“คุณหูไม่ดีหรือยังไงครับ” เฉวียนจื่อเยี่ยส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณกับหลินเฉี่ยนมีอะไรกันในห้องน้ำเหรอคะ”
“ไม่ว่าเราจะทำอะไรกัน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” เขาเอ่ยพลางหยิบแก้วไวน์แล้วเดินหนีไป
เขาไม่ได้ยอมรับและก็ไม่ได้ปฏิเสธมันเช่นกัน
หลี่อ้ายกำหมัดแน่น เธอรู้สึกหมความอดทนกับสงครามประสาทของเฉวียนจื่อเยี่ย แม้ว่าเขาจะไม่ได้แก้ตัวหากแต่ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอแม้แต่น้อย
เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ หากแต่เธอก็เกลียดการที่ต้องตกเป็นรองหลินเฉี่ยน
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน
ด้วยเหตุนี้หลี่อ้ายจึงเดินตรงไปหาคุณนายเฉวียนก่อนเอ่ยถามเสียงเบา “คุณป้าคะ หนูขอคุยด้วยสักครู่ด้วยได้ไหมคะ”
คุณนายเฉวียนพยักหน้ารับและเดินออกจากห้องไปยังสวนด้านนอก
“เสี่ยวอ้าย มีอะไรจะพูดเหรอจ๊ะ”
“คุณป้าคะ ไม่คิดว่าจื่อเยี่ยกับหลินเฉี่ยนสนิทสนมกันเกินไปหน่อยบ้างเหรอคะ” เธอถามชี้ชวน
“เสี่ยวอ้าย พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ต้องสนิทกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วสิจ๊ะ อย่าคิดมากเลยนะ”
“แต่ว่าเมื่อกี้ หนูเพิ่งเห็นพวกเขาจูบกันในห้องน้ำนะคะ” หลี่อ้ายพูดเกินจริงด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ฉันไปถามจื่อเยี่ยเรื่องนี้แล้วและเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วยค่ะ”
ได้ยินดังนั้นคุณนายเฉวียนก็นิ่งค้างไปพร้อมดวงตาเบิกกว้าง “หนูมั่นใจว่าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม”
“ค่ะ ตอนที่จื่อเยี่ยเดินออกมาจากห้องน้ำฉันยังเห็นเขาเช็ดลิปสติกออกจากปากอยู่เลยค่ะ”
สิ้นประโยค คุณนายเฉวียนก็กำหมัดแน่นอย่างกรุ่นโกรธและก้าวปึงปังกลับเข้าไปในบ้าน แม้ว่าจะมีแขกมากมายและอยู่ในงานเลี้ยงสำคัญ เธอไม่สนใจสิ่งใดขณะที่เดินตรงเข้าไปหาหลินเฉี่ยน ก่อนจะฟาดฝ่ามือตบลงไปบนใบหน้าของเธอ
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังก้องไปทั่วห้อง พาให้ทุกสายตาต้องหันมาให้ความสนใจ
“ฉันไม่ได้เลี้ยงเธอมาให้มายั่วยวนพี่ชายของตัวเองนะ” คุณนายเฉวียนตวาดลั่น
หลินเฉี่ยนไม่ได้ตอบโต้กับอารมณ์โกรธของอีกฝ่าย เธอกลับรอจนกระทั่งเฉวียนจื่อเยี่ยเดินมาอยู่ตรงหน้าก่อนที่จะตบหน้าเขา
“เธอทำอะไรของเธอ” คณนายเฉวียนขู่คำราม
“ฉันจะทำกับลูกชายของคุณเหมือนอย่างที่คุณทำกับฉันไงคะ…” หลินเฉี่ยนตอบกลับอย่างเย็นชา “ขอโทษทีนะคะ แต่ฉันไม่เคยยั่วยวนลูกชายของคุณ มีแต่เขานั่นแหละที่มาเข้าหาฉันเอง”
“ตระกูลเฉวียนเป็นคนที่ชุบเลี้ยงเธอมานะ”
“แต่คุณก็เอาฉันไปขายเหมือนกันนี่คะ” เธอสวนทันควัน “บุญคุณที่เลี้ยงดูฉันมามันจบลงไปแล้วตั้งแต่ตอนที่คุณพยายามจะขายฉันแล้วค่ะ แต่คุณก็ยังมีหน้ามาอ้างถึงมันอีก”
“อีกอย่างฉันกับเฉวียนจื่อเยี่ยก็ไม่มีเกี่ยวข้องทางสายเลือดกัน ต่อให้ฉันจะคบกับเขา คุณก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าฉันไปอ่อยลูกชายของคุณหรือเปล่า งั้นฉันจะทำให้คุณดูว่าฉันยั่วเขายังไงเองค่ะ” พูดจบหลินเฉี่ยนก็วาดมือโอบรอบคอเฉวียนจื่อเยี่ย และประกบริมฝีปากเข้ากับอวัยวะเดียวกันของเขา เธอผละออกมาไม่นานหลังจากนั้น ก่อนเอ่ยเย้ากับคุณนายเฉวียน “สมใจคุณแล้วนะคะ”
“กรี๊ด… เธอมันนังหน้าด้านชัดๆ!” คุณนายเฉวียนทำได้เพียงสบถออกมา
อย่างไรก็ตาม หลินเฉี่ยนผลักเฉวียนจื่อเยี่ยไปด้านข้างและส่งยิ้มเหยียดเย็นชากลับไป “บุญคุณที่ฉันติดค้างกับตระกูลเฉวียนสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ
“และนาย เฉวียนจื่อเยี่ยถ้านายไม่ย้ายออกจากบ้านฉัน ฉันจะย้ายออกไปเอง” พูดจบเธอก็ก้าวออกจากบ้านไปต่อหน้าแขกเหรื่อทั้งหมด “น่ารังเกียจที่สุด…”
คุณนายเฉวียนโกรธจนเกือบจะหัวใจวาย แต่ทว่าเธอก็ทำอะไรไม่ได้
“เฉวียนจื่อเยี่ย อธิบายเรื่องนี้กับแม่มานะ”
“เฉี่ยนเฉี่ยนก็บอกทั้งหมดแล้วนี่ครับ…” เขายักไหล่ให้แม่ของตัวเอง “แม่กำลังพยายามจะทำให้ตัวเองเจ็บใจอีกครั้งหรือไงครับ”
“นังคนหน้าไม่อายนั่น! บอกว่า…”
“เธอพูดถูกครับ ผมเป็นฝ่ายที่ไปชอบเธอเอง ผมคอยตามตื๊อเธอไปทั่วโลกมาตลอดและที่มาเป็นนักแสดงก็เพราะเธอ” เฉวียนจื่อเยี่ยตอบกลับทันที “และเพื่อจะได้เข้าใกล้เธอมากขึ้นผมยังย้ายไปอยู่ข้างห้องเธอด้วยครับ”
“ลูกไม่อายตัวเองบ้างเลยเหรอ” คุณนายเฉวียนทุบเข้าที่อกของลูกชาย “เธอเป็นน้องสาวของลูกนะ!”
“ผมไม่เห็นจำได้ว่าแม่เคยคลอดน้องสาวออกมาเลยนะครับ” หลังเอ่ยกับคุณนายเฉวียน เขาวางแก้วแชมเปญในมือลงและหันไปหาแขกทั้งหลาย “ผมต้องขอโทษทุกคนด้วย ตอนนี้ผมขอตัวไปตามเฉี่ยนเฉี่ยนก่อน ทำตัวตามสบายได้เลยนะครับ”
จากนั้นเฉวียนจื่อเยี่ยก็วิ่งตามหลินเฉี่ยนออกไป
ความจริงแล้วเขารู้สึกขอบคุณหลี่อ้ายไม่น้อย
หากหลี่อ้ายไม่เปิดเผยเรื่องของพวกเขา เขาคงไม่รู้ว่าเฉี่ยนเฉี่ยนของเขากลายเป็นคนเข้มแข็งขนาดนี้ ตบที่เธอฟาดมาที่หน้าเขาเมื่อสักครู่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลยสักนิด เอาจริงๆ แล้วเธอฟาดมาสุดแรงด้วยซ้ำ ที่สำคัญที่สุดคือเฉี่ยนเฉี่ยนของเขาเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเองได้แล้ว…
ดังนั้นเขาจึงไม่โกรธเคืองกับตบของเธอแต่อย่างใด แต่กลับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลังจากถูกคุณนายเฉวียนต่อว่าในครั้งนี้ เฉวียนจื่อเยี่ยรู้สึกได้ถึงการปลดปล่อย ยิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมายด้วยแล้ว เพราะเท่ากับว่ามันได้ถูกประกาศให้ทั้งโลกได้รับรู้
จากวันนี้เป็นต้นไป เขาและหลินเฉี่ยนคงจะถูกเรียกว่า คู่รักต้องห้าม แต่เขากลับไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แย่นัก
…
แค่นึกถึงคุณนายเฉวียน หลินเฉี่ยนก็รู้สึกขุ่นมัวในใจขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้กลับบ้านหลังจากออกมาจากงานแต่กลับไปโผล่ที่บ้านของซิงหลานแทน เธอไม่อยากเจอเฉวียนจื่อเยี่ยในคืนนี้
เมื่อเห็นหลินเฉี่ยนอยู่ในชุดหรูหรา ซิงหลานเดาได้ว่าเธอเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงครั้งสำคัญ แต่เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายเธอก็ไม่กล้าถามอะไรมากนัก
“คืนนี้ฉันขออยู่ด้วยนะคะ ฉันไม่อยากกลับบ้านน่ะ”
“เพราะเฉวียนจื่อเยี่ยเหรอ” ซิงหลานหัวเราะ
“คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันหรอกค่ะ…” หลินเฉี่ยนถอนหายใจออกมา
“ค่ะ ฉันไม่เข้าใจ แต่ฉันรู้สึกว่าคุณกับเฉวียนจื่อเยี่ยผูกพันกันมานานแล้วนะคะ ถ้าคุณจะทิ้งกันและกันไป คุณจะอยู่กับใครล่ะคะ อีกอย่างเฉวียนจื่อเยี่ยจะปล่อยคุณไปจริงๆ เหรอ ที่สำคัญที่สุดคือคุณรู้สึกยังไงกับเขา คุณเลิกหลอกตัวเองเถอะนะคะ”
หลินเฉี่ยนไม่ตอบ
“ไม่ว่าคุณจะลงเอยกับใคร ก็ต้องมีเรื่องให้ลำบากใจทั้งนั้นแหละค่ะ… อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้เลย”
พูดจบซิงหลานก็ลุกขึ้นก่อนตบบ่าหลินเฉี่ยนเบาๆ “ฉันมีซ้อมพรุ่งนี้เลยอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้ อยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลยนะคะแต่เดี๋ยวคุณก็ต้องไปแล้วล่ะค่ะ”
หลินเฉี่ยนปิดปากเงียบทว่าดวงตาของเธอกลับฉายแววสับสนเล็กน้อย
จากนั้นไม่นานหลินเฉี่ยนได้รับข้อความจากเฉวียนจื่อเยี่ย [เฉี่ยนเฉี่ยน กลับบ้านเถอะนะ]
‘ไม่มีทาง!’ หลินเฉี่ยนคิด
เธอจะไม่ปล่อยเรื่องของคุณนายเฉวียนยืดเยื้อต่อไปอีก แม้ว่าตัวเองจะตบหน้าเฉวียนจื่อเยี่ยไปแล้วก็ตาม
ในไม่ช้าสายโทรศัพท์จากถังหนิงก็เข้ามาแทรกความคิดของเธอ “เรื่องของเธอเป็นข่าวใหญ่ลุกลามไปทั่วแล้วนะ”
“อะไรนะคะ” หลินเฉี่ยนอึ้งไป
“อย่าลืมสิว่าพวกเธอทั้งสองคนอยู่ในวงการบันเทิง ข่าวบอกว่าพวกเธอเป็นคู่รักผิดศีลธรรม…” ถังหนิงหัวเราะออกมา “เฉวียนจื่อเยี่ยเปิดเผยความรู้สึกของเขาออกมาแล้วสินะ แล้วเธอล่ะ จะแก้ข่าวให้เขายังไงดี ฉันต้องการแค่คำคำเดียวจากปากของเธอนะ…”