“ยาอะไร” ฮว่าเหวินเฟิ่งแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ควินิดีน” โม่ถิงตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก อันตรายและข่มขู่
แม้ฮว่าเหวินเฟิ่งจะหวาดกลัวโม่ถิง แต่เธอก็บังคับตัวเองให้สงบนิ่งและกล่าวปฏิเสธ “แม่ไม่รู้ว่าลูกกำลังพูดถึงอะไร โม่ถิง นี่ลูกปฏิบัติกับแม่ตัวเองแบบนี้งั้นเหรอ”
“จะเป็นแม่หรือไม่เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ผมแค่อยากรู้ว่าคุณรู้จักยาที่ชื่อควินิดีนหรือเปล่า”
ฮว่าเหวินเฟิ่งถูกบังคับให้จ้องเข้าไปในดวงตาโม่ถิง เธอถึงกับเป็นอัมพาตด้วยแววตาคุกคามของอีกฝ่าย ที่จริงมันมีเสียงซึ่งดังขึ้นในหัวของเธอที่กำลังบอกเธอว่าหากเธอยังคงดื้อดึงอยู่แบบนี้ เธอจะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างแน่นอน แต่เธอไม่อาจยอมรับอาชญากรรมที่เธอก่อได้
“แม่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ ก็ต้องรู้จักควินิดีนสิ โม่ถิง ลูกถามแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“คุณเป็นคนจุดไฟเมื่อตอนบ่ายใช่ไหม”
“ไฟอะไร ลูกกำลังพูดถึงอะไร โม่ถิง ลูกต้องอธิบายมานะว่าทำไมถึงมาขู่แม่แบบนี้” ฮว่าเหวินเฟิ่งเดาว่าโม่ถิงไม่มีหลักฐานอะไรในมือ ดังนั้นเธอจึงสงบลงเล็กน้อยและตั้งคำถามอีกฝ่ายอย่างมั่นใจ
“ทำไมถึงใส่รองเท้าส้นแบน”
โม่ถิงก้มลงมือที่เท้าของฮว่าเหวินเฟิ่งอย่างเยาะเย้ยขณะที่เขาเปลี่ยนหัวข้อ
“ก็มันใส่สบาย” ฮว่าเหวินเฟิ่งตอบ
“เพื่อปกปิดคราบโคลนเพราะคุณเข้าไปในสวนหย่อมมาใช่ไหม ถ้าผมไปหาคราบโคลนในบ้านของผม ผมก็น่าจะเจอรอยเท้าของคุณด้วยใช่หรือเปล่า” โม่ถิงเดา “ผมคิดว่าต่อให้คุณตาย คุณก็คงไม่สารภาพหรอก”
“แม่ไม่เคยไปที่สวนหลังบ้านของใครทั้งนั้น”
“ผมไม่เคยพูดว่ามันเป็นสวนหลังบ้าน” โม่ถิงจับผิดคำพูดของฮว่าเหวินเฟิ่ง
“แม่ไม่เคยถูกต่อหน้าลูกอยู่แล้วนี่ ในมือแม่อยู่ในมือลูกแล้ว อยากจะทำอะไรเชิญ” ฮว่าเหวินเฟิ่งรู้ว่าทุกสิ่งที่เธอพูดนั่นเป็นสิ่งที่ผิดและรู้ตัวดีว่าโม่ถิงเป็นคนระวังตัว เธอจึงตัดสินใจปิดปากเงียบ เธอไม่เชื่อว่าโม่ถิงจะหารอยเท้าของเธอในบ้านของโม่ถิงพบ
ในนานนัก คุณพ่อโม่ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล เมื่อเห็นฮว่าเหวินเฟิ่งถูกควบคุมตัวอยู่ต่อหน้าโม่ถิง เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาและส่งสัญญาณให้บรรดาบอดีการ์ดปล่อยตัวฮว่าเหวินเฟิ่ง “โม่ถิง แกเสียสติไปแล้วหรือไง”
โม่ถิงไม่อยากคุยกับคุณพ่อโม่ จึงพเยิดคางไปที่ลู่เช่อ ส่งสัญญาณให้เขาลากคุณพ่อโม่ออกไป
“โม่ถิง แกเป็นอสุรกายหรือไง แกคิดจะทำอะไรกับพ่อแม่ของตัวเองเนี่ย”
“ผมควรเป็นฝ่ายถามคำถามนี้ต่างหาก!” โม่ถิงโต้แย้ง “คุณไปได้แล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้จะต้องชดใช้กับทุกสิ่งที่ทำกับถังหนิงเป็นสิบเท่า”
“แกเป็นบ้าหรือไง นังสารเลวนั่นกำลังได้รับโทษกับสิ่งที่มันก่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของแกด้วย”
เมื่อได้ยินพ่อของเขาเรียกถังหนิงว่านังสารเลว น้ำเสียงของโม่ถิงเย็นชาขึ้น “ยี่สิบเท่า!”
“นังผู้หญิงนั่นเอายาพิษอะไรให้แกกิน”
“สามสิบเท่า”
“นังสารเลวนั่นมัน…”
“สี่สิบเท่า”
ในที่สุดคุณพ่อโม่ก็รู้ตัวว่าเขาไม่ควรว่าร้ายถังหนิง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำที่เรียกถังหนิงจาก ‘นังสารเลว’ เป็น ‘ผู้หญิงคนนั้น’ แทน “ดูเหมือนแกจะถูกผู้หญิงคนนั้นเล่นของใส่จริงๆ สินะ ปล่อยแม่แกเดี๋ยวนี้!”
“ลู่เช่อ” คราวนี้โม่ถึงไม่ต้องการเสียเวลาอีกพลางส่งสัญญาณให้ลู่เช่อพาตัวผู้ชายคนนั้นออกไป
เมื่อเห็นดังนั้น ฮว่าเหวินเฟิ่งก็เริ่มหวาดวิตกขณะที่มือทั้งสองข้างของเธอเริ่มสั่น
“แกวางแผนจะทำอะไรกับแม่ของแกเพราะผู้หญิงคนนั้น แกมันสัตว์เดรัจฉาน! ฉันจะโทรเรียกตำรวจ” คุณพ่อโม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่โม่ถิงเป็นฝ่ายโทรก่อน
“สารวัตรเหริ่นเหรอครับ ผมโม่ถิง ภรรยาของผมถูกวางยางและเธอเกือบต้องเสียชีวิต ช่วยจัดการสืบสวนเรื่องนี้ที” หลังวางสาย โม่ถิงก็มองฮว่าเหวินเฟิ่งและกล่าวอย่างง่ายๆ “คุณคิดว่าตำรวจจะใช้เวลาคลี่คลายคดีนี้นานแค่ไหน”
ฮว่าเหวินเฟิ่งอึ้ง ไม่อาจขยับเขยื้อน
ทันใดนั้น โม่ถิงก็ส่งสัญญาณให้บอดีการ์ดปล่อยตัวฮว่าเหวินเฟิ่ง แม้ฮว่าเหวินเฟิ่งจะได้รับอิสระแล้ว…
…แต่เธอไม่อาจขยับตัวได้
เธอไม่เคยจินตนาการว่าโม่ถิงจะโทรหาตำรวจ
เธอคิดว่า จากความสัมพันธ์ของพวกเธอ เขาจะไม่มีวันเอาเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ แต่สุดท้ายเขากลับเลือดเย็นเหลือเกิน
“โม่ถิง ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจนะ ได้โปรด ครั้งนี้ปล่อยแม่ไปเถอะ
“แม่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มันเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”
โม่ถิงไม่มีปฏิกิริยา เขาเพียงแค่เอียงหัว “ผมให้โอกาสคุณแล้ว”
“โอกาสแบบไหนกัน”
“คุณเป็นคนไม่ต้องการมันเอง”
ฮว่าเหวินเฟิ่งตื่นตระหนก รีบคุกเข่าลงต่อหน้าโม่ถิงโดยไม่สนใจสถานะของตัวเอง “ได้โปรด อย่าแจ้งความจับแม่เลย แม่ไม่อยากติดคุก”
“เหวินเฟิ่ง?” คุณพ่อโม่ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า “คุณกำลังยอมรับว่าเป็นคนวางยาผู้หญิงคนนั้นงั้นเหรอ”
“จิตใจฉันไม่อยู่กับร่องกับรอย ที่รัก ฉันไม่ได้ตั้งใจ ตาโม่ ช่วยฉันสิ”
ในที่สุดคุณพ่อโม่ก็เข้าใตว่าทำไมโม่ถิงถึงโกรธ ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ที่จริงเขาพยายามเกลี้ยกล่อมโม่ถิงดีๆ “โม่ถิง นี่แม่ของลูกนะ แถมมีคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนี้เยอะแยะ มันจะดูไม่ดีกับลูกด้วย ให้อภัยแม่เขาสักครั้งเถอะ สุดท้ายถังหนิงก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ”
“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับถังหนิงล่ะ”
“ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น เหวินเฟิ่งก็ยังเป็นแม่ของลูก ลูกจะส่งแม่ตัวเองเข้าคุกไม่ได้”
พูดอีกอย่างคือฮว่าเหวินเฟิ่งได้รับอนุญาตให้ทำร้ายคนอื่นได้ แต่หากมีใครทำร้ายเธอ คนพวกนั้นสมควรถูกลงโทษ
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณพ่อโม่ ริมฝีปากโม่ถิงก็พลันโค้งขึ้นทันที “ผมไม่ได้แค่จะส่งเธอเข้าคุก แต่ก่อนอื่นผมต้องการให้เธอทุกข์ทรมานด้วย”
“โม่ถิง!”
“ก่อนที่คุณจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ คุณควรดูให้ดีก่อน ว่าเธอใช่ภรรยาที่คุณแต่งงานด้วยจริงเหรือเปล่า”
ทันทีที่โม่ถิงพูดประโยคนี้ ทุกคนต่างอึ้งรวมถึงไป๋ลี่หวาด้วย
โม่ถิงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
“ระบุตัวภรรยาของคุณให้ได้ก่อนที่จะมาขอร้องอะไรให้ผู้หญิงคนนี้” พูดจบ โม่ถิงก็ลุกขึ้นจากที่นั่งราวกับกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจที่เพิกเฉยต่อโลกใบนี้
ทันใดนั้น ทุกคนต่างมีความคิดที่แตกต่างกันอยู่ในใจ
แน่นอนว่า จิตใจของโม่ถิงยังคงเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด
เพราะฮว่าเหวินเฟิ่งและคุณพ่อโม่ไม่รู้ขอบเขตความโกรธของโม่ถิง ไม่รู้เลยว่าเขาวางแผนอะไรและความโกรธของเขาจะพาเรื่องนี้ไปถึงจุดไหน
“โม่ถิง ลูกรัก โทรไปยกเลิกกับตำรวจเถอะนะ แม่ยอมทำทุกอย่าง แค่อย่าแจ้งตำรวจก็พอ!”
ในช่วงเวลาแบบนี้ ฮว่าเหวินเฟิ่งยังพยายามจะเรียกเขาว่าลูก
โม่ถิงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก เพราะความหนักแน่นของโม่ถิง ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาทำได้เพียงยืนเงียบ สุดท้ายทุกคนก็ยืนอยู่ตรงนั้นนานถึงสองชั่วโมง จนในที่สุดคุณพ่อโม่ก็พูดขึ้น “แกคิดจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“จนกว่าภรรยาของผมจะได้สติ” โม่ถิงตอบอย่างเย็นชา “คุณไม่คิดว่าเธอสมควรได้รับคำอธิบายจากพวกคุณสองคนหรือไง”
“โม่ถิง ผู้หญิงคนนั้นเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับแกหรือไง”
โม่ถิงยิ้มเยาะ เพราะคำถามของคุณพ่อโม่ฟังดูปัญญาอ่อนไปหน่อย
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตัดขาดทุกความสัมพันธ์!”