“…ซิงหลาน! ยินดีกับซิงหลานด้วยครับ…”
ทันใดนั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วด้วยความยินดีกับชัยชนะของซิงหลาน
อีกทั้งซิงหลานยังเป็นตัวแทนของคนส่วนน้อยที่ได้รับความเป็นธรรม เธอทุ่มเทอย่างหนักเพื่อไล่ตามความฝันของตัวเองและพึ่งพาความสามารถมาตลอดชีวิต มันได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอีกมากมายทั้งในและนอกวงการบันเทิง
อย่างน้อยยังมีคนที่ไม่ได้พึ่งพาเส้นสายเพื่อก้าวหน้าในวงการนี้ มันได้เปิดกว้างกับทุกคนให้ได้มีโอกาสอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ซิงหลานปล่อยโฮออกมาอย่างกับเด็กน้อยในขณะที่เธอรับถ้วยรางวัล
เธอพึมพำขึ้นพร้อมถ้วยรางวัลในมือ “พี่หนิง ฉันทำได้แล้วๆ …”
ในขณะเดียวกันคณะกรรมการหัวเราะออกมา ซิงหลานดูน่ารักเหลือเกินและท่าทีที่เธอแสดงออกมาก็ดูจริงใจ ยิ่งทำให้เธอน่าเอ็นดูมากขึ้น
“เด็กคนนี้ต้องมีอนาคตที่สดใสแน่ๆ ”
“ถังหนิงนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย เธอมีศิลปินเพียง 3 คนในมือ แต่ทั้ง 3 คนก็เป็นที่พูดถึงกันทุกคนเลย”
“เธอผ่านเรื่องราวที่ยากลำบากมาด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์ของเธอ เยี่ยมไปเลยนะ”
ไม่นานทั้งสนามก็ส่องสว่างไปด้วยแสงจากดอกไม้ไฟ นับเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของซิงหลานที่งดงามที่สุด
ราวกับว่าค่ำคืนนี้กำลังร่วมยินดีให้กับซิงหลาน
…
ระหว่างที่พวกเขากำลังรับชมการถ่ายทอดสด โม่ถิงกอดถังหนิงจากด้านหลังก่อนเอ่ยกระซิบข้างหู “ยินดีด้วยนะครับ คุณนายโม่ ผลงานแรกของคุณสำเร็จแล้ว”
ถังหนิงมองหน้าจอโทรทัศน์และปล่อยให้เขากอดเธอพลางถอนหายใจออกมา “ฉันหวังว่าซิงหลานจะมีโอกาสพัฒนาความสามารถมากกว่านี้ในอนาคตนะคะ”
“คุณไม่ไว้ใจไห่รุ่ยเหรอครับ หือ” โม่ถิงกล่าวเตือนข้างหู
“ไม่กล้าหรอกค่ะ” ถังหนิงยอมแพ้ทันที “ประธานโม่คะ รีบไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ อีกไม่นานคุณก็จะเริ่มถ่ายทำแล้วนะคะ คุณต้องเก็บแรงเอาไว้บ้างสิ”
หลังได้ยินดังนั้น โม่ถิงยกตัวถังหนิงขึ้นในวงแขนก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนของพวกเขา “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณขอไว้ ผมไม่มีทางแยกจากคุณไปไหนแน่”
“ฉันรู้ค่ะ” ถังหนิงตอบ “คุณทำทุกอย่างเพื่อฉันมาตลอดเลย เพื่อฉันคนเดียว”
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกขณะที่โน้มตัวเข้าไปประกบริมฝีปากกับอีกฝ่ายพาให้เธอหายใจไม่ออก
หากแต่เพราะถังหนิงตั้งท้องอยู่ เขาจึงไม่ได้ทำอะไรเลยเถิดไปกว่านี้
ผู้หญิงของเขาดีที่สุด
“ไห่รุ่ยจะจัดงานฉลองให้กับซิงหลานสัปดาห์หน้านะครับ ในฐานะแขกคนสำคัญ ผมหวังว่าคุณจะเข้าร่วมงานนะครับ”
“และคุณละคะ”
“ผมต้องอยู่ที่กองถ่ายครับ”
ถังหนิงพยักหน้าพลางพลิกตัวเข้าสู่อ้อมกอดของโม่ถิงก่อนจะผล๊อยหลับไป ในโลกใบนี้ต่อให้ใครจะไม่เชื่อใจโม่ถิงแต่ไม่ใช่สำหรับเธออย่างแน่นอน
…
เวลาเดียวกันนั้นเอง หลินเฉี่ยนอยู่ที่นิวซีแลนด์และยังกำลังการปรับตัวกับอากาศที่เปลี่ยนอย่างทุลักทุเล
ในขณะที่หลายวันตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่และ 5 วันที่หลี่จิ่นบอกไว้ผ่านพ้นไป เธอก็ยังไม่ได้ข่าวจากเขาแม้แต่น้อย
ผู้ชายคนนี้ช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้เสียจริง
ดังนั้นทุกครั้งที่เธอมีเวลาว่าง เธอมักจ้องมองไปที่โทรศัพท์อย่างเหม่อลอย ในที่สุดหลังจากผ่านไปสองวันเธอก็ได้รับโทรศัพท์ ทว่าไม่ใช่สายจากหลี่จิ่นแต่มาจากซิงหลานต่างหาก
หลินเฉี่ยนคิดว่าซิงหลานโทรมาเพื่อบอกข่าวดีเรื่องชัยชนะของเธอจึงพูดเล่นตอบกลับไป “นี่…นี่มันผู้ชนะรายการประกวดไม่ใช่เหรอเนี่ย ในที่สุดคุณก็โทรหาฉันสักที ใช่ไหมคะ”
“ฉันไม่ได้โทรหาคุณเพราะเรื่องนั้นค่ะ” น้ำเสียงของซิงหลานดูจริงจังกว่าปกติ “ฉันอยากจะถามคุณว่าช่วงหลายวันมานี้ลูกพี่ลูกน้องของฉันได้ติดต่อคุณมาบ้างหรือเปล่าคะ”
“ไม่นี่คะ ทำไมเหรอ” หลินเฉี่ยนลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที
“ลุงของฉันโทรมาบอกว่าเขาไม่ได้ข่าวจากลูกชายตัวเองเลยน่ะค่ะ เราถึงได้มาถามคุณดู” ซิงหลานถอนหายใจออกมา “เขาต้องปฏิบัติภารกิจอยู่แน่ๆ ไม่เป็นไรค่ะ เราจะรอต่อไปแล้วกันค่ะ”
3 วันผ่านไป พวกเขาก็ยังไม่ได้ข่าวคราวจากหลี่จิ่น ทำให้ผู้อาวุโสตระกูลหลี่หวั่นใจเล็กน้อย แม้คุณพ่อหลี่จะเป็นข้าราชการระดับสูง แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นกังวลขนาดไหน
นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว
หลินเฉี่ยนติดต่อและติดตามสถานการณ์กับซิงหลานอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าตัวเธอจะอยู่ที่นิวซีแลนด์แต่ใจของเธอกลับลอยไปไหนต่อไหนเสียแล้ว
ซย่าหันโม่สังเกตเห็นอาการใจลอยของเธอ จึงบอกกับเธอระหว่างการถ่ายทำ “ถ้าคุณต้องการล่ะก็ กลับจีนไปตามหาเขาก็ได้นะคะ ฉันมีพี่โจวคอยดูแลอยู่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“แต่พี่หนิงบอกว่า…”
“ฉันจะพูดกับพี่หนิงเรื่องนี้เองค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ” ซย่าหันโม่ระบายยิ้มพลางตบบ่าหลินเฉี่ยน
ความจริงแล้วตั้งแต่เหตุการณ์น้ำหลากในครั้งนั้น ความชื่นชอบในตัวซย่าหันโม่ที่กองถ่ายก็เพิ่มขึ้นมาก และทุกคนก็ปฏิบัติกับเธออย่างให้เกียรติ รวมทั้งการดูแลเป็นพิเศษจากโจวชิงด้วยแล้ว หลินเฉี่ยนไม่มีเหตุผลที่จะเป็นกังวลเรื่องของซย่าหันโม่แต่อย่างใด
หลินเฉี่ยนลังเลใจครั้งแล้วครั้งเล่า แม้สมองของเธอจะบอกให้เธออยู่แต่หัวใจของเธอกลับร่ำร้องว่าเธอจะต้องเสียใจหากไม่ได้กลับไป
เธอจึงทำตามหัวใจของตัวเองและจองตั๋วเครื่องบินกลับจีน และยังโทรหาซิงหลานบอกให้ส่งที่อยู่ฐานทัพที่หลี่จิ่นประจำการอยู่มาให้
หลังได้รับสายซิงหลานก็ถึงกับอึ้งไป “คุณไม่ได้จะไปที่นั่นหรอกใช่ไหมคะ”
“แค่บอกฉันมาว่าอยู่ที่ไหนก็พอค่ะ”
“ฐานทัพอากาศปักกิ่งที่ 8 ค่ะ แต่ต่อให้คุณไปที่นั่น คุณก็คงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปหรอกนะคะ”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยก่อนวางสาย
ในช่วงชีวิตนี้หลินเฉี่ยนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังมาหลายอย่าง นับเป็นครั้งแรกของเธอที่ทำบางอย่างเพื่อความรัก เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่หลี่จิ่นรีบขึ้นมาช่วยเธอบนเขาอย่างไม่รีรอ เธอรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเธอที่จะได้ตอบแทนเขากลับไป
หลินเฉี่ยนเตรียมตัวมาอย่างดีและยังขอให้ซิงหลานสอบถามกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่คอยติดตามหลี่
จินก่อนหน้านี้
ซิงหลานไม่มีทางเลือกนอกจากทำตัวเป็นคนกลางส่งผ่านคำขอของหลินเฉี่ยนไปให้คุณพ่อหลี่ ไม่นานหลังจากนั้นหลินเฉี่ยนก็ได้รับคำตอบที่เธอต้องการ
ทว่าก่อนที่เธอจะเดินทางไปที่ฐานทัพ เธอก็ต้องพบใครบางคนเป็นคนสุดท้าย
บางครั้งมันก็ยากที่จะบอกได้ว่าละครเหมือนชีวิตจริงหรือชีวิตจริงเหมือนละครกันแน่
“พี่ชายของเธอกำลังจะหมั้น เธอจะไม่มาร่วมยินดีกับฉันหน่อยเหรอ” ดูเหมือนว่าเฉวียนจื่อเยี่ยจะยืนหยัดในความหวังสุดท้ายไว้ด้วยการมาปรากฏตัวขึ้นที่ห้องพักของหลินเฉี่ยนและซิงหลาน ตราบใดที่หลินเฉี่ยนยังเหลือความหวังให้กับเขาสักนิด เขาจะปฏิเสธคุณนายเฉวียนทันที ไม่อย่างนั้นเขาจะแต่งงานกับใครก็คงไม่ต่างกัน
“ถ้านายอยากให้ฉันไป ฉันก็จะไป” จิตใจของหลินเฉี่ยนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หากแต่ไม่ใช่เพราะเฉวียนจื่อเยี่ย
“ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับนายพลคนนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง”
“ใครบอกว่ามันไม่จริงกันล่ะ” หลินเฉี่ยนถามกลับ “จื่อเยี่ย ตอนนี้ฉันควรจะอยู่ที่นิวซีแลนด์ แต่หลี่จิ่นหายตัวไป ฉันเลยต้องกลับมาที่นี่เพราะเขา อีกเดี๋ยวฉันจะออกไปตามหาเขาแล้ว ฉันต้องได้เห็นหน้าเขาเท่านั้นถึงจะเบาใจได้บ้าง นายเข้าใจหรือยัง…
…นายจะเป็นพี่ชายของฉันเสมอ ถึงยังไงเราก็โตมาด้วยกัน แต่เขาเป็นคนที่ฉันเป็นห่วง”
“อย่างนั้นฉันคงมาผิดเวลาไปจริงๆ แล้วล่ะ” เฉวียนจื่อเยี่ยอดกลั้นความเจ็บปวดที่เสียดแทงในใจขณะกลับไปมีท่าทีมีเสน่ห์เหลือร้ายเหมือนอย่างเคย “เธอน่าจะไปได้แล้วนะ หลังจากเธอไปตามหาเขา… ก็พาเขามาด้วยแล้วกัน…”