ในขณะที่จู้ซิงมีเดียมารับศิลปินของตัวเอง เครื่องบินส่วนตัวของโม่ถิงจอดอยู่ที่เมืองใกล้เคียง
ในฐานะนายใหญ่ของจู้ซิงมีเดีย ถังหนิงมั่นใจในความปลอดภัยของศิลปินของเธอและได้พบกับซย่าหันโม่และหลินเฉี่ยนในที่สุด
“พี่หนิง พวกเราสองคนไม่เป็นไรค่ะ หลินเฉี่ยนเพิ่งกินยาแล้วหลับไปเมื่อกี้นี้เอง ตอนนี้แฟนของเธอกำลังดูแลเธออยู่ค่ะ” ซย่าหันโม่เอ่ยพลางก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นหลังจากอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย
ถังหนิงเอนตัวพิงโซฟาและพยักหน้ารับขณะมองไปทางซย่าหันโม่ “เห็นพวกเธอปลอดภัยแบบนี้ฉันก็โล่งใจแล้ว”
“คุณก็รู้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องมาถึงที่นี่นะคะ” ซย่าหันโม่ท้วงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย จะว่าไปแล้วมีเจ้านายที่ไหนบินมาถึงเมืองเล็กๆ เพียงเพื่อจะมาดูหน้าศิลปินด้วยตัวเองกัน
“ถ้าฉันมั่นใจว่าพวกเธอสองคนไม่เป็นไรแล้วเดี๋ยวฉันก็ไปเองนั่นแหละ อีกอย่างนะ แฟนของหลินเฉี่ยนนี่มันอะไรกันล่ะ” นอกจากเฉวียนจื่อเยี่ย ถังหนิงไม่เคยได้ยินเรื่องของแฟนหนุ่ม คนนี้ มาก่อนเลย
ในจังหวะที่ซย่าหันโม่กำลังจะอธิบาย หลี่จิ่นก้าวออกมาจากห้องของหลินเฉี่ยน
รูปร่างของเขาสูงใหญ่พอๆ กับโม่ถิง แต่กลับให้ความรู้สึกมั่นคงและเด็ดเดี่ยวผิดกับรังสีน่ายำเกรงของโม่ถิง
ไม่ว่าโม่ถิงจะอยู่ที่ไหนเขาก็เป็นเหมือนดั่งราชา
ไม่เหมือนชายคนนี้…
“ทันทีที่หลินเฉี่ยนตื่น ผมจะพาเธอกลับบ้านเองครับ” หลี่จิ่นว่าขึ้นกับถังหนิง
“คุณ…” ถังหนิงงุนงง หลินเฉี่ยนไปรู้จักกับคนคลั่งรักขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน
“ผมชื่อหลี่จิ่นครับ” สิ้นประโยคแนะนำตัว หลี่จิ่นหันหลังกลับเข้าไปในห้อง เขาไม่อยากพูดคุยกับใคร ถึงอย่างไรเขาเองก็มีเวลาจำกัด
ถังหนิงมองหน้าซย่าหันโม่ และอีกฝ่ายทำเพียงยักไหล่ให้พลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนเขาและเรื่องที่ทุกคนทิ้งหลินเฉี่ยนให้เธอฟัง
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด แววตาของถังหนิงก็เปลี่ยนไปคล้ายกับแววตาของหลี่จิ่นก่อนหน้านี้
“เยี่ยมเลย…”
ซย่าหันโม่อดไม่ได้ที่จะขนลุกจากท่าทีของเธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ประธานโม่อยู่ที่ไหนละคะ เขาไม่ได้มาที่นี่กับคุณเหรอ”
“เขากำลังทำงานในห้องน่ะ” ถังหนิงตอบก่อนจะเอ่ยเตือนเธอ “เก็บข้าวของ คืนนี้เราจะกลับปักกิ่งกัน”
เดิมทีข่าวน้ำหลากนั้นได้รับความสนใจมากอยู่แล้ว ทว่าเรื่องที่เหล่าคนดังเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยยิ่งทำให้ข่าวใหญ่โตขึ้นมาก ทั้งจู้ซิงมีเดียยังมารับศิลปินของตัวเองไปก่อนอีก ดังนั้นเมื่อพวกเขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวกองทัพนักข่าวจะรุมล้อมพวกเขาในทันที
“ซย่าหันโม่ คุณอธิบายว่าพวกคุณเอาตัวรอดมาได้ยังไงได้ไหมคะ”
“ซย่าหันโม่…”
เมื่อโม่ถิงปรากฏตัวขึ้น ไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าเข้ามาใกล้อีก ถังหนิงจึงตอบคำถามของทุกคนด้วยท่าทีเป็นกันเอง “ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ แต่ซย่าหันโม่เพิ่งจะผ่านเรื่องความเป็นความตายมาและก็เหนื่อยล้ามาก ฉันหวังคุณจะปล่อยให้เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนนะคะ”
“ซย่าหันโม่ ผมได้ยินมาว่าระหว่างที่คุณและผู้จัดการหนีเอาตัวรอดกับทีมงาน คุณจงใจทิ้งทุกคนไว้ด้านหลังและหนีออกมาคนเดียว จริงหรือเปล่าครับ”
ทันทีที่นักข่าวถามคำถามนี้ ถังหนิงหันขวับไปมองเขาทันที
“ได้ยินมาจากไหนกันคะ”
นักข่าวนิ่งเงียบไปชั่วขณะ อึ้งกับท่าทีของถังหนิงไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบในเวลาถัดมา “ผมได้ข่าวนี้มาจากเพื่อนที่อยู่ในเขตภัยพิบัติน่ะครับ”
“เพื่อนของคุณบอกว่าอะไรคะ”
“เขาบอกว่าซย่าหันโม่กับหลินเฉี่ยนหนีออกมาด้วยความช่วยเหลือของทหารคนหนึ่ง แต่ไม่ได้กลับมาช่วยทุกคนที่เหลือครับ…”
“อย่างนั้นเพื่อนของคุณคงไม่ได้บอกว่าพวกเขาคงกลายเป็นศพไปแล้วถ้าซย่าหันโม่ไม่เสนอให้ออกจากบ้านพักมาตั้งแต่ทีแรกใช่ไหมคะ” ถังหนิงถามเสียงเรียบหากแต่จริงจัง
“และเพื่อนของคุณคงไม่ได้บอกเหมือนกันว่าซย่าหันโม่ช่วยทุกคนแก้ปัญหามาตลอดทาง และอาสาจะเดินรั้งท้ายเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะปลอดภัยใช่ไหมคะ…
…เพื่อนของคุณไม่รู้อะไรเลย ความจริงแล้วเขาไม่รู้ว่าผู้จัดการของซย่าหันโม่ไข้ขึ้นและสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัส ทำให้พวกเธอสองคนถูกทีมงานทอดทิ้งต่างหากค่ะ”
“นี่มัน….” นักข่าวพลันพูดไม่ออก เขาคิดถึงว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง
“ผู้จัดการของเอเจนซี่ของฉัน หลินเฉี่ยน เธอยังคงไม่ได้สติ ถ้าพวกเขายังมีจิตสำนึกสักนิด อย่าใช้เหตุการณ์นี้มาสร้างกระแสดีกว่านะคะ ไม่อย่างนั้นจู้ซิงมีเดียจะสอนให้พวกเขาเรียนรู้ความหมายของคำว่าเสียใจเองค่ะ”
พูดจบ ถังหนิงหันไปมองหน้าซย่าหันโม่ จากนั้นจึงเอ่ยกับบรรดานักข่าว “ฉันพูดในสิ่งที่ควรพูดแล้ว กรุณาหลีกทางให้ด้วยค่ะ”
ทุกคนรู้ดีว่าไม่อาจต่อกรกับถังหนิงได้ พวกเขาจึงหลีกทางให้เธอและคนอื่นๆ ได้เดินออกไป
โม่ถิงเดินไปข้างหน้าพร้อมโอบภรรยาของเขาเอาไว้ ขณะที่เหลือบมองเพื่อจำชื่อนักข่าวคนนั้นเอาไว้
เป็นไปตามที่ที่โจวชิงคาดการณ์เอาไว้
ใครบางคนกลัวว่าจะถูกแฉว่าเป็นฝ่ายทอดทิ้งอีกฝ่ายก่อน พวกเขาจึงพยายามเริ่มเรื่องนี้ขึ้นก่อน…
ในเวลาเดียวกัน ภับพิบัติในครั้งนี้ยังดำเนินต่อไปและกระแสน้ำหลากเชี่ยวกว่าที่เคยมีมา
เพราะมันเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ ผู้คนจากทั่วสารทิศจึงให้ความสนใจ หลังจากถังหนิงชี้แจงไปครั้งหนึ่งแล้ว เธอไม่ได้บอกให้ซย่าหันโม่ออกมาพูดอะไรอีก แต่กลับบอกให้เธอช่วยทางตำรวจช่วยเหลือคนอื่นโดยการช่วยเขาทำความเข้าใจสภาพภูมิประเทศ หลังจากนั้นจู้ซิงมีเดียได้ทำการบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัย
ด้วยการตัดสินใจของจู้ซิงมีเดีย ศิลปินคนอื่นๆ ไม่อาจพูดสิ่งใดได้เมื่อเขากลับมาถึงปักกิ่ง มีเพียงศิลปินคนเดียวที่พยายามออกมาแก้ตัว แต่สาธารณชนต่างตราหน้าว่าเขาออกมาสร้างกระแสในทันทีก่อนเจ้าตัวจะยอมแพ้ไปอย่างรวดเร็ว
…
ในเวลาเดียวกัน หลินเฉี่ยนนอนหลับไปตลอดทั้งวันก่อนที่จะฟื้นขึ้นมา เมื่อลืมตาตื่นเธอพบว่าตัวเองอยู่ในบ้านของหลี่จิ่น
เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้สักอย่างหลังจากที่ผล็อยหลับไป ดูเหมือนว่าอาการป่วยของเธอจะยังไม่หายดี
“ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว” หลี่จิ่นเอ่ยขณะที่ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับชามโจ๊กในมือ “กินสักหน่อยสิครับ ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีแรงนะ”
“คนอื่นละคะ”
“พวกเขาไม่เป็นไรแล้วครับ” เขาตอบเสียงเบาก่อนส่งชามโจ๊กให้กับเธอ “คุณมีเจ้านายดีนะ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
หลี่จิ่นเล่าเรื่องที่ถังหนิงต่อว่านักข่าวที่สนามบิน อันที่จริงจากที่ถังหนิงบินมาถึงเขตภัยพิบัติก็เห็นได้ชัดว่าเธอเอาใจใส่ลูกน้องด้วยใจจริงและไม่นิ่งนอนใจ
“ถ้าคุณหายดีขึ้นเมื่อไรเดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ” เขาไม่อยากจะเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิง เขาสนใจแค่ผู้หญิงของเขาเท่านั้น
หลินเฉี่ยนพยักหน้าและก้มหน้าทานโจ๊กไปไม่กี่คำ แต่เพราะว่ามันจืดเกินไปเธอจึงไม่ได้อยากอาหารมากนัก
“หลังจากคุณอาการดีขึ้น คุณควรมาฝึกที่ค่ายทหารบ้างนะครับ”
“หือ” หลินเฉี่ยนตกใจไปเล็กน้อย
“ไม่อย่างนั้นคุณจะเป็นภาระของศิลปินของคุณ”
หลินเฉี่ยนไม่อยากจะยอมรับสิ่งที่เขาพูด แม้ว่าจะเป็นความจริงก็ตาม แต่เขาต้องพูดตรงขนาดนี้เลยหรืออย่างไร
“ฉันไม่ไปหรอก”
“คุณเป็นครอบครัวของผม คุณต้องไปครับ” เขาเอ่ยอย่างคล้ายจะออกคำสั่ง
“ฉันไม่ชอบถูกบังคับนะคะ”