“ญาติไม่ต้องกังวลนะครับ เธอได้รับควินิดีนจำนวนน้อยมาก จะมีผลกับคนไข้และเด็กเล็กน้อยเท่านั้น ถือว่าเธอโชคดีมาก” หมอกล่าวพลางถอดถุงมือออก จากนั้นเขาจึงมองทั้งสองด้วยสีหน้าสงสัย “พูดกันตามหลัก ยาอย่างควินิดีนไม่สามารถนำออกไปนอกโรงพยาบาลได้ มันไม่ใช่ยาที่ใช้กับคนไข้ทั่วไป แล้วมันไปอยู่ในซุปไก่ได้ยังไง”
โม่ถิงมองไป๋ลี่หวา และไป๋ลี่หวาส่ายหน้าด้วยความสับสน “ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ”
ไป๋ลี่หวาไม่รู้เลยว่าซุปไก่ของเธอถูกวางยาตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณโม่ ได้โปรดเชื่อฉันนะคะ ฉันไม่มีวันทำร้ายถังหนิงกับลูกของเธอ”
ใบหน้าหล่อเหลาของโม่ถิงตึงขึ้นเล็กน้อย ท่าทีของเขาเย็นชาดุจน้ำแข็ง แต่เขายังคงไว้วางใจในตัวไป๋ลี่หวา เขาจึงทำเพียงแค่พยักหน้า
“อาการของคนไข้คงที่แล้ว ญาติสามารถเข้าไปเยี่ยมได้แล้วครับ”
ได้ยินคำพูดของหมอ โม่ถิงก็กำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง ทว่าขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าไป พยาบาลที่อยู่ภายในห้องรีบวิ่งออกมาและเรียกหมอคนนั้นเอาไว้ “คุณหมอคะ คนไข้มีบางอย่างไม่ค่อยปกตินักค่ะ…”
ได้ยินเช่นนั้น โม่ถิงก็พยายามเข้าไปภายในห้องทันทีแต่พยาบาลได้มาขวางเอาไว้ “คุณคะ ตอนนี้คุณยังเข้าไปไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะทำให้การรักษาคนไข้เกิดความล่าช้า”
“ออกไปให้พ้นทาง!” โม่ถิงผลักผู้หญิงคนนั้นออกไปด้านข้างทันทีและรีบเข้าไปในห้องตรวจ ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าซีดขาวของถังหนิง เขาก็รีบเข้าไปกุมมือเธอทันที “ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ข้างๆ คุณแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหรือลูก ผมจะฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องแล้วตามคุณไปทันที”
ทั้งสองไม่ได้กำลังถ่ายทำภาพยนตร์และคำพูดเหล่านี้เหมาะที่จะอยู่ในนิยายสมัยโบราณเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของโม่ถิง ทีมแพทย์ต่างไม่คิดว่าเขากำลังพูดโกหก
“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันทั้งนั้น…” ถังหนิงกล่าวขณะที่เธอบีบมือของโม่ถิงไว้แน่น อาจเป็นเพราะความปวดทำให้ฝ่ามือของถังหนิงเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ “จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉันทั้งนั้น ถิงไม่ต้องห่วงนะ”
“คุณหมอคะ คนไข้มีอาการมดลูกหดตัว เราต้องผ่าตัดเดี๋ยวนี้” พยาบาลแจ้งให้หมอทราบขณะที่เธอสังเกตอาการของถังหนิง
“ดูเหมือนผมจะประเมินผลของควินิดีนในคนไข้รายนี้ต่ำไป เร็วเข้า!”
ไป๋ลี่หวาตัวแข็งทื่อด้วยความกลัวขณะที่เธอเฝ้ารออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านนอกห้องและไม่แน่ใจว่าเธอควรจะทำอะไร ขณะเดียวกัน โม่ถิงก็ถูกผลักออกจากห้องขณะที่เขามองดูถังหนิงถูกพาไปยังห้องคลอด
“โม่ถิง…”
“คุณอาจจะไม่ใช่คนใส่ยาลงในซุป แต่เกิดอะไรขึ้นกับความรับผิดชอบที่คุณมีต่อถังหนิง”
ไป๋ลี่หวาอึ้งขณะที่เธอก้มหน้าลงอย่างโทษตัวเอง “ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง”
“คิดให้ดีๆ ความผิดปกติเกิดขึ้นตรงไหน” โม่ถิงไม่ปล่อยความโกรธของเขาออกมาใส่คนที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน เมื่อเป็นเรื่องที่ต้องดูแลถังหนิง ความรับผิดชอบในส่วนของเขานั้นใหญ่กว่าอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นไม่นาน หมอเดินออกมาจากห้องคลอดตามด้วยเตียงของถังหนิง
“สัญญาณเท็จ มันเป็นแค่การหดตัวหลอก” หมอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะให้คำอธิบาย “ผมแนะนำให้คนไข้พักอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกสักสองสามวัน ผมจะได้คอยดูอาการ ถ้าอาการเกิดขึ้นอีกหรือคนไข้ต้องคลอดก่อนกำหนด เราจะได้ดูแลเธอได้อย่างทันท่วงที”
หลังได้ยินคำพูดของหมอ โม่ถิงก็มองถังหนิง หัวใจเขาปวดร้าวจนรู้สึกชาไปหมด
หากการตั้งครรภ์จะต้องยุติลง เขาจะขอไม่ลูกดีกว่าให้ถังหนิงต้องมาเจ็บปวด
หลังจากไป๋ลี่หวาได้ยินว่านั่นเป็นการเจ็บท้องหลอก เธอก็ทรุดตัวลงด้วยความกลัว
“ญาติคนไข้ไม่ต้องเห็นห่วงนะครับ ตอนนี้อาการของคนไข้คงที่แล้วและอาการแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก…”
ที่จริงแล้วเหตุผลที่หมอพูดเช่นนี้เพื่อให้ปลอบใจโม่ถิงเพราะเขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เยือกเย็นและอันตรายของโม่ถิง
หลังจากนั้นถังหนิงก็ถูกพาไปยังห้องพักคนไข้ของเธอ โม่ถิงถอดเสื้อแจ็กเกตออกแล้วโยนมันไปที่ด้านหนึ่งก่อนนั่งลงบนขอบเตียงของถังหนิงและกุมมือเธอไว้
“ผู้หญิงคนนั้นเหมือนถังหนิงเลย”
“จุ๊ๆ … เธออยากตายหรือไง ไม่เห็นความน่ากลัวในตาของประธานโม่งั้นเหรอ” พยาบาลสาวสองคนกระซิบอยู่ด้านนอกห้องคนไข้
โม่ถิงฟื้นตัวจากความเป็นกังวลแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาลู่เช่อ “สืบทุกคนที่เข้าออกไฮแอทรีเจนซี่ระหว่างเมื่อวานกับวันนี้ อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว ฉันต้องการให้นายหาทุกคน ต่อให้เป็นผีก็ตาม”
ลู่เช่อไม่รู้ว่าเกิดขึ้นขึ้น “ท่านประธานครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจ”
โม่ถิงใช้เวลาหนึ่งนาทีในการรวบรวมสติ ขณะเดียวกันลู่เช่อเองก็ไม่กล้าวางสาย
“มาที่โรงพยาบาลก่อนแล้วกัน”
ทันทีที่เขาได้ยินคำว่า ‘โรงพยาบาล’ ลู่เช่อก็พอเดาเหตุผลคร่าวๆ ที่ทำให้โม่ถิงโดดประชุมในที่ทำงานได้ มีเพียงถังหนิงเท่านั้นที่สามารถทำให้โม่ถิงลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
ไม่นานนักลู่เช่อก็เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลและมายังห้องพักของถังหนิง หลังจากป้าไป๋เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ลู่เช่อก็รู้สึกช็อก ไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครกล้าเดินตรงเข้าไปในบ้านและก่ออาชญากรรมแบบนี้
“ช่วยเตรียมเสื้อผ้ามาให้ฉันสองชุดแล้วพาคนคนนั้นมาที่นี่”
“ใครหรือครับ”
คนที่ว่านั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮว่าเหวินเฟิ่ง
นากจากฮว่าเหวินเฟิ่งแล้ว โม่ถิงนึกไม่ออกว่าจะมีใครที่สามารถแอบเข้าไปในบ้านของพวกเขาโดยไม่มีใครรู้และคุ้นเคยกับยาอย่างควินิดีน จะเป็นใครอื่นไปได้อีก
เขามักจะทำเป็นไม่เห็นเพราะถังหนิงยืนกรานที่จะรับมือกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขารักผู้หญิงของเขา แต่เขาจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ใครมาทำเรื่องไร้ศีลธรรม
ฮว่าเหวินเฟิ่งได้เตรียมการเรื่องนี้มานาน แต่เธอไม่มีค่าอะไรในสายตาของโม่ถิง
…
เมื่อถึงเวลาค่ำ ลู่เช่อมาถึงที่ไฮแอทรีเจนซี รออยู่หน้าบ้านของฮว่าเหวินเฟิ่งและคุณพ่อโม่อย่างใจเย็น
ทันทีที่ฮว่าเหวินเฟิ่งเห็นลู่เช่อ เธอก็แสร้งทำเป็นใจเย็น “ผู้ช่วยลู่เช่อ คุณคงมาผิดที่แล้ว นี่ไม่ใช่บ้านของโม่ถิง!”
“ผมมาผิดบ้านหรือไม่นั้น เราจะได้รู้กันหลังจากที่คุณมากับผมครับ” ลู่เช่อกล่าวอย่างสุภาพ “ท่านประธานกำลังรอคุณอยู่”
“โม่ถิงทำตัวหยาบคายแบบนี้เวลาต้องการพบแม่ของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” คุณพ่อโม่ถามด้วยความไม่พอใจ “ผู้หญิงคนนั้นสอนให้เขาเป็นคนแบบนี้เรอะ”
ลู่เช่อตระหนักดีว่าคนทั้งสองนั้นไร้ยางอายที่สุด ดังนั้นเขาจึงส่งสัญญาณให้บรรดาบอดีการ์ดของเขาเคลื่อนไหวทันที
ท่าทีของฮว่าเหวินเฟิ่งเปลี่ยนไปขณะที่เธอมองคุณพ่อโม่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ลู่เช่อห้ามคุณพ่อโม่ไว้และกล่าว “เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ คุณรอท่านประธานโม่อยู่ที่นี่จะดีที่สุด”
“เหวินเฟิ่ง… เหวินเฟิ่ง…
“ลู่เช่อ พาเหวินเฟิ่งกลับมานะ!”
ลู่เช่อหันหลังขึ้นไปบนรถพร้อมกับฮว่าเหวินเฟิ่ง คุณพ่อโม่กลัวว่าภรรยาของตนเองจะเป็นอันตราย จึงรีบขึ้นรถและขับตามไปทันที
โถงทางเดินของโรงพยาบาลนั้นทั้งยาว หนาวเย็นและเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ กระนั้นความสงบสุขของโถงแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงดิ้นรนของฮว่าเหวินเฟิ่งอย่างรวดเร็ว
เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนถังหนิง โม่ถิงจึงเดินออกมาจากห้องในขณะที่ฮว่าเหวินเฟิ่งยังอยู่ห่างออกไป เขานั่งลงที่เกาอี้ ตาที่มองฮว่าเหวินเฟิ่งแฝงความหมายลึกซึ้ง…
เห็นดังนั้น ฮว่าเหวินเฟิ่งก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้…
“คุณใส่ยาลงในซุปได้ยังไง”