอักษรพร้อมรูปประกอบที่แทรกอยู่ประมาณห้าหกรูป
มีสองรูปที่เธอตั้งกล้องถ่ายตัวเอง ภาพที่เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาวพร้อมหมวกสานและรองเท้าแตะ ในขณะที่เดินเลียบไปตามท้องถนนในตุรกีด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลายและสบายใจ
บ่งบอกถึงความสงบใจของใครสักคนที่ปล่อยวางภาระอันหนักอื้งบนบ่า ส่งให้ซย่าหันโม่ดูเป็นอิสระจากเรื่องราวในอดีตของเธอไปโดยสิ้นเชิง
รูปสองรูปนี้จึงเสริมให้เธอดูสุขใจและมีความคิด
[ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตของตัวเองได้ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด
[บางทีการเป็นคนดังอาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับฉันจริงๆ ฉันถึงตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยวแทน
[ตอนที่ฉันหาข้อมูลสำหรับการไปเที่ยวตุรกี ฉันค้นพบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆ ตัวหนึ่งด้วยล่ะ มีใครอยากให้ฉันแนะนำไหมคะ]
ประโยคสุดท้ายของซย่าหันโม่ทิ้งท้ายด้วยสัญลักษณ์หน้ายิ้ม ทำให้เธอดูเป็นอิสระและขี้เล่น
นอกจากนี้เธอยังแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่น่าใช้อีกด้วย
ทุกคนที่เห็นอันดับการค้นหาต่างสงสัยว่าทำไมโพสต์นี้ถึงได้รับความสนใจมากขนาดนี้
ดังนั้นทันทีที่พวกเขาเห็นว่าถูกเขียนโดยซย่าหันโม่ก็เหยียดยิ้มและนึกว่าเป็นข่าวฉาวที่ถูกปล่อยออกมา
หากแต่หลังจากอ่านโพสต์จบพวกเขาก็ตกอยู่ในความเงียบ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่อยากที่จะต่อว่าเธอ
เธอยอมแพ้กับการเป็นนักแสดงแล้ว จะมีใครที่ยังมีใจจะพูดจาร้ายๆ ใส่เธอได้ลงคอ
ทั้งเธอยังไม่ได้ออกมาโทษหรือแก้ต่างอะไรหลังจากโดนใส่ความมานาน เธอกลับเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ใครจะยังหาเรื่องต่อว่าและเกลียดซย่าหันโม่ในตอนนี้ได้อีก หากใครสักคนตกอยู่ในสถานการณ์อย่างเธอและถูกเกลียดชังโดยไม่มีเหตุผล ป่านนี้พวกเขาคงจะจิตตกไปแล้ว
ดังนั้นความคิดเห็นใต้โพสต์ของเธอจึงเป็นไปเช่นนี้
[อ้อ ตอนนี้กำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่เธอแนะนำอยู่เลย น่าทึ่งจริงๆ! ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ฉันเคยเกลียดมานานจะมีรสนิยมเหมือนกับฉัน ฉันจะลาออกจากการเป็นแอนตี้แฟนแล้วล่ะ]
[ดูเหมือนฉันจะเกลียดเธอไม่ลงเลยล่ะ ทำไมกันนะ]
[แค่แอนตี้แฟนคนหนึ่งที่ผ่านมา… แต่ว่าอยู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าเธอก็มีมุมน่ารักขึ้นมา ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย]
[สำนวนการเขียนของเธอใช้ได้เลยนะและก็เขียนได้ถูกไวยากรณ์ด้วยล่ะ]
[เห็นชัดๆ ว่าถังหนิงปูทางนี้ให้เธอ แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะคล้อยตามมัน ฉันยอมแพ้แล้ว… ถึงเวลาที่ต้องปล่อยซย่าหันโม่ไปแล้วล่ะ]