ผู้เข้าประกวดร้องเพลงถูกทำร้ายร่างกายอย่างโจ่งแจ้ง หากข่าวนี้ถูกเปิดเผยออกไปต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โตแน่
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้ซิงหลานไม่อาจสนใจสิ่งอื่นใดไปมากกว่าอาการบาดเจ็บของหลินเฉี่ยนได้
ก่อนหน้านี้เธอไม่ควรทิ้งให้หลินเฉี่ยนอยู่เพียงลำพัง แม้ว่ามันอาจจะทำให้พวกเธอทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บและสถานการณ์แย่ลงก็ตาม มันคงจะดีกว่าความรู้สึกผิดที่เธอได้พบเจออยู่ในตอนนี้
ไม่นานหมอก็ก้าวออกมาจากห้องฉุกเฉินและพูดกับซิงหลานที่กำลังนั่งอยู่ริมทางเดิน “พยายามติดต่อญาติของเธอดูนะครับ เธอเสียเลือดมากและต้องถ่ายเลือด พอดีเลือดที่เรามีในคลังตอนนี้เพิ่งจะถูกส่งไปที่โรงพยาบาลอื่นน่ะครับ”
“เลือดของฉันใช้ได้ไหมคะ ใช้เลือดของฉันได้ไหม”
“คุณเลือดกรุปอะไรครับ”
“เอค่ะ”
“อย่างนั้นก็เลิกพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ไปได้เลยครับ โทรหาครอบครัวของเธอ เลือดของคุณเข้ากับเธอไม่ได้ครับ” พูดจบเขาก็กลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
ซิงหลานกำโทรศัพท์ของหลินเฉี่ยนไว้และทำได้เพียงนึกถึงคนคนหนึ่ง เฉวียนจื่อเยี่ย เธอจึงต่อสายหาเขาโดยไม่รีรอ
เฉวียนจื่อเยี่ยมาถึงโรงพยาบาลในสิบนาทีให้หลังด้วยท่าทีตื่นตระหนกพร้อมเท้าเปลือยเปล่าทั้งยังอยู่ในชุดนอน
ทันทีที่หมอเดินออกมาอีกครั้ง เขาก็พลันตะโกนออกมา “ผมเลือดกรุปโอครับ”
“คุณเกี่ยวข้องอะไรกับคนไข้ครับ” หมอเอ่ยถาม
“ผมเป็นพี่ชายเธอครับ” เขาตอบ
“เราได้เลือดมาจากโรงพยาบาลอื่นแล้ว คุณเข้ามาด้านในก่อนก็ได้ครับ”
แม้ว่าจะรู้กันดีว่าเลือดกรุปโอสามารถให้เลือดได้กับทุกกรุป แต่มันก็ไม่อาจใช้ถ่ายเลือดให้คนอื่นได้มั่วซั่ว ด้วยเม็ดเลือดที่อาจมีแอนตี้เจนปะปนอยู่แม้จะเป็นไปได้ต่ำก็ตาม
ซิงหลานมองเฉวียนจื่อเยี่ยหายเข้าไปห้องฉุกเฉิน ไม่นานหลังจากนั้นเขาถึงได้กุมแขนตัวเองเดินกลับออกมา
เธอเดินเข้าไปหาเขาและพบว่าเสียงของตัวเองดูอ่อนแรงลงเล็กน้อย “คุณเฉวียนคะ…”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาถามขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด เป็นครั้งแรกที่เขาสลัดท่าทีเจ้าเสน่ห์ของตัวเองและเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“เราโดนดักทำร้ายค่ะ…” ซิงหลานอธิบายสั้นๆ “หลินเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บเพราะเธอพยายามจะปกป้องฉัน…”
ได้ยินดังนั้นเฉวียนจื่อเยี่ยก็ส่งโทรศัพท์ของตัวเองให้เธอ “ขอเบอร์เธอด้วย”
“โอเคค่ะ” ซิงหลานรับโทรศัพท์มาก่อนจะพบว่ามือของเธอยังคงสั่นระริกอยู่ เห็นได้ชัดว่าความหวาดกลัวยังคงหลงเหลือในใจเธอ หลังจากบันทึกเบอร์ในโทรศัพท์ของเขา เธอก็ยื่นมันคืนให้กับเจ้าของอย่างนอบน้อม
“อย่าบอกหลินเฉี่ยนว่าฉันมาที่นี่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง เฉี่ยนเอ๋อร์ไม่มีญาติที่ไหนอีก ฝากบอกถังหนิงว่าถ้าเฉี่ยนเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บอีกฉันจะเป็นคนดูแลเธอเอง”
ซิงหลานดูออกว่าอีกฝ่ายวิตกกังวลไม่น้อย จนถึงขั้นเรียกหลินเฉี่ยนด้วยสามชื่อที่ไม่เหมือนเดิมในประโยคเดียว
ทว่าเพราะความใจแข็งของหลินเฉี่ยน เธอจึงปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวกับเฉวียนจื่อเยี่ยอย่างหนักแน่น
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะปกป้องเธออยู่เงียบๆ
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณเฉวียน”
หลังจากนั้นซิงหลานได้ติดต่อถังหนิง เธออยู่ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาลในตอนที่ได้รับสายจากซิงหลาน แม้ว่าซิงหลานจะพะวงอยู่กับการช่วยชีวิตหลินเฉี่ยนและไม่ได้ติดต่อถังหนิงมาตั้งแต่ทีแรก แต่ข่าวก็เริ่มมีการรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยสถานที่เกิดเหตุอยู่ในบริเวณที่มีคนพลุกพล่าน
ถังหนิงและโม่ถิงใช้เวลาไม่นานในการมาถึงโรงพยาบาล
“พี่หนิงคะ…”
“หลินเฉี่ยนเป็นยังไงบ้าง” ถังหนิงถามทันที “เธอบาดเจ็บด้วยหรือเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ หลินเฉี่ยนเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉินเมื่อกี้นี้เอง” ซิงหลานตอบก่อนน้ำตาจะไหลอาบแก้ม “ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“ไม่เป็นไรนะ มันไม่ใช่ความผิดของเธอ” ถังหนิงปลอบขณะที่โอบกอดซิงหลานไว้ “มันผ่านไปแล้วนะ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วและหลินเฉี่ยนก็จะไม่เป็นไร”
ซิงหลานใจเย็นลงด้วยคำปลอบโยนของถังหนิง
แน่นอนว่าต้องขอบคุณการจัดการของลู่เช่อจึงไม่มีนักข่าวสักคนโผล่มาที่โรงพยาบาล ทั้งยังโทรติดต่อตำรวจหลังตรวจสอบอาการของหลินเฉี่ยนโดยที่โม่ถิงยังไม่ได้สั่ง มีเหตุการณ์ลอบกัดมากมายเกิดขึ้นในวงการนี้ แต่ทว่าไม่มีใครกล้ามาลองดีกับไห่รุ่ย ครั้งนี้พวกเขาทำเกินไปแล้ว!
ถังหนิงพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีบางคนกำลังพยายามบีบให้ซิงหลานถอนตัวจากการประกวด
และผู้หญิงที่ต้องการให้ลูกสาวของตัวเองได้รับชัยชนะคือผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง…
…
ไม่นานหลินเฉี่ยนก็ได้สติขึ้น ในจังหวะที่ลืมตาขึ้นมาและเห็นคนอยู่ข้างเตียง สิ่งแรกที่เธอเอ่ยถามคือ “เฉวียนจื่อเยี่ยมาที่นี่หรือเปล่าคะ ฉันคิดว่าตัวเองเห็นเขาตอนที่ยังไม่รู้สึกตัวดี”
“ดื่มน้ำก่อนเถอะนะคะ” ซิงหลานไม่ได้ตอบพลางยกแก้วน้ำอุ่นจ่อกับริมฝีปากที่แห้งแตกของหลินเฉี่ยน “คุณหัวแตกน่ะค่ะ”
“ตอนนี้เย็บแล้วใช่ไหมคะ” หลินเฉี่ยนถามทีเล่นทีจริงอย่างพยายามคลายบรรยากาศความตึงเครียดในห้อง
“หยุดพูดเล่นแบบนี้ได้แล้วค่ะ” เดิมทีซิงหลานเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย แต่หลินเฉี่ยนยังทำทีเหมือนไม่เป็นอะไร ทำให้เธอยิ่งโทษตัวเองมากขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ฉันเป็นคนช่วยชีวิตคุณไว้นะคะ” หลินเฉี่ยนส่งสายตาหยอกล้อให้ทั้งซิงหลานและถังหนิง “อีกอย่างคุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉันว่าเฉวียนจื่อเยี่ยได้มาที่นี่หรือเปล่าเลยนะคะ”
“เธอหวังให้เขามาหรือเปล่าล่ะ” ถังหนิงถามขณะที่ขยับเข้าไปใกล้
“คิดๆ ดูแล้วฉันไม่ได้หวังให้เขามาหรอกค่ะ แต่ลึกๆ ในใจเขาก็เป็นครอบครัวที่แท้จริงของฉันเพียงคนเดียวมาหลายปี…”
“เขามาแล้วเขาก็ไปแล้วหลังจากให้เลือดกับคุณค่ะ เขารีบมาที่นี่จนสายตรวจบนทางด่วนมารอเขาอยู่ด้านล่าง พวกเขาตามไล่จับเขามาตลอดทางที่มาที่นี่ พรุ่งนี้เขาจะต้องตกเป็นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งแน่ค่ะ” ซิงหลานเล่าออกมา
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเฉี่ยนก็หลับตาลงช้าๆ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้สัมผัสถึงความรักที่อบอุ่นเช่นนี้
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันจะตามสืบและทำเรื่องนี้ให้เธอกระจ่างเอง” ถังหนิงรับปาก
“พี่หนิงคะ ฉันพอจะคาดเดาสาเหตุได้อยู่ เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ระวังและอยู่ที่บริษัทจนดึกดื่น”
“คือว่า…” ซิงหลานออกอาการลังเล แต่สุดท้ายก็บอกกับถังหนิง “เฉวียนจื่อเยี่ยบอกก่อนที่เขาจะไป ว่าถ้าคุณปล่อยให้หลินเฉี่ยนบาดเจ็บอีกเขาจะเป็นคนดูแลเธอเองค่ะ…”
“พวกคุณกลับบ้านกันไปได้เถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว พรุ่งนี้ต้องมีข่าวใหญ่แน่ๆ ” หลินเฉี่ยนเอ่ยพลางโบกมือไปมาอย่างอ่อนแรง “พยาบาลหลายคนก็อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ”
ถังหนิงมองหลินเฉี่ยนอย่างเดาได้รางๆ ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่จึงบอกกับซิงหลาน “กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“ฉันอยากอยู่นี่คะ…”
“ไม่จำเป็นต้องอยู่หรอก มีคนจะมาดูแลเธออยู่แล้วล่ะ” ถังหนิงบอกใบ้ขณะที่ดึงตัวซิงหลานออกมา
ในเวลาเดียวกันโม่ถิงคอยปกป้องภรรยาเขาอยู่ตลอดเวลาพร้อมพยายามเก็บซ่อนความไม่พอใจในแววตาของตัวเอง หากมีใครกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับถังหนิงจริง ต่อให้พลิกปักกิ่งหาก็ต้องทำ!
ไม่นานหลังจากนั้น…
ในขณะที่หลินเฉี่ยนนอนอยู่บนเตียง เธอชะเง้อคอมองไปนอกประตู สัมผัสได้ชัดว่ามีบางคนอยู่ด้านนอก ก่อนจะว่าขึ้นพร้อมถอนหายใจในท้ายที่สุด “เข้ามาสิ”
เฉวียนจื่อเยี่ยที่ยืนกอดอกอยู่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูพลางส่ายหน้า “ฉันจะคอยเฝ้าเธออยู่แค่ตรงนี้ นอนได้แล้วล่ะ”
“บอกให้เข้ามาไงล่ะ…”
“เธอไม่ได้บอกว่าไม่อยากเห็นหน้าฉันเหรอ” เขาเอ่ยถาม “เฉี่ยนเฉี่ยน ให้ฉันได้ดูแลเธอหรือหาคนมาดูแลเธอก็ได้ อย่าให้ฉันต้องปล่อยให้เธออยู่คนเดียวแบบนี้เลยนะ สำหรับฉันแล้วนี่มันแย่กว่าการตายซะอีก ถึงยังไงฉันก็ดูแลเธอในฐานะพี่ชายมานานหลายปี”
“นายก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะฉันไม่รู้จะเข้าหน้ากับนายยังไง ฉันเองก็ทรมานใจไม่ต่างกับนายหรอกนะ” เธอตอบ “ฉันแค่อยากให้เราใช้ชีวิตอย่างให้เกียรติกันบ้างเท่านั้นเอง”