หลินเฉี่ยนมุ่งหน้าไปที่ลานฝึกโดยไม่ได้คิดในแง่ดีนัก ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้รู้จักหลี่จิ่นดี ไม่รู้ว่าหลี่จิ่นในยามปกติเป็นอย่างไร แตกต่างกับในตอนทำงานหรือไม่ เธอไม่รู้อะไรแม้แต่อย่างเดียว
เธอไม่อาจเป็นอย่างถังหนิงได้ที่เมื่อตัดสินใจบางอย่างลงไปแล้ว จะสามารถยอมรับผลที่ตามมาไม่ว่าจะดีหรือร้ายได้โดยที่ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
หากแต่หลินเฉี่ยนต่างออกไป เธอหวาดกลัว เมื่อเธอคิดว่ามันจะไปไม่รอดหรือเสี่ยงมากเกินไป เธอจะถอดใจออกมาทันที
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อบางสิ่ง หากแต่อาการกลัวเป็นสิ่งที่เธอเป็นไปเองอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่นานหลินเฉี่ยนและนายทหารคนนั้นก็มาถึงลานฝึก แต่เธอกลับไม่เห็นทหารกำลังฝึกอยู่สักคน มีเพียงหลี่จิ่นและเพื่อนร่วมงานของเขาไม่กี่คนเท่านั้น รวมถึงคนที่น่าจะเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา หันเซียว
อันที่จริงหันเซียวอึ้งไปเช่นกัน เธอนึกไม่ถึงว่าหลี่จิ่นจะพาหลินเฉี่ยนมาที่ลานฝึกเพื่อพบเพื่อนร่วมงานคนสนิทของเขา
เขามีใจให้กับเธอจริงๆ หรือ
“เฉี่ยนเฉี่ยน…” หลี่จิ่นเรียกเธออย่างคุ้นเคย ในขณะที่เธอเดินเข้ามาเขารั้งเธอเขามาในอ้อมแขน ก่อนเอ่ยกับเพื่อร่วมงานของเขา “ครั้งก่อนเฉี่ยนเฉี่ยนหมดสติไป ฉันเลยไม่ได้แนะนำเธอให้รู้จัก นี่แฟนของฉันเอง หลินเฉี่ยน อีกไม่นานเราก็กำลังจะลงหลักปักฐานด้วยกันแล้วล่ะ”
เป็นครั้งแรกที่หลี่จิ่นยอมรับว่ามีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน แม้แต่หันเซียวที่ตามวนเวียนรอบตัวเขามานานยังไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เลย ดูท่าแล้วหลี่จิ่นคงจะตกหลุมรักเข้าจริงเสียแล้ว
เพื่อนร่วมงานของเขามองหลินเฉี่ยน จากนั้นจึงเหลือบมองหันเซียว ก่อนจะว่าขึ้น “ไอ้บ้านี่ มีแฟนแล้วทั้งทีทำไมไม่บอกเราก่อนหน้านี้เลยล่ะ”
“เราเพิ่งเจอกันไม่นานน่ะ”
หลินเฉี่ยนดูออกว่าเพื่อนร่วมงานของเขาประหม่าเล็กน้อย คงเป็นเพราะหันเซียวอยู่ที่นี่ด้วย
ในเวลานี้หันเซียวพยายามหาข้ออ้างขอตัวออกไป “ฉันยังมีฝึกอยู่ ขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ” หลินเฉี่ยนพลันเอ่ยเรียกขึ้นมาท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
หันเซียวคิดว่าหลินเฉี่ยนไม่ใช่คนประเภทที่จะมาทะเลาะกับผู้หญิงด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่อหน้าผู้ชาย ทว่าหลินเฉี่ยนกลับไม่ผิดไปจากคนเช่นนั้นแม้แต่น้อย
“ไหนๆ หลี่จิ่นกับคุณหันก็อยู่ที่นี่ทั้งคู่แล้ว ฉันอยากจะคุยบางเรื่องสักหน่อยค่ะ หลี่จิ่น ถามหน่อยเถอะ คุณหันเป็นน้องสาวบุญธรรมของคุณเหรอคะ” หลินเฉี่ยนถามพร้อมจ้องเขม็งไปที่หันเซียว
“ไม่นี่” หลี่จิ่นตอบไปตามตรง
“แต่คุณหันมาหาฉันเมื่อคืนแล้วอ้างว่าเธอมาดูว่าฉันเป็นยังไงในฐานะน้องสาวบุญธรรมของคุณ เธอยังบอกให้ฉันเคยชินกับเธอเพราะเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณ และพวกคุณทั้งสองคนก็ทำงานด้วยกันบ่อยๆ ฉันเลยไม่ควรไปหึงหวงคุณ สุดท้ายยังบอกอีกว่าให้ฉันระวังภาพลักษณ์ของตัวเองเพราะคุณทำงานในกองทัพ” หลินเฉี่ยนทวนคำพูดของหันเซียวในคืนก่อนต่อหน้าทุกคน
“ดูเหมือนจะถึงเวลาที่เหมาะสมที่ฉันจะให้คำตอบกับคุณหันแล้ว อันดับแรกเลยนะคะ คุณกำลังล้ำเส้นขอบเขตของคุณ ฉันไม่สนใจว่าคุณจะเป็นน้องสาวบุญธรรมของเขาหรือเปล่า ต่อให้คุณเป็นน้องสาวจริงๆ ของเขา คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาหาแฟนของเขาแล้วเที่ยวสั่งไปทั่วแบบนี้…
“สอง พูดตามตรงฉันถือสาเรื่องที่คุณโผล่ออกมาค่ะ เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนทนเห็นผู้หญิงเหลี่ยมจัดอยู่ข้างๆ คนรักของเธอได้หรอกค่ะ มันอันตรายเกินไป…
“สาม ฉันยอมรับว่าคนที่ทำงานในกองทัพเป็นคนที่เยี่ยมยอดเพราะพวกเขาปกป้องความมั่นคงของประเทศชาติ แต่นั่นไม่ได้เป็นเหตุผลที่คุณจะใช้ดูถูกฉันได้นะคะ ฉันเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีและช่วยเหลือสังคมในแบบของฉัน ไม่ใช่คนที่สำคัญน้อยไปกว่าคุณหรอกนะคะ…
“ฉันทนกับความอวดดีของคุณไม่ไหวแล้ว ฉันเลยอยากพูดกับคุณให้ชัดเจนซะตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ…
“อย่าคิดว่าคุณฝึกมาไม่เท่าไหร่แล้วจะเข้าอกเข้าใจผู้หญิงได้ไปหมดเลยค่ะ…
“ในเรื่องอาชีพการงาน ฉันยอมรับว่าคุณแข็งแรงกว่าฉัน แต่ถ้าเป็นเรื่องความรัก ฉันหวังว่าคุณจะซื่อสัตย์กับมันได้นะคะ…
“ฉันยินดีที่จะต่อสู้อย่างยุติธรรมค่ะ”
หลังได้ยินคำพูดของหลินเฉี่ยน ทุกคนถึงกับนิ่งค้างไป
ไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวที่ดูอ่อนแอคนนี้จะมีจิตวิญญาณนักสู้ขนาดนี้ ความจริงแล้วเธอได้ทำให้หันเซียวไม่เหลือซึ่งศักดิ์ศรีและฉีกหน้าเธอต่อหน้าเพื่อนร่วมงานของเธอทุกคน
ทว่าแม้หลินเฉี่ยนจะออกปากพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว เธอก็ยังไม่หยุดแค่นั้น
เพราะในตอนนี้เธอหันไปเผชิญหน้ากับหลี่จิ่นก่อนเริ่มต่อว่าเขาเช่นกัน “ถ้าคุณมีน้องสาวบุญธรรมหรือคนรักบนโลกออนไลน์ที่ไหนอีก อย่างนั้นฉันว่าเรื่องระหว่างเราคงไปกันไม่รอดหรอกค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่ทนเรื่องทำนองนี้ได้เพื่อความรักหรอกนะคะ ฉันเกลียดที่ต้องเห็นคนรักของฉันมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับผู้หญิงคนอื่นแล้วต้องมาปิดบังให้เขาอีกค่ะ”
“เฉี่ยนเฉี่ยน คุณพูดทั้งหมดนี้เพราะคุณหึงผมเหรอครับ” หลี่จิ่นไม่ได้ถือสาเธอ แต่กลับรู้สึกว่าเธอน่ารักเป็นที่สุดยามที่เธอโกรธ
หลินเฉี่ยนมองค้อนใส่เขาเป็นคำตอบ ก่อนที่เขาจะว่าขึ้น “หันเซียวกับผมเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันครับ ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต มันก็ไม่เปลี่ยนไปหรอกครับ…
“อีกอย่างผมไม่ได้มีน้องสาวบุญธรรมหรือคนรักบนโลกออนไลน์สักคนเดียวครับ มีแค่แฟนสาวขี้หึงอยู่คนเดียวเนี่ยแหละครับ”
หันเซียวมองคู่รักหวานชื่นในขณะที่สีหน้าแดงก่ำได้เปลี่ยนเป็นซีดเซียว ในตอนนี้เธอรู้สึกได้เพียงความอับอายขายหน้า นึกไม่ถึงว่าหลินเฉี่ยนจะพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้
“ท่านนายพล ฉันว่าไม่จำเป็นต้องทำร้ายคนรอบตัวคุณเพราะความสัมพันธ์ของคุณก็ได้มั้ง ต่อให้หันเซียวทำเรื่องน่ารังเกียจไป คุณก็น่าจะนึกถึงศักดิ์ศรีของเธอบ้าง ถึงยังไงเธอก็อยู่ข้างนายมานานหลายปี ถึงพวกคุณจะไม่ได้รักกันและเธอเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน คุณก็ไม่ควรต้อนเธอให้จนมุมอย่างนี้ หันเซียวเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณกลับเข้าฐานทัพเองนะ” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของหลี่จิ่นกล่าวกับทั้งคู่ พลางเริ่มพาหันเซียวเดินออกไป
หากแต่หลังจากได้ยินดังนั้น หลินเฉี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับคนทั้งสอง “ในเมื่อคุณยอมรับว่าเธอทำเรื่องน่ารังเกียจลงไป แล้วอะไรทำให้คุณคิดว่าเธอเป็นคนเดียวที่เจ็บปวดล่ะคะ”
ชายคนนั้นหันมามองหลินเฉี่ยน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ประทับใจในตัวเธอสักเท่าไร ทว่าครั้งนี้หลี่จิ่นได้ก้าวออกมาก่อนพูดขึ้น “ฉันยังไม่ได้บอกให้นายไปได้”
หันเซียวและผู้ชายคนนั้นชะงักฝีเท้าอย่างไม่กล้าจะก้าวเดินต่อ
“ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่เพื่อพบหลินเฉี่ยนและประกาศว่าเธอเป็นแฟนของฉัน…
“นายจะไม่ชอบหรือไม่เคารพเธอก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยเก็บเอาไว้ในใจด้วย ถ้านายไปกดขี่ข่มเหงเธออย่างที่หันเซียวทำคืนก่อน ฉันจะฆ่านาย…
“ฉันไม่อยากได้ยินว่ามีผู้หญิงอื่นเข้าหาเฉี่ยนเฉี่ยนเพื่อทำอะไรลับหลังฉัน ฉันเกลียดวิธีสกปรกแบบนั้น…
“ดังนั้นถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก อย่าหาว่าฉันใจดำแล้วกัน”
พูดจบหลี่จิ่นก็ปรายตามองหันเซียวไปโดยไม่รู้ตัว คนถูกมองกล้ำกลืนฝืนความเจ็บปวดก่อนเดินจากไป เธอไม่เคยทุกข์ทรมานด้วยความอัปยศอดสูอย่างนี้มาก่อน
เธอถ่อมาประจำการถึงฐานทัพแห่งนี้เพราะว่าหลี่จิ่น แต่ชายคนนี้ก็ยังทำตัวเลือดเย็นกับเธอได้ลงคอเพียงเพราะผู้หญิงอีกคน เดิมทีเธอคิดว่าเขาจะพูดเพื่อปกป้องเธอบ้าง ต่อให้หลินเฉี่ยนจะตัดสินใจฉีกหน้าเธอก็ตาม หากแต่เขากลับไม่ได้ทำ…
ในขณะที่เธอนึกว่าหลินเฉี่ยนจะเป็นคนซื่อบื้อเช่นกัน หากแต่เธอกลับจัดการได้ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้