“แต่ฉันเป็นห่วงหันโม่และสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้จังเลยค่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ย “ถึงยังไงการไปเปิดเผยความลับของคนอื่นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่พอนึกถึงน้ำเสียงเย็นชาและโหดเ**้ยมของโจวชิงที่พูดโทรศัพท์ฉันก็อดกลัวขึ้นมาไม่ได้น่ะค่ะ”
“ไม่ต้องกังวลไปนะครับ ผมจะปกป้องคุณเอง” หลี่จิ่นกล่าวปลอบ “ในเมื่อคุณไม่ยอมย้ายมาอยู่กับผม ทำไมคุณไม่ย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่ของผมล่ะครับ แม่ผมชอบคุณมากเลยนะ”
“คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย” หลินเฉี่ยนเหลือบตามอง
ทว่าหลี่จิ่นไม่ได้พูดเล่น เขาคิดเรื่องนี้มาดีแล้ว
…
หลังได้รับสายจากหลินเฉี่ยน ถังหนิงไม่มีทางเลือกนอกจากลงมาตรวจสอบเรื่องของโจวชิงใหม่ด้วยตัวเอง
จากข้อมูลของเขาแล้วดูเหมือนจะไม่มีอะไรเสียหาย เขาเป็นที่รู้จักในฐานะพิธีกรที่ดีที่สุด มีทั้งไหวพริบและความสามารถ และแทบจะไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อย หากแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะหลบซ่อนบางอย่างไว้เบื้องหลังมากขนาดนี้
หลังกลับมาถึงบ้าน โม่ถิงเห็นว่าถังหนิงกำลังดูข้อมูลของโจวชิงอยู่ เขาจึงเข้าไปหาเธอก่อนถาม “มีอะไรเหรอครับ”
ถังหนิงเล่าสิ่งที่หลินเฉี่ยนได้ยินมาให้เขาฟัง เมื่อได้ฟังทุกอย่าง โม่ถิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนแววตาของเขาจะแข็งกร้าวขึ้น “ไม่ง่ายที่จะจัดการกับคนที่ตีสองหน้าเก่งขนาดนี้ โจวชิงทั้งฉลาดและมีไหวพริบ เขารู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ยังไง ผมกลัวว่าเขาจะหลอกใช้คุณเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองด้วยซ้ำ”
โม่ถิงพูดถึงเรื่องที่ถังหนิงช่วยให้เขาย้ายไปช่องคู่แข่ง แม้ว่าจริงๆ แล้วถังหนิงจะทำไปเพื่อซย่าหันโม่ก็ตาม
หากแต่ถังหนิงไม่ได้มองโจวชิงแค่ตื้นๆ เธอไม่ชอบประมาทศัตรูของตัวเองอยู่แล้ว
“ถิงคะ…ถ้าสิ่งที่หลินเฉี่ยนเห็นเป็นเรื่องจริงแล้วโจวชิงยังเอาแต่ตีเนียนอยู่อย่างนี้ ต่อจากนี้ไปคุณคิดว่าเราควรระวังตัวจากเขาไหมคะ”
“เขาจะต้องสู้เพื่อซย่าหันโม่แน่ครับ” โม่ถิงตอบ “เดิมทีเขากำลังค่อยๆ ได้เข้าใกล้ซย่าหันโม่และใช้เธอกับจู้ซิงมีเดียเพื่อรักษาบทบาทของตัวเอง แต่ตอนนี้หลินเฉี่ยนไปรู้ความลับของเขาเข้า เขาจะต้องพยายามทำให้ผู้หญิงสองคนแตกคอกันแน่ ถ้าซย่าหันโม่เชื่อใจเขา เขาคงจะคิดว่าคุณก็จะเชื่อใจเขาเหมือนกัน…
…จะว่าไปแล้วคนรักของหลินเฉี่ยนก็เป็นคนในกองทัพและครอบครัวของทหารก็มีกฎเข้มงวด เมื่อเธอแต่งงานไป เธอจะต้องใส่ใจกับครอบครัวเป็นสำคัญ เขาคงคิดว่าคนฉลาดอย่างคุณจะทิ้งหลินเฉี่ยนและเลือกเข้าข้างซย่าหันโม่”
ถังหนิงเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของโม่ถิง
“เขาคิดผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันจะไม่ทอดทิ้งใครทั้งนั้นแหละ…
“ถ้าเขาคิดว่าเล่นไม่ซื่อกับจู้ซิงมีเดียจริงละก็…ฉันจะไม่ปล่อยให้เขารอดไปได้ง่ายๆ หรอก…
“คอยดูได้เลยค่ะ”
โชคดีที่หลินเฉี่ยนปฏิเสธว่ารู้ทุกอย่างทัน ตอนนี้ถังหนิงกำลังจัดการกับเรื่องของโคโค่ หากเธอรู้เรื่องช้ากว่านี้อีกนิด ผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่อาจคาดเดาได้ หากแต่การไม่เปิดเผยเรื่องของเขาไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น โจวชิงซ่อนตัวตนที่แท้จริงได้อย่างแนบเนียน แต่อยู่ๆ กลับต้องมาพลาดท่าเสียภาพลักษณ์ผู้ชายที่แสนดีไปหมดสิ้น
ทว่าฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งคนนี้จะจัดการได้ง่ายๆ หรือ
…
คืนนั้นโจวชิงแสร้งว่าเป็นห่วงเรื่องชื่อเสียงของตัวเองและพยายามถามเรื่องหลินเฉี่ยนจากซย่าหันโม่ เขายังไปที่ห้องพักของเธอและชวนเธอมาทานมื้อเย็นอีกด้วย
ซย่าหันโม่รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของโจวชิงมาตลอด สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่ทำดีกับเธอแล้วความประทับใจของเธอที่มีต่อเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“หันโม่ จริงๆ แล้วเธอมีความสามารถมากเลยนะ พอมีคนเก่งๆ อย่างหลินเฉี่ยนคอยช่วย ก็ทำให้ศักยภาพของเธอยิ่งไม่มีขีดจำกัดเลยล่ะ”
“คุณเองก็ช่วยฉันเยอะมากค่ะ” ซย่าหันโม่ตอบ “ขอบคุณนะคะ พี่โจว”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก” พี่โจวว่าขึ้นก่อนพาซย่าหันโม่มาเดินเล่นในที่เงียบๆ “ฉันไปเยี่ยมพี่ชายเธอที่โรงพยาบาลมาด้วยล่ะ ฉันรู้ว่าเรื่องต่างๆ มันไม่ง่ายสำหรับเธอเลย เด็กโง่ เธอลำบากมาตั้งหลายปีเลยนะ”
ซย่าหันโม่อึ้งไปเล็กน้อย เธอนึกไม่ถึงว่าโจวชิงจะไปเยี่ยมพี่ชายของเธอ
ที่ตกใจที่สุดคือการที่เขาค่อยๆ โน้มตัวเข้ามากอดเธอเอาไว้เมื่ออยู่ลับตาคน
“พี่โจว…”
“หันโม่…”
โจวชิงรู้ว่าจะต้องเล่นตัวอย่างไร เขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านี้และไม่ได้สารภาพความรู้สึกใดๆ ออกไป เพียงแค่หลอกล่อให้หันโม่ใจเต้นเท่านั้น ทั้งยังกระซิบข้างหูเธอ “ถึงหลินเฉี่ยนอาจจะเข้าใจเราผิด ฉันก็ยังอยากกอดเธออยู่ดี”
โจวชิงพูดเช่นนี้ด้วยเขาคาดหวังให้ซย่าหันโม่นึกถึง การเข้าใจผิด ที่ลานจอดรถและไม่บอกหลินเฉี่ยนว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้
อย่างที่คาดการณ์ไว้ ซย่าหันโม่ไม่ได้ปริปากบอกเรื่องนี้กับหลินเฉี่ยนแม้แต่น้อย
และเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง หลินเฉี่ยนไม่ได้บอกเรื่องที่เธอรู้มาเช่นกัน อย่างไรก็ตามเธอเกลียดความรู้สึกอย่างนี้ที่สุด ความรู้สึกที่เหมือนกับเธอกับซย่าหันโม่กำลังห่างเหินกันไป หากแต่เพื่อให้ถังหนิงได้สืบเรื่องของโจวชิงได้ หลินเฉี่ยนต้องยอมทนรออย่างใจเย็น
ในขณะเดียวกันถังหนิงต้องเร่งมือจัดการเรื่องของโคโค่ เพื่อจะได้สามารถทุ่มเทให้กับเรื่องของโจวชิงได้
ดังนั้นระหว่างที่คุณนายลีพบหน้ากับโคโค่ เธอบอกให้คุณพ่อลีพาบอดี้การ์ดและทนายความหลายคนไปกับเขาด้วย
แน่นอนว่าโคโค่ไม่ได้อยากพบแม่ของเธอคนนี้ แววตาของเธอแฝงไปด้วยความเกลียดชัง เมื่ออีกฝ่ายจะเข้ามากอดเธอ เธอจึงปล่อยโฮออกมาในท้ายที่สุด ถังหนิงสอนเธอไว้ว่าหากเธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้ตามรังควานตัวเองและพ่อของเธออีก นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอต้องทำ
“คุณมันเป็นผู้หญิงนิสัยไม่ดี! คุณทิ้งหนูกับพ่อไปเพื่อเงิน แล้วอยู่ๆ จะมาเอาตัวหนูไปอีก คุณมันไม่มีความเป็นมนุษย์เอาซะเลย! …
…คุณแค่อยากหลอกเอาเงินของพ่อ คุณมันแย่ที่สุด!”
คุณนายลีคาดไม่ถึงว่าโคโค่จะพูดจาใหญ่โตแบบนี้ ดึงให้ทุกสายตารอบข้างหันมาสนใจพวกเขา
“โคโค่ แม่รักหนูนะ…”
“คุณรักแค่เงินเท่านั้นแหละค่ะ ตอนหนูอายุแค่สองขวบคุณทิ้งหนูเอาไว้กลางหิมะ โชคดีที่พ่อช่วยหนูไว้ทัน คุณมันไม่ใช่คน! …
…แค่เพราะตอนนี้หนูมีเงินแล้ว อยู่ๆ คุณก็จะมาเองตัวหนูกลับไป หนูจะไปที่ศาลแล้วฟ้องคุณให้ดู!”
นอกเหนือสิ่งอื่นใด โคโค่ได้ยืนหยัดในสิทธิอันชอบธรรมของตัวเองเป็นครั้งแรก
เธอต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทอดทิ้งลูกสาวตัวเองก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ลงมือทำอะไร
นักแสดงตัวน้อยทำได้ดีในขณะที่ทุกคนเริ่มชี้และซุบซิบนินทาเรื่องคุณนายลี
“เป็นแม่ประสาอะไรกันเนี่ย เธอเสียสติไปแล้วแน่ๆ ”
“เด็กตัวน้อยคนนี้คือคนที่อยู่ในรูปกับประธานโม่ไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงคนนี้ต้องเห็นว่าลูกสาวของตัวเองมีเงินเลยอยากจะเข้ามาบงการล่ะสิ ไม่มีใครชอบเธอแม้แต่คนเดียว”
“มาถ่ายรูปเธอไปประจานกันเถอะ”
ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างรุมประณามหญิงสาวเลือดเย็นคนนี้ ในขณะที่โคโค่กลับไปยืนอยู่ข้างๆ พ่อของเธอและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ไม่นานทนายความก็เข้าไปหาคุณนายลีก่อนเอ่ยกับเธอ “พวกเราเป็นตัวแทนทางกฎหมายของคุณลีและลูกสาวของเขา คุณนายครับ ผมว่าเราต้องมาคุยให้เป็นกิจจะลักษณะกันนะครับ…
…สำหรับการเรียกร้องสิทธิในการเลี้ยงดูคุณโคโค่ลี เราเรียนแจ้งให้คุณทราบว่าคุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่น้อยครับ เข้าใจไหมครับ”