“ถ้าแม่เป็นเฉี่ยนเฉี่ยน ต่อไปนี้แม่จะไม่สนใจลูกอีกเลย ไอ้ลูกบ้านี่
“ไปสะสางเรื่องให้เรียบร้อยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ซะ ถ้าไม่อย่างนั้นแม่จะเอาเฉี่ยนเฉี่ยนมาเป็นลูกสาวแล้วไล่ลูกออกจากตระกูลเอง”
“…”
นี่คือสิ่งที่แม่ของเขาจะพูดเหรอ
คนอื่นๆ ก็คงสงสัยกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้าพวกเขาเช่นกัน หากแต่หลี่จิ่นกลับแอบยิ้มกับตัวเอง เพราะแม่ของเขาคงชอบในตัวหลินเฉี่ยนเข้าให้แล้ว ดูเหมือนว่ามันคงจะทดแทนความเจ็บปวดและบาดแผลที่หลินเฉี่ยนต้องพบเจอมาตั้งแต่เด็กจนโต
หลี่จิ่นวางโทรศัพท์ในมือลง แน่นอนว่าการประชุมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญนัก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อาจคุยโทรศัพท์ได้
ทว่าหลังจากวางสาย แววตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเฉยชา
“ท่านนายพลครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไร คุยต่อเถอะ” หลี่จิ่นออกคำสั่ง หลังผ่านไปพักใหญ่ การประชุมก็จบลงขณะที่ทุกคนทยอยเดินออกไป
ในจังหวะที่เขาเห็นหันเซียวกำลังออกไป หลี่จิ่นอดไม่ได้ที่จะถามลูกน้องที่อยู่ข้างๆ เขา “นายคิดยังไงกับหันเซียว”
“เธอเป็นผู้หญิงที่ใช้ได้เลยนะครับ” อีกฝ่ายตอบ “ท่านนายพลครับ หันเซียวประจำการที่ฐานทัพนี้มานานหลายปีแล้ว ใครๆ ก็รู้จักนิสัยเธอดีครับ”
“ไม่เสมอไปหรอกนะ บางคนก็เก่งเรื่องซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้” หลี่จิ่นเอ่ยอย่างมีความหมายแอบแฝง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นถามอีกครั้ง “ถ้าผู้หญิงที่ชอบนายไปหาแฟนของนายลับหลัง และจงใจพูดให้เข้าใจผิด นายจะคิดยังไงล่ะ”
“ผมเกลียดผู้หญิงเจ้าเล่ห์ครับ ผมอาจจะไม่ได้เจอกับผู้หญิงแบบนั้น แต่ผมคงจะอยู่ให้ห่างจากคนประเภทนั้นแน่นอนครับ” ลูกน้องของเขาตอบกลับมาทันควัน หากแต่หลังจากนั้นเขาก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าผู้หญิงที่พวกเขาพูดถึงอยู่คือหันเซียว “เป็นไปไม่ได้น่า…”
หลี่จิ่นจ้องมองเขาด้วยสายตาแฝงความนัย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“พระเจ้า ผมไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นคนอย่างนั้นเลยครับ” เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
ไม่เพียงแต่วิธีการของหันเซียวจะร้ายกาจแล้ว สำหรับผู้หญิงที่ทำอย่างนั้น มันหมายความว่าพวกเธอเป็นพวกเหลี่ยมจัดไม่น้อย
“หันเซียวไปหาพี่สะใภ้เหรอครับ หมายความว่าพี่สะใภ้เข้าใจผิดเหรอครับ ท่านนายพล ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะครับ ไปอธิบายให้เธอเข้าใจสิครับ!”
หลี่จิ่นไม่ได้ขยับตัวไปไหน เขากลับออกปากสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองแทน “พรุ่งนี้ผมมีภารกิจให้คุณทำ”
…
ในเวลานี้โม่ถิงยังคงอยู่ที่กองถ่าย หลังถ่ายทำเสร็จสิ้น เขามักจะขับรถตรงกลับบ้านโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ทว่าเคทเพิ่งได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนเพราะเข่าของเธอกระแทกระหว่างฉากต่อสู้ที่พวกเขาเข้าฉากด้วยกัน
ตราบใดที่โม่ถิงเป็นผู้ชาย เคทคาดหวังให้อย่างน้อยเขาก็แสดงความเป็นห่วงบ้าง หากแต่แน่นอนว่า
เคทต้องกอดความผิดหวังกลับไป
เพราะสุดท้ายโม่ถิงบอกให้เชียวเซินโทรเรียกทีมแพทย์ เขาไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนรั้งไม่ให้เขากลับบ้านได้
“คุณไม่รู้จักแสดงความเป็นสุภาพบุรุษบ้างเหรอคะ ฉันได้รับบาดเจ็บก็เพราะคุณ ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยเหรอคะ”
“ผมไม่คิดว่าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะผมนะ ผมว่าเพราะคุณพยายามจะเรียกร้องความสนใจจากผมมากกว่า” โม่ถิงตอบกลับต่อหน้าทุกคน “คุณทำตัวเองเองนะครับ…
“เคท ผมแนะนำให้คุณเลิกเสียเวลากับผมสักทีนะครับ ผมชักทนคุณไม่ไหวขึ้นทุกทีแล้ว ถ้ายังอยากถ่ายทำ ราชินีมด ต่อไป ก็ควรตั้งใจกับการถ่ายทำของคุณไป ไม่อย่างนั้นผมจะส่งคุณกลับบ้านเอง…
“แล้วก็อย่าทำเรื่องโง่ๆ อย่างนี้อีกนะครับ คุณกำลังทำให้ผมกลับบ้านสาย”
คำพูดของโม่ถิงจี้ใจดำจนพวกมันได้เผยให้เห็นเป้าหมายซ่อนเร้นของเธออย่างหมดเปลือก
ด้วยตำแหน่งของเคทในทีมนักแสดงยังไม่เข้าที่เข้าทางดี แม้แต่เชียวเซินยังไม่อาจอดกลั้นความโกรธไว้ได้ เขาจึงนั่งลงและเอ่ยกับเจ้าตัว “ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อแสดง ผมว่าคุณคงต้องทนอีกไม่นานหรอก แต่…
“ถ้าคุณมีจุดประสงค์อื่น คุณก็ออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ…
“ดูเหมือนคุณจะไม่รู้ซะแล้วว่าประธานโม่เป็นใคร เขาไม่ได้เป็นแค่นักแสดง เขาเป็นเจ้าของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ ความเป็นความตายของศิลปินหลายคนอยู่ในมือของเขา ถ้าเขาจะทำ เขาสามารถทำให้คุณไม่สามารถอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้เลย
“ดังนั้นถ้าคุณไม่ไปลองดีกับเขาได้ ก็เลี่ยงเถอะครับ”
เคทไม่คิดว่าตัวเองจะถูกข่มขู่อย่างนี้มาก่อน เธอจึงรู้สึกกลัวขึ้นมาเองเล็กน้อย
หากแต่เชียวเซินไม่จำเป็นต้องพูดถึงตัวตนของโม่ถิง เพราะตอนนี้เมื่อเขาพูดออกไปแล้ว เคทกลับยิ่งต้องการเข้าหาโม่ถิงมากขึ้น ถึงอย่างไรเธอเองก็สนุกกับความตื่นเต้นที่ได้ท้าทายบางอย่าง
แต่จากนี้ไปเธอจะไม่ใช่วิธีตื้นๆ อีกต่อไป
โม่ถิงไม่สนใจว่าคนสมองกลวงอย่างนั้นจะเข้าใจคำพูดของเขาหรือไม่ อย่างน้อยเขาก็ได้ออกปากเตือนแล้ว หากเคทกล้าล้ำเส้นของเขาอีก เขาจะส่งข้าวของของเธอกลับฝรั่งเศสไปซะ
หลังกลับมาถึงบ้าน โม่ถิงกลายเป็นคุณพ่อและสามี ทันทีที่เห็นโม่จื่อเฉินกระโดดดิ้นไปมาในอ้อมแขนของถังหนิง เขาเข้ามาอุ้มลูกทันที
“คุณอุ้มท้องอยู่นะ ระวังหน่อยสิครับ”
“ตราบใดที่เขาไม่เหยียบหน้าท้องของฉันก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ถังหนิงระบายยิ้ม “ดูจากท่าทางของคุณแล้ว ฉันว่าวันนี้เคทต้องก่อเรื่องให้คุณแน่เลย”
โม่ถิงไม่พูดอะไรแต่ถังหนิงก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
“คุณเกลียดที่ต้องคอยรับมือกับผู้หญิงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“นอกจากคุณ ผมไม่มีทางเสียเวลาไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นหรอก เปลืองแรงของผมเปล่าๆ ” เขาตอบ
“แล้วลูกสาวของเราล่ะคะ”
เขาวางลูกทั้งสองคนลงบนพื้น และปล่อยให้พวกเขาไปวิ่งเล่น ในขณะที่ถังหนิงนั่งลงบนตักของเขา “ผมจะสอนให้เธอเลือกคบเพื่อนทันทีที่เธอลืมตาดูโลกเลยล่ะครับ”
“คุณก็พูดเกินไปค่ะ” เธอหัวเราะพลางจินตนาการถึงโม่ถิงในบทบาทคุณพ่อที่แสนเข้มงวด
เมื่อนึกถึงภาพผู้ชายเย็นชาคนนี้กำลังโอบกอดเด็กผู้หญิงตัวน้อยเอาไว้ก็ชวนให้ดูผิดหูผิดตาจนต้องทำให้คนอื่นๆ พากันร้องเสียงหลงแล้ว
หากมีใครถามว่าการคลั่งรักคืออะไร โม่ถิงคงเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากภรรยาของเขาแล้ว เขาไม่สนใจใครหน้าไหนเพราะมันเป็นการเปลืองแรงเขาไปเปล่าๆ
แน่นอนว่านี่เป็นความรักในความคิดของเขา
…
เช้าวันถัดมาหลังจากใช้เวลาทั้งคืนไปกับความหงุดหงิดใจ หลินเฉี่ยนก้าวออกมาจากห้องพักของซิงหลานและพบกับรถทหารที่จอดรออยู่ชั้นล่าง และแน่นอนว่ามาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนพิงมันอยู่
ทันทีที่เขาเห็นหลินเฉี่ยน เขายกมือทักทายเธอทันที “สวัสดีตอนเช้าครับ พี่สะใภ้”
“คุณ…”
“ท่านนายพลสั่งให้ผมมารับคุณครับ” เขาตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก
หลินเฉี่ยนไม่รู้ว่าหลี่จิ่นวางแผนอะไรเอาไว้ เดิมทีเธอตั้งใจจะปฏิเสธ หากแต่เธอรู้ว่าหลี่จิ่นไม่ได้เป็นคนผิด จึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะหลบหน้าเขา
ด้วยเหตุนี้ เธอก้าวขึ้นรถก่อนที่พวกเขาจะมาถึงฐานทัพอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้มีกฎไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปเหรอคะ” หลินเฉี่ยนถามขึ้นเมื่อเห็นประตูทางเข้า เธอนึกถึงวันคืนที่เธอต้องยืนอยู่ด้านนอกขึ้นมาได้
“พี่สะใภ้ครับ ผมต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ แต่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฐานทัพจริงๆ ครับ แต่ถ้าเป็นที่ลานฝึกก็ไม่เป็นไรครับ” เขารีบแจงให้ฟัง “ตามผมมาครับ ท่านนายพลกำลังรออยู่ครับ”
หลินเฉี่ยนออกอาการหงุดหงิดและกรุ่นโกรธขึ้นมาเล็กน้อย
บางทีเขาอาจจะพาเธอมาที่นี่เพื่อพบกับน้องสาวบุญธรรมของเขาหรือเปล่า