นอกจากการถ่ายทำแล้ว โม่ถิงยังต้องตรวจดูเอกสารในห้องทำงานจนถึงดึกดื่น แม้ว่าเขาจะมอบหมายหน้าที่ของตัวเองให้กับคนอื่นๆ ในบริษัทแล้วไปบ้างแล้ว เขาก็ยังจำเป็นต้องทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ไม่อย่างนั้นผู้ถือหุ้นของไห่รุ่ยคงไม่พอใจนัก
อย่างไรก็ตามเคทไม่สามารถหาโอกาสใกล้ชิดกับโม่ถิงได้ หากแต่เธอจำได้ว่ามีฉากบนเตียงในบทอยู่ฉากหนึ่ง
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเฝ้ารอให้วันนั้นมาถึง
…
ไม่นานเหตุการณ์ที่บ้านตระกูลเฉวียนก็ถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน เรื่องที่เฉวียนจื่อเยี่ยหนีไปจากงานหมั้นของตัวเอง ทำให้หุ้นของเฉวียนซื่อกรุปตกลงทันที ในตอนนี้ชื่อเสียงของพวกเขาย่อยยับ และมันคงใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมาฟื้นตัวดี
ในขณะเดียวกันเรื่องของโจวชิงกำลังเป็นข่าวใหญ่ ช่วงนี้ปักกิ่งคึกคักไปด้วยละคร เรื่อง ใหม่อยู่ทุกวัน
ในเวลานี้ซย่าหันโม่ได้รับแจ้งให้เข้าร่วมการถ่ายทำ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ในครั้งถัดไป ทว่าเธอกลับไม่อยากทำงานกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตามเธอไม่อาจหาเหตุผลที่ดีพอจะใช้ลาออกได้ ถึงอย่างไรถัง
หนิงก็ลงทุนลงแรงกับเธอมามาก เธอไม่อยากทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวัง
ในไม่ช้าทางสถานีโทรทัศน์บอกให้ทุกคนเข้าร่วมประชุม ทุกคนต่างตีตัวออกห่างโจวชิงด้วยรู้ว่าสถานการณ์ของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากจะทำเช่นนั้น แต่ก็ยังจำเป็นต้องเอาตัวรอดและไม่อาจทำตัวต่อต้านลูกชายของผู้จัดการสถานีได้
“ผมมั่นใจว่าทุกคนรู้เรื่องที่ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ในตอนหน้าจะดำเนินรายการโดยผมแล้ว ผมเลยถือโอกาสนี้แบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองให้กับทุกคนครับ” ลูกชายของผู้จัดการสถานียืนอยู่ตรงหน้าทุกคนและเริ่มพูดถึงทุกรางวัลที่เขาไปคว้ามาได้ในต่างประเทศ…
“ผมมั่นใจว่าภายใต้การนำของผม การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ จะต้องเฉิดฉายต่อไป”
เขาไปเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหนกันนะ ซย่าหันโม่นึกสงสัยในใจ
“หันโม่ เธอกำลังกังขาในความสามารถของฉันเหรอ” ดูเหมือนว่าเขาจะสังเกตเห็นสีหน้าไม่พอใจของเธอจึงเอ่ยชื่อเธอออกมาแบบนี้
เธอหัวเราะและส่ายหน้า “พูดต่อเถอะค่ะ”
“เอาตามตรงนะครับ แนวของพี่โจวมันดูเชยไปแล้วล่ะครับ ตอนนี้คนอายุน้อยๆ ครองโลกกันหมดแล้ว ถ้าเรายังอยากรักษาเรตติ้งสูงๆ เอาไว้ เราต้องทำบางอย่างใหม่ๆ ดังนั้น การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ตอนถัดไปจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและสนุกมากกว่าเดิม”
นี่เขาวางแผนจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการโดยไม่แจ้งอะไรกับทางผู้ชมก่อนเลยหรือ
พิธีกรคนเก่ายังไม่ได้ส่งต่อหน้าที่ให้คนใหม่เลย ดังนั้นสิ่งที่เขาทำอยู่จึงเกือบจะเป็นการฆ่าตัวตาย ผู้จัดการสถานีสมองกลับไปแล้วหรืออย่างไร
ทุกคนในวงการรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เคยทำเรื่องโง่ๆ ลงไป แต่เพราะเจ้าตัวมีคนหนุนหลังอยู่ถึงได้ทำตามใจอยากได้
อันที่จริง ซย่าหันโม่ดูออกว่าเขากำลังพยายามรีบเปลี่ยนรูปแบบรายการให้เป็นไปตามแนวทางของเขา…
“ไม่ต้องห่วงครับ ด้วยความร่วมมือจากฝ่ายผลิตทั้งหมด ผมมั่นใจว่ารายการในรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปจะต้องได้รับความนิยมกว่าเดิมแน่นอน”
ความอดทนของซย่าหันโม่ถึงขีดจำกัด เธออยากจะเดินออกไปแต่ชายคนนี้กลับพูดโอ้อวดตัวเองไม่หยุด นี่เขากำลังพยายามทำให้คนอื่นเกลียดตัวเองอยู่หรือ
สุดท้ายการประชุมกินเวลาไปอย่างยาวนาน ลำพังแค่สาธยายประสบการณ์ของเขาก็ปาเข้าไปทั้งชั่วโมงแล้ว
พาให้ทีมงานทุกคนทุกข์ทรมานไปตามๆ กัน
จริงๆ แล้วเหตุผลที่ชายหนุ่มมั่นใจขนาดนี้เป็นเพราะว่าพ่อของเขาได้ไปพูดกับทีมผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยวิเคราะห์แนวทางของเขาและยืนยันว่ามันจะสำเร็จ
ไหนๆ ก็เปลี่ยนพิธีกรดำเนินรายการแล้ว ทำไมไม่เปลี่ยนเสียทีเดียวและให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่บ้างล่ะ
ทีมงานเดินออกจากห้องประชุมอย่างเหนื่อยล้าเกินทน ทว่าในเวลานี้โจวชิงปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องทำงานของผู้จัดการสถานี ทุกคนต่างคิดว่าเขามายื่นเอกสารบางอย่าง
พวกเขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ก่อนเข้าไปรายล้อมเขาไว้อย่างดีใจ “พี่โจว…”
“พวกเธอมีประชุมกันเหรอ” โจวชิงถามด้วยท่าทีสบายๆ พลางส่งยิ้มให้กับทุกคน “ตั้งใจทำงานกันนะ…”
“คุณจะกลับบ้านแล้วเหรอครับ” ใครบางคนถามขึ้นเมื่อเห็นกระเป๋าในมือของเขา แน่นอนว่าซย่าหันโม่เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น
“ฉันส่งมอบงานเสร็จอย่างเป็นทางการแล้ว นับจากวันนี้ไปฉันไม่ได้อยู่สังกัดสถานีนี้แล้วล่ะ พวกเธอก็ทำงานกันดีๆ นะ” เขาว่าขึ้น “ฝากดูแลหันโม่เป็นพิเศษด้วยนะ เธอยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก”
“ผมต้องดูแลลูกน้องของผมอยู่แล้วล่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ” ลูกชายผู้จัดการสถานีเอ่ยด้วยสายตาไม่เป็นมิตรขณะที่ก้าวออกมาจากห้องประชุม
“ดีครับ ผมได้ยินมาว่า การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ วางแผนจะยกเครื่องรายการใหม่ ขอให้โชคดีนะครับ”
พูดจบ โจวชิงหันหลังเดินจากไป หากแต่ทีมงานไม่อาจทนเห็นเขาไปแบบนี้ได้
เขาเป็นคนทำให้ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียง แต่ผู้จัดการสถานีก็ยังเขี่ยเขาทิ้งอย่างหน้าตาเฉย ช่างเป็นการกระทำที่เลือดเย็นจริงๆ
ลำพังผู้จัดการเข้าข้างลูกของตัวเองก็แย่พออยู่แล้ว ชายหนุ่มคนนี้ยังจะมาเยาะเย้ยโจวชิงอีก
ทุกคนต่างรู้สึกแย่แทนโจวชิง
“โจวชิง…”
“ไม่เป็นไรหรอก…” เขาไหวไหล่ “ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่มีที่ไปหลังจากออกจากที่นี่สักหน่อย”
“แน่สิครับ คุณมีที่ไปแน่ล่ะ แต่การส่งต่อรายการที่สร้างมาเองกับมือในจุดที่ได้รับความนิยมอย่างนี้คงยากที่จะทำใจได้อยู่นะครับ” ชายหนุ่มเย้ยหยัน
ซย่าหันโม่แทบจะมองค้อนใส่ด้วยความโกรธ…
จริงๆ เลย…
ทำไมคนที่ไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกถึงได้อวดดีอย่างนี้นะ
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ใครบอกให้คุณไม่มีพ่อเป็นผู้จัดการสถานีกันล่ะ”
ได้ยินดังนั้น ซย่าหันโม่ไม่อาจทนไหวอีกต่อไปก่อนพุ่งตรงเข้าไปฟาดฝ่ามือตบหน้าเขา “ฉันไม่เคยเห็นขโมยที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อนเลย รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณมันก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง เลิกอ้างพ่อตัวเองอย่างหน้าไม่อายดีกว่านะคะ ดูรอบๆ ตัวคุณให้ดีๆ สิ ไม่มีลูกน้องคนไหนเชื่อคุณเลยสักคน คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสที่สุดในโลกจริงๆ เหรอคะ”
“ซย่าหันโม่ กล้าดียังไงมาตบผม” เขาตะคอกใส่เธอ
“ฉันตบเพื่อเตือนสติให้รู้ว่ารายการกำลังจะพังพินาศหลังจากคุณเปลี่ยนแปลงมันยังไงล่ะ คอยดูไปเถอะค่ะ”
“ซย่าหันโม่ เธอถูกไล่ออก!”
“ฉันยินดีน้อมรับเลยล่ะค่ะ ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหมคะ คุณเป็นคนออกปากไล่ฉันเอง งั้นก็อย่าลืมจ่ายค่าแรงฉันด้วยนะคะ” เธอรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากได้ปลดปล่อยตัวเอง “พี่โจว ไหนๆ ฉันก็ถูกไล่ออกแล้ว เราไปด้วยกันเถอะค่ะ”
ดูเหมือนว่าถังหนิงจะรู้จักศิลปินของตัวเองดี ทั้งรู้ว่าเธอจะต้องก่อเรื่องขึ้นและคงร่วมรายการ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ได้ไม่นาน
โจวชิงจึงระบายยิ้มก่อนตอบกลับ “ไปกันเถอะ”
ในจังหวะก่อนที่เธอจะจากไป ซย่าหันโม่ปรายตามองลูกชายผู้จัดการเป็นครั้งสุดท้าย และเดินจากไปท่ามกลางสายตานับถือของทุกคน เธอเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย จนลืมเรื่องที่เธอหาเรื่องใส่ตัวไปเสียสนิท
หากแต่แน่นอนว่าซย่าหันโม่สามารถรับมือกับผลที่ตามมาได้ ด้วยมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะทำจริงๆ
“ถ้าหากพวกเขาเรียกร้องให้คุณรับผิดชอบที่ออกมาอย่างนี้ล่ะ”
“ในฐานะศิลปิน ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกว่าชื่อเสียงและโชคชะตาค่ะ” เธอตอบ “ฉันมั่นใจว่าถังหนิงเชื่ออย่างนี้เหมือนกัน ความจริงใจของคนเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดแล้วล่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น เธอจะเอายังไงกับอนาคตของเธอล่ะ เส้นทางการงานของเธอเพิ่งจะเริ่มต้นใหม่เองนะ…”