ในขณะที่ทุกคนมองเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บด้วยความปวดใจ ทว่าโคโค่ไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าดวงตาจะคลอด้วยหยาดใสก็ตาม
“ปู่เฉียว หนูไม่เจ็บค่ะ มาถ่ายทำอีกครั้งนะคะ”
“โถ่ ปู่จะทนเห็นหนูถ่ายอีกครั้งได้ยังไงกันล่ะ” เฉียวเซินโน้มตัวมาช้อนตัวอุ้มเด็กหญิงขึ้นในอ้อมแขน
ในขณะเดียวกันทุกคนมองไปทางโม่ถิง ทว่าเขายืนอยู่แถวนั้นเฉยๆ ขณะที่รอทีมช่วยเหลือมาถึง
ไม่นานถังหนิงก็มาถึง เมื่อเห็นว่าโคโค่ได้รับบาดเจ็บ เธอรีบเข้าไปปลอบจากนั้นจึงส่งยิ้มก่อนเอ่ย “น้าจะสอนหนูว่าต้องทำยังไงเองนะ”
ถังหนิงคิดเอาไว้ว่าประธานโม่จะดูแลลูกสาวของพวกเขาได้ขนาดไหน เพราะเขาคงจะทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างๆ เธอแน่
สุดท้ายต่อให้ถังหนิงไม่อาจแสดงด้วยตัวเองได้ แต่เธอได้สาธิตให้โคโค่ดูได้เป็นอย่างดี ฉากของโคโค่ไม่ได้อันตรายมากนักด้วยโม่ถิงเป็นตัวหลักในฉากต่อสู้ส่วนใหญ่ ดังนั้นการสาธิตจึงไม่ได้เป็นอันตรายสำหรับถังหนิง
“พวกเขาดูเหมือนครอบครัวเดียวกันเลยนะ…”
“ใช่แล้ว ลูกสาวของถังหนิงจะต้องสวยมากแน่ๆ เลย”
หนึ่งในทีมงานได้โพสต์รูปที่ถ่ายโม่ถิงกับโคโค่ไว้ เดิมทีพวกเขาแค่ชื่นชอบรูปนั้น หากแต่มันกลับแพร่สะพัดไปทั่วอย่างคาดไม่ถึง
อย่างไรเสียรูปก็แสดงให้เห็นความแตกต่างกันจนทำให้มันดูสมบูรณ์แบบ
“อะไรกันเนี่ย เกิดอะไรขึ้น ประธานโม่ถ่ายรูปนี้ตั้งเมื่อไหร่กัน”
“เด็กหญิงคนนี้เป็นใครกัน น่าเอ็นดูมากเลย! พวกเขาดูเหมือนพ่อลูกที่น่ารักเลยล่ะ”
“พวกเขาดูแตกต่างกันจนฉันเลิกมองไม่ได้เลย รูปนี้ถูกถ่ายตอนไหนกันล่ะเนี่ย”
“นั่นโคโค่ลีไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงไปโผล่ในรูปกับประธานโม่ได้ล่ะ”
ไม่นานใครบางคนก็ยกเรื่องของเคทขึ้นมาก่อนคาดเดาไปต่างๆ นานา “อาจจะมาจากกองถ่ายหนังไซไฟของถังหนิงก็ได้นะ เคทไม่ได้พูดไว้เหรอว่าประธานโม่เป็นนักแสดงนำชายน่ะ”
“ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินว่าเธอกำลังถ่ายทำหนังไซไฟอยู่ก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไร แต่พอเห็นรูปนี้แล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกคาดหวังขึ้นมาเลย”
“ฉันชอบความแตกต่างนี้จัง ประธานโม่ดูเหมือนคุณพ่อที่เท่เลยล่ะ”
ความจริงแล้วรูปที่หลุดออกไปไม่ได้มีผลกระทบต่อ มดราชินี เท่านั้น ถึงอย่างไรคนภายนอกก็ได้แต่คาดเดาและรูปก็ไม่ได้มาจากการถ่ายทำจริง อย่างไรก็ตามรูปนั้นได้ไปสะดุดตาคนคนหนึ่งเข้า
แม่ของโคโค่ลี!
หญิงสาวที่หนีไปแต่งงานกับนักธุรกิจที่มีฐานะคงไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายนัก หลังจากสามีของเธอตายไป เธอไม่ได้รับมรดกแม้แต่น้อย ในขณะที่มันตกเป็นของลูกๆ ของเขาทั้งหมด สิ่งที่เหลืออยู่คือบ้านหลังหนึ่งเท่านั้น ก่อนหน้านี้เมื่อเธอเห็นว่าคุณพ่อลีติดหนี้ก้อนโต เธอไม่คิดจะกลับไปหาพ่อลูกสักนิด ทว่าในตอนนี้เมื่อเธอเห็นว่าลูกสาวตัวเองรู้จักกับโม่ถิง สุดท้ายจึงคิดว่าถึงเวลาที่ต้องต่อสู้เพื่อสิทธิในการเลี้ยงดูเธอสักที
อย่างไรเสียท่าทางของโคโค่ก็ดูหัวอ่อนและคุณพ่อลีก็อ่อนแอเกินกว่าจะต่อกรกับเธอได้
เพื่อสร้างภาพเป็นคุณแม่ที่น่ารัก สุดท้ายคุณนายลีจึงต่อสายหาอดีตสามีของตัวเอง
“แซมคะ ฉันคิดถึงลูกสาวของฉันค่ะ ฉันอยากพบเธอ”
คุณพ่อลีชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่ได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนี้มา 5 ปี หากแต่สิ่งแรกที่เธอพูดคือเธอต้องการพบลูกสาว
เขาวางสายทันทีอย่างไม่ลังเล แต่สุดท้ายคุณนายลีกลับมาปรากฏตัวถึงหน้าประตูบ้านของเขา
“คุณนี่จริงๆ เลย ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว คุณก็ยังอยู่ที่เดิมเหรอคะ” หญิงสาวบ่นทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน
เมื่อก่อนเธอทนยอมลำบากมาหลายปีในบ้านหลังนี้ ไม่คิดว่าชายคนนี้จะยังอยู่ที่นี่อยู่
บางทีเขาอาจจะใช้เงินที่โคโค่ทำงานหามาได้จนหมดแล้วก็ได้
“คุณมาที่นี่ทำไม”
“ฉันต้องมีเหตุผลที่จะมาหาลูกสาวตัวเองด้วยเหรอคะ” เธอว่าขึ้นพลางหงายมือถามกลับ
“โคโค่ไม่อยู่บ้าน คุณมาทีหลังเถอะ” เขาเริ่มพูดไล่เธอ
“ฉันอยากรู้ว่าโคโค่กำลังถ่ายทำหนังอยู่หรือเปล่า ฉันได้ยินว่าเธอสนิทสนมกับผู้ชายมีฐานะในวงการบันเทิง…”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” คุณพ่อลีกล่าวขณะที่ดันหญิงสาวออกจากบ้านไป
เขามั่นใจว่าเธอมาถึงที่นี่เพราะความละโมบโลภมาก
หลังจากที่ไล่เธอออกไปได้ เขาจึงต่อสายหาถังหนิงทันที “คุณถังครับ แม่ของโคโค่มาหาผม อ้างว่าต้องการเจอลูกสาว ผมคิดว่าเธอน่าจะมีเจตนาซ่อนเร้นแน่ๆ ทำยังไงดีครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังหนิงอึ้งไปกับการกระทำของเธอที่เปลี่ยนไปเร็วเช่นนี้
เธอไปที่บ้านของคุณพ่อลีจริงๆ หรือ
“อย่างแรกทั้งสองคนต้องย้ายบ้านก่อนค่ะ ฉันจะจัดการให้คุณไปพักที่โรงแรมใกล้ๆ กองถ่ายให้นะคะ”
“แต่เธอเป็นแม่ของโคโค่ ผมไม่มีเหตุผลไปห้ามไม่ให้เธอเจอลูกสาวของตัวเองได้ ต่อให้ในทางกฎหมายผมก็ไม่มีสิทธิ์ครับ” เขาเอ่ยอย่างตื่นตระหนก “ผมระวังเรื่องนี้มาตลอดเพราะกลัวว่าเธอจะพยายามแย่งโคโค่ไปจากผม ถ้าเธอต้องการเป็นแม่ที่ดีจริงๆ ผมเองก็คงไม่ขัด แต่เธอไม่ได้เป็นแบบนั้นแน่นอนครับ…”
“คุณลีคะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ ไว้เราคุยรายละเอียดกันพรุ่งนี้นะคะ”
ด้วยความช่วยเหลือของถังหนิง คุณพ่อลีเบาใจลงได้ทันที อย่างไรก็ตามหญิงสาวคนนั้นยังคงมาเคาะประตูบ้านไม่เลิก “แซมลี ถ้าคุณไม่ให้ฉันเจอโคโค่ ฉันจะหาทนายความมาฟ้องคุณ คุณก็รู้ตัวดีว่าสถานะทางการเงินของคุณตอนนี้ไม่มั่นคง ด้วยเงื่อนไขพวกนี้ ผู้พิพากษาต้องตัดสินให้สิทธิการดูแลเธอกับฉันแน่”
นี่เป็นสิ่งที่คุณพ่อลีเป็นกังวลจริงๆ ต่างหาก
ทว่าแน่นอนว่าเมื่อถังหนิงเป็นฝ่ายเข้าหาพ่อลูกก่อน เธอได้เตรียมการเพื่อช่วยเหลือเรื่องภายในครอบครัวของพวกเขาไว้แล้ว
เธอจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายนักแสดงที่มีความสามารถขนาดนี้
ทั้งเธอยังเกลียดคนที่ทอดทิ้งลูกของตัวเองและกลับมาเพื่อผลประโยชน์
“ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องสกปรกนี้เองเถอะค่ะ ระหว่างนี้คุณจะสอนเธอก็ได้นะคะ”
“ผมรู้สึกเกร็งๆ เวลาอยู่กับเธอน่ะ” โม่ถิงตอบไปตามตรง
เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ถังหนิงหลุดหัวเราะออกมา “แสดงว่าจริงๆ แล้วคุณรู้อยู่แล้วเหรอคะ ตอนที่คุณอยู่กับเด็กผู้หญิง คุณดูทำอะไรไม่ถูกเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คุณจะดูแลลูกสาวของเราตอนที่เธอเกิดมาได้ยังไงล่ะคะ ประธานโม่ คุณจัดการกับปัญหาอื่นอยู่ทุกวี่วัน แต่กลับรับมือกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่ได้เหรอคะ”
“มันไม่เหมือนกันสักหน่อยครับ ผมอุ้มแล้วก็สอนลูกสาวของตัวเองได้น่า”
“อย่างนั้นก็ทำเหมือนโคโค่เป็นลูกสาวของตัวเองสิคะ” ถังหนิงส่งยิ้มให้ก่อนเดินจากไป
หากแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา การสร้างภาพยนตร์นี่ช่างเป็นงานที่ยากเย็นจริงๆ
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินมาว่าคนเราต้องเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ทว่าตอนนี้เมื่อเกิดขึ้นกับตัวเอง ในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่าการเป็นผู้ผลิตนั้นยากเพียงใด
ต่อให้ไม่ใช่เพื่อภาพยนตร์ของเธอและตัวเองได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของโคโค่ เธอเองก็ยังจะยื่นมือเข้าช่วยอย่างสุดความสามารถอยู่ดี
ดังนั้นเธอจึงกำลังจะไปจัดการกับนังหน้าด้านนั่น
แต่แน่นอนว่าคุณพ่อลีต้องเป็นคนรับบทหนัก ดังนั้นถังหนิงจึงตัดสินใจไปพบกับเขา แม้ว่าสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อพบหน้าเธอจะเป็นการถอนหายใจก็ตาม “ผมรู้สึกว่าโคโค่กำลังจะถูกพรากจากผมไปเลยครับ”