หลินเฉี่ยนก้มหน้าคิดหนัก ก่อนจะเงยหน้ามองถังหนิงในที่สุดและตอบกลับ “ค่ะ ฉันจะไป”
เธอมีเหตุผลอะไรจะไม่ไปกันล่ะ
ถังหนิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย “เธอก็ดูเป็นคนง่ายๆ นะ แต่ดูจากที่เธอจัดการเรื่องของเฉวียนจื่อเยี่ย ฉันบอกได้เลยว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่ยอมคนง่ายๆ หรอก”
“อื้ม” หลินเฉี่ยนตอบรับในลำคอเบาๆ อย่างเห็นด้วย
จากนั้นเธอกลับไปที่ห้องพักของซิงหลานเพื่อเก็บของเดินทางไปนิวซีแลนด์
ใกล้ถึงวันที่ซิงหลานจะเข้าประกวดในรอบชิงชนะเลิศแล้ว เป็นธรรมดาที่หลินเฉี่ยนจะหวังว่าซิงหลานจะคว้าชัยชนะมาให้ได้อยู่แล้ว
“ถ้าคุณไม่ชนะขึ้นมา…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณไปเถอะนะคะ” ซิงหลานรู้สึกว่าหลินเฉี่ยนออกจะขี้บ่นไปสักหน่อย
เดิมทีหลินเฉี่ยนอยากจะบอกหลี่จิ่นว่าเธอจะออกเดินทางไปทำงาน หากแต่เธอคิดว่าเขาคงงานยุ่งอยู่ที่ค่ายทหาร จึงตัดสินใจบอกเขาครั้งหน้าที่อีกฝ่ายติดต่อมา ด้วยเหตุนี้เธอจึงออกเดินทางไปนิวซีแลนด์พร้อมกับ
ซย่าหันโม่
…
การต่อสู้เพื่อชัยชนะของซิงหลานใกล้เข้ามาทุกที แม้ว่าเธอจะรั้งตำแหน่งที่หนึ่งมาตลอดการแข่งขัน แต่เธอก็ไม่เคยประมาทและตั้งใจเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันทุกรอบ ทั้งยังได้รับการฝึกกับถังหนิงและผู้จัดการของเธอจากไห่รุ่ยทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ โดยไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด
“คืนนี้สำคัญมาก ฉันหวังว่าเธอจะรักษามาตรฐานของตัวเอง ไม่ว่าจะขนะหรือแพ้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของเธอต่างหาก…
…ฉันมั่นใจว่านี่เป็นสิ่งที่พี่หนิงอยากให้ฉันบอกกับเธอเหมือนกัน”
เหตุผลที่ผู้จัดการของเธอพูดเช่นนี้เพราะเธอรู้ว่าครั้งหนึ่งชัยชนะของซิงหลานเคยถูกช่วงชิงไป เธอจึงเป็นห่วงว่าซิงหลานจะกดดันเพราะเรื่องนี้
ในความเป็นจริง ความกังวลได้ซึมลึกในใจของซิงหลาน
ถึงอย่างไรเธอเองก็เคยอยู่ห่างชัยชนะเพียงแค่เอื้อมแบบนี้มาก่อนและวันนี้ก็น่าวิตกกังวลไม่แพ้กัน เธอหวาดกลัวว่าจะมีใครบางคนทำกับเธอเหมือนอย่างเดิมอีก
“หลี่เจี่ย ฉันโทรหาถังหนิงได้ไหมคะ” ซิงหลานรู้สึกว่ามีเพียงถังหนิงที่สามารถปลอบใจเธอได้
ผู้จัดการที่ชื่อหลี่เจี่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาและต่อสายหาถังหนิง ทันทีที่โทรติด สีหน้าของซิงหลานผ่อนคลายขึ้นราวกับสัมผัสได้ถึงความอุ่นใจอีกครั้ง “พี่หนิง…ฉันกลัวจังเลยค่ะ”
ถังหนิงถามเมื่อได้ยินดังนั้น “มีอะไรขวางเธอจากเวทีอยู่เหรอ”
“ไม่มีค่ะ”
“เชื่อฉันสิ เธอจะต้องชนะ ฉันส่งคนไปตรวจดูทุกอย่างที่จะอาจจะมาขวางทางแล้ว รับรองได้เลยว่าเธอจะก้าวขึ้นเวทีได้อย่างปลอดภัยแน่นอน แล้วเธอล่ะ รับรองว่าจะคว้าชัยชนะมาได้ไหม” ถังหนิงถาม
หลังได้ยินว่าถังหนิงตรวจเช็กทุกอย่างดีแล้ว ซิงหลานเบาใจลง เห็นได้ชัดถึงความเชื่อมั่นของเธอในตัวถังหนิง
“ฉันทำได้ค่ะ” เธอขานรับอย่างมั่นใจ
“ร้องเพลงด้วยหัวใจของเธอ คืนนี้คนทั้งประเทศกำลังคอยดูเธออยู่”
ด้วยคำพูดให้กำลังใจของถังหนิง ซิงหลานรู้สึกมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ตอนนี้ต่อให้เธอต้องคว้าชัยชนะสิบครั้งกลับบ้าน เธอก็ทำได้อย่างไม่มีข้อสงสัย หลังจากวางสายเธอส่งโทรศัพท์คืนให้ผู้จัดการของเธอ “ขอบคุณนะคะ หลี่เจี่ย”
“เธออยู่โดยไม่มีถังหนิงไม่ได้เลยเหรอ”
“อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ได้ค่ะ” ซิงหลานหัวเราะ
มันเป็นการประกวดระดับประเทศและเป็นรอบชิงชนะเลิศ ยิ่งไปกว่านั้นยังถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ความจริงแล้วตราบใดที่ซิงหลานยังรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ การคว้าชัยชนะมาก็เป็นเรื่องง่ายอย่างกับปอกกล้วยเข้าปาก ทว่าซิงหลานไม่ได้พอใจเพียงแค่การทำได้ดีเหมือนอย่างเคย ในตอนที่เลือกระดับความยาก เธอจึงตัดสินใจเลือกระดับที่ยากที่สุด
คณะกรรมการไม่เข้าใจถึงการตัดสินใจของเธอ ชัยชนะแทบจะมากองตรงหน้าเธอแล้ว ทำไมเธอถึงคาดหวังในตัวเองสูงถึงขนาดนั้นกัน
มันเป็นคำถามที่พวกเขาถามเธอออกมาจริงๆ ก่อนซิงหลานจะตอบ “ในคืนนี้ทุกสายตาของคนทั้งประเทศจะจับจ้องมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าตัวเองได้รับความสนใจมากแค่ไหน ในเมื่อฉันเลือกเส้นทางการร้องเพลงแล้ว ทำไมฉันถึงไม่ทุ่มเททั้งหมดและทำให้ดีที่สุดเพื่อขอบคุณแฟนๆ ของฉันล่ะคะ
“ฉันถึงได้เลือกเพลงที่ยากที่สุดให้ตัวเองค่ะ”
“ฉันล่ะสงสัยว่าอะไรหรือใครทำให้คุณกล้าถึงขนาดนี้” กรรมการอีกคนถามขึ้น
“ป๋อเล่อ [1] ของฉัน ถังหนิงค่ะ” ซิงหลานตอบ “ฉันรู้ว่าในสายตาของทุกคนเธอมีด้านดีๆ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ชาญฉลาด มีไหวพริบ และความสามารถอื่นๆ อีกมาก และยังมีด้านร้ายๆ ที่เจ้าเล่ห์ มีลับลมคมใน และเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ในใจขอฉันเธอคือคนที่หล่อหลอมและมอบชีวิตใหม่ให้ฉัน เธอคือป๋อเล่อของฉันค่ะ
“แม้ว่าฉันจะเซ็นสัญญากับไห่รุ่ยแล้ว ฉันก็ไม่เคยลืมว่าใครเป็นคนที่คอยสนับสนุนฉันในยามที่ฉันลำบากที่สุด
“ถังหนิงค่ะ!
“ในใจของฉันเธอคือตำนาน คนที่ฉันใฝ่ฝันว่าจะเป็นแบบนั้นมาตลอดแต่ไม่เคยเอื้อมถึงค่ะ
“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ”
คำพูดของซิงหลานแฝงไปด้วยความขอบคุณและอารมณ์ความรู้สึก
ไม่ว่าคนภายนอกจะมองวงการบันเทิงเป็นอย่างไร อย่างน้อยทุกคนที่จ้ซิงมีเดียก็ปฏิบัติต่อกันอย่างจริงใจเสมอ
“คุณเป็นคนที่รู้คุณคนดีนะ เริ่มการแสดงได้เลย”
ซิงหลานไม่ได้แสดงความขอบคุณเกินจริงไปเลย หากแต่เธอต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าชัยชนะของเธอเกิดมาได้เพราะถังหนิง
คืนนี้คนที่ยังมีข้อกังขาในตัวถังหนิงหรือดูถูกเธอกำลังจะต้องลงเอยไปพร้อมกับสีหน้าเจ็บปวดของพวกเขา
ซิงหลานจดจำทุกอย่างที่ถังหนิงสอนเธอได้ เธอสอนว่าให้อดทนเอาไว้บ้างและอย่าเผยไต๋ทั้งหมดให้คนอื่นได้เห็น
ดังนั้นทุกคนจึงถึงกับตกตะลึงเมื่อซิงหลานร้องเพลงในรอบชิงชนะเลิศ!
ทั้งพลังที่ปะทุออกมา น้ำเสียงที่ใช้ อารมณ์ และทักษะการร้องเพลงที่ดูเหมือนจะอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในเวลานี้
เพลง ดอกไม้ไฟ ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ความจริงแล้วมันดีกว่าต้นฉบับเสียอีก…
“ให้ตายเถอะ เด็กคนนี้จะทำให้ทึ่งไปได้อีกเท่าไรกันนะ”
“พระเจ้าช่วย ฉันก็อึ้งไปเหมือนกัน”
“ฉันว่าก่อนหน้านี้เด็กคนนี้ต้องออมมือไว้แน่”
“ถังหนิงฝึกเธอมานะ คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
คำพูดของเหล่ากรรมการเพียงพอที่จะบ่งบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น การแสดงในรอบชิงชนะเลิศของซิงหลานช่างน่าทึ่งเกินกว่าจะคาดคิด
หากการแสดงก่อนหน้านี้ของเธออยู่ในระดับที่ดีกว่ามาตรฐานเท่านั้น และมันชวนให้คู่แข่งพยายามเอาชนะเธอ การแสดงในรอบนี้ก็ทำให้พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก
เพราะเพลงที่ใช้ในรอบนี้ของเธอได้มอบให้กับถังหนิง
เธอร้องเพลงนี้ให้ถังหนิงได้ฟัง
“ตอนนี้ดิฉันอยู่ระหว่างการถ่ายทอดสด งานประกวดร้องเพลงเจอร์นีย์ ดิฉันพิธีกรภาคสนาม XX รายงานค่ะ เราเพิ่งได้รับชมการแสดงเพลง ดอกไม้ไฟ จากซิงหลานไปค่ะ ถ้าชื่นชอบการแสดงของเธอ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอนนี้แล้วลงคะแนนให้เธอกันได้เลยค่ะ”
การแข่งขันเป็นไปด้วยความเข้มข้น การแสดงของซิงหลานกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นทุ่มเทกับการแสดงของตัวเองอย่างเต็มที่ บางคนมีทักษะใกล้เคียงกับเธอ บางคนถึงกับหยิบเพลงของตัวเองมาร้อง แต่ทว่าสุดท้ายคนที่คว้าชัยชนะกลับบ้านไปคือ…
“หลังจากการแข่งขันที่ดุเดือดผ่านไป ผลการตัดสินจากคณะกรรมการและการลงคะแนนจากคนทางบ้าน ผู้ชนะในรายการได้แก่…”
——
[1] คนฝึกม้าชื่อก้องโลกจากราชวงศ์ชิงผู้ที่ขึ้นชื่อด้านการคัดเลือกม้า การเรียกใครบางคนว่า ป๋อเล่อ หมายความว่าพวกเขาเป็นผู้ชี้ขาดความสามารถที่เยี่ยมยอด