ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนรักษาระยะห่างกับผู้หญิงได้ดีไปกว่าโม่ถิงแล้ว
ต่อให้ต้องเข้าฉากกับเคทมากแค่ไหน เขาไม่เคยมีเธอในสายตาแม้แต่น้อย ดังนั้นไม่ว่าเคทจะทำอย่างไร เขาก็ไม่ชายตาแลเธอสักครั้ง
นอกจากถังหนิงแล้ว เขาไม่ปรารถนาสิ่งใดอีก
ถังหนิงจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอื้อฉาวอย่างในละครจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของเธอ
โดยเฉพาะเมื่อเธอตั้งท้องอยู่
…
หลินเฉี่ยนรู้ว่าเธอพูดเรื่องเหลวไหลออกไป เธอจึงเอ่ยสำทับ “โม่ถิงก็ยังเป็นโม่ถิงวันยังค่ำ เขาไม่มีทางทำอะไรทรยศคุณแน่นอนค่ะ”
ถังหนิงระบายยิ้มเป็นคำตอบ
ในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุจากบทสนทนาของพวกเธอ หลินเฉี่ยนเริ่มนึกถึงหลี่จิ่นที่กำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจอยู่ ระหว่างที่พวกเขาไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เธอเริ่มสงสัยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไปกันรอดจริงๆ หรือ
ถังหนิงรับรู้ถึงความไม่มั่นใจของหลินเฉี่ยน แต่เธอไม่ได้เอ่ยปากถาม กลับเอ่ยออกมาแทน “ถ้าเธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็พูดกับฉันได้นะ”
หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ เก็บของก่อนกลับห้องพักของซิงหลาน
อย่างไรก็ตามเธอรู้ดีว่าตอนนี้ซิงหลานอยู่ในสังกัดไห่รุ่ย และรู้ว่าการอยู่กับซิงหลานเป็นเวลานานนั้นคงไม่เหมาะสมนักเพราะเธอจะไปรบกวนพวกเขาเปล่าๆ ดังนั้นหลังจากคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว หลินเฉี่ยนตัดสินใจหาที่อยู่เป็นของตัวเอง แน่นอนว่าในเวลานี้เธอยังไม่คิดจะย้ายไปอยู่กับหลี่จิ่น
เธอเคยชินกับการอยู่ได้ด้วยตัวเองและไม่ต้องการที่จะไปพึ่งพาผู้ชาย อีกอย่างเธอต้องการให้ทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปมากกว่า
อย่างไรก็ตามในตอนนี้หลินเฉี่ยนนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับแขกไม่ได้รับเชิญ หญิงสาวที่หากจะว่ากันจริงๆ แล้วเธอเป็นทหารหญิง ดูจากชุดเครื่องแบบแบบเดียวกับหลี่จิ่น หลินเฉี่ยนพอจะรู้ว่าเธอเป็นใคร และมาหาเธอเพื่ออะไร
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหันเซียว”
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่คุณไม่คิดว่ามันเสียมารยาทเกินไปหน่อยที่ขุดคุ้ยข้อมูลส่วนตัวของฉันแล้วตามมาถึงที่นี่เหรอคะ” หลินเฉี่ยนถาม
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ขุดคุ้ยเรื่องของคุณ ที่ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนเพราะหลี่จิ่นเป็นคนบอกฉัน” หันเซียวตอบกลับอย่างสุภาพ “วันนี้ฉันไม่ได้มาเพื่อทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณหรืออะไรทำนองนั้นค่ะ อย่าเข้าใจฉันผิดเลยนะคะ ในฐานะน้องสาวบุญธรรมของเขา ฉันแค่อยากเห็นว่าแฟนสาวของพี่ชายของฉันเป็นยังไงเท่านั้นเอง ไม่ได้มากเกินไปใช่ไหมคะ”
“น้องสาวบุญธรรมเหรอ” หลินเฉี่ยนขมวดคิ้วมุ่น
“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้บอกคุณสินะคะ” หันเซียวหัวเราะ “แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เขาต้องกลัวคุณเข้าใจผิดอยู่แล้ว ต่อให้มันดีกว่าที่จะบอกไปตรงๆ ก็เถอะ เราสองคนต่อสู้เคียงข้างกันมานานหลายปีและยังเคยช่วยชีวิตกันไว้ด้วย”
“ต่อให้คุณเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าคุณจะมาที่นี่ทำไม”
“ฉันแค่มาแสดงตัวให้คุณรับรู้เท่านั้นค่ะ หวังว่าคุณจะไม่ถือนะคะ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าชีวิตของทหารมันคาดเดาอะไรไม่ได้ เรากำลังทำงานร่วมกันและต้องใกล้ชิดกัน ฉันไม่อยากให้เขาลากฉันมาแก้ตัวกับคุณทีหลังน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นฉันก็ต้องขอบคุณคุณหันที่อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่นะคะ” หลินเฉี่ยนตอบเสียงหนักแน่น ถึงหญิงสาวคนนี้จะสูงและน่าเกรงขามขนาดไหน เธอก็ไม่ได้รู้สึกตกเป็นรองอีกฝ่าย
“ฉันจะไม่มารบกวนคุณเรื่องอื่นอีก แต่ฉันขอเตือนคุณว่าหลี่จิ่นเป็นทหารและคุณก็อยู่ในวงการบันเทิง หวังว่าคุณจะรักษาท่าทีและไม่ทำให้เขาเดือดร้อนนะคะ”
พลันหลินเฉี่ยนสงสัยขึ้นมาว่าตกลงใครเป็นแฟนสาวของหลี่จิ่นกันแน่
คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นน้องสาวบุญธรรมคนนี้ช่างยากที่จะรับมือจริงๆ
ถึงอย่างไรหลินเฉี่ยนก็ไม่ได้รู้สึกว่าเธอทำให้หลี่จิ่นต้องอับอายขายหน้าตรงไหน
ทว่าการมาถึงของหันเซียวทำให้เธอหวนนึกถึงสิ่งที่คุณนายเฉวียนต่อว่าเธอก่อนหน้านี้ ครั้งนั้นเธอปล่อยให้คุณนายเฉวียนกดขี่รังแกเธอเพราะเธอยังเด็กและโง่เง่า หากแต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ไม่รู้จักวิธีปกป้องตัวเองอีกแล้ว
“ฉันพูดจบแล้ว หวังว่าคุณหลินจะรู้ว่าต้องทำยังนะคะ”
หลินเฉี่ยนโกรธและหงุดหงิดใจ แต่เธอจะไม่ปล่อยให้มันมาทำให้เธอหัวเสีย
อันดับแรกแม้เธอจะรู้จักหลี่จิ่นมาไม่นาน เธอก็รู้ว่าเขาจะไม่มีทางนอกใจเธอเด็ดขาดเพราะเขาเป็นคนเคร่งครัดในเรื่องนี้ไม่น้อย
ข้อสองเธอคิดว่าหันเซียวเป็นเพื่อนร่วมงานของหลี่จิ่น แต่ไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา
ข้อสามก่อนที่หลี่จิ่นจะยอมรับออกมาด้วยตัวเอง เธอจะไม่ตัดสินเขาก่อน ต่อให้เธอเดือดดาลในใจแค่ไหนก็ตาม
หลังกลับถึงบ้านหลินเฉี่ยนไม่ได้รีบร้อนติดต่อหลี่จิ่น หากแต่ความกรุ่นโกรธยังฉายชัดอยู่ในสีหน้าของเธอ ไม่ใช่ว่าเธอขายหน้าเพราะเธอใสซื่อไม่รู้ความแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเหตุผลอื่นต่างหาก ด้วยเธอเองได้เผชิญหน้ากับคนที่น่ารังเกียจและอวดดีมาตลอดอยู่แล้ว
ในคืนนั้น ซิงหลานกลับมาที่บ้านและพบกับท่าทีอึดอัดใจของหลินเฉี่ยน “หลี่จิ่นทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอคะ”
เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
“แสดงว่าใช่ บอกฉันมาค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อไม่อาจทนการซักไช้ของซิงหลานได้ สุดท้ายหลินเฉี่ยนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดของน้องสาวบุญธรรมของหลี่จิ่นให้อีกฝ่ายฟัง ซิงหลานหัวเราะออกมาเป็นคำตอบ “หลินเฉี่ยน โอ๊ย หลินเฉี่ยน เรื่องเป็นอย่างนี้เองสินะคะ รู้หรือเปล่าว่าคุณน่ารักขนาดไหนเวลาตัวเองหึงน่ะค่ะ”
“เวลาอย่างนี้ยังจะต้องมาล้อเลียนฉันอย่างนี้อีกเหรอคะ”
เมื่อเห็นหลินเฉี่ยนออกอาการโกรธจริงจัง ซิงหลานรีบปลอบใจเธอทันควัน “โอเค เลิกแล้วก็ได้ อย่าโกรธเลยนะคะ ตราบใดที่คุณไม่เชื่อ เดี๋ยวเรื่องทั้งหมดก็กระจ่างออกมาเองนั่นแหละค่ะ”
“หึย” หลังจากฮึดฮัดตอบกลับไป หลินเฉี่ยนหันหลังเดินเข้าห้องของตัวเองไป เก็บห้องเล็กน้อยก่อนนอนหลับไปจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น
ทว่าซิงหลานกลับต่อสายหาคุณนายหลี่
“คุณป้าคะ ผู้หญิงคนที่อ้างว่าเป็นน้องสาวบุญธรรมของหลี่จิ่นมาหาหลินเฉี่ยนวันนี้ และทำให้เธอหงุดหงิดแทบบ้าเลยล่ะค่ะ เป็นอย่างนี้ต่อไป คุณป้าต้องเสียลูกสะใภ้ไปแน่ๆ เลยค่ะ”
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดจากซิงหลาน คุณนายหลี่ก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
“หลี่จิ่นไปเจอผู้หญิงหน้าด้านที่กล้าไปหาเฉี่ยนเฉี่ยนถึงที่ได้ยังไงกัน”
“เธอบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงานเหรอ เพื่อนร่วมงานประเภทไหนที่ไปทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นแบบนี้ ตาเฒ่า รีบโทรหาไอ้ตัวแสบเร็วๆ เลยนะ ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นและบอกให้แก้ตัวมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกเลย! อารมณ์เสียจริงๆ!”
“บางทีคุณอาจจะเข้าใจลูกผิดก็ได้นะ”
“เข้าใจผิดอะไรกันคะ เขาปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาตามรังควานแฟนของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว มีผู้ชายที่โง่อย่าเขาด้วยเหรอ เป็นอย่างนี้ต่อไปเขาจะต้องเสียแฟนไปแน่ๆ ” คุณนายหลี่โวยวาย “ทำไมเขาไม่ได้ทักษะการใช้ชีวิตจากฉันไปบ้างนะ เฉี่ยนเฉี่ยนน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ ดูเผินๆ เธออาจจะดูเย็นชาแต่พอเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เธอก็ไปที่ฐานทัพและรอลูกชายของเราอยู่ทั้งวันทั้งคืน
“นังแพศยาทั้งหลายหลบไปซะ”
คุณพ่อหลี่ไม่มีทางเลือกนอกจากติดต่อลูกชายของตัวเองให้ หากแต่หลี่จิ่นอยู่ระหว่างการประชุมและลูกน้องรวมถึงหันเซียวก็อยู่ข้างๆ ด้วย
“พ่อ…”
“แม่ของลูกมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ” คุณพ่อหลี่ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ จึงทิ้งเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของคุณนายหลี่
สุดท้ายหลี่จิ่นจึงลงเอยด้วยการคุยเรื่องหันเซียวกับแม่ตัวเองต่อหน้าเจ้าตัว
“นี่เป็นสิ่งที่ลูกแสดงให้เฉี่ยนเฉี่ยนเห็นว่าลูกรักเธอเหรอ ด้วยการปล่อยให้ศัตรูหัวใจมาหาเธอถึงหน้าประตูเนี่ยนะ”