“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่มาตามหาคุณเพราะคุณจะไม่มีทางเอาชนะเฝิงจิ้งได้แน่”
เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางเยาะเย้ยถากถางของลูกชายตัวเอง นัยน์ตาของลัวอิงหงแดงก่ำแต่เธอไม่ได้พยายามรั้งให้อีกฝ่ายกลับมาอย่างที่เคย เพราะเธอรู้ว่าหากเฝิงจิ้งยังอยู่หมายความว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมีแต่ห่างเหินกันไปเรื่อยๆ
จากนั้นลัวอิงหงเก็บข้าวของและออกจากบ้านไปในขณะที่ลูกชายของเธอแอบมองเงียบๆ ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขากลับไปหาเฝิงจิ้งก่อนเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าครั้งนี้แม่ของผมจะไม่ได้ล้อเล่นเลยนะครับ”
“เธอต้องไม่ได้ล้อเล่นอยู่แล้วล่ะ เธอถึงกับติดต่อให้ถังหนิงช่วยเลยนะ” เฝิงจิ้งว่าขณะที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นพลางจิบไวน์ในชุดนอนผ้าลื่น “แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก ต่อให้ถังหนิงช่วยเหลือเธอ เธอก็เทียบฉันไม่ติดหรอก” เฝิงจิ้งพูดอย่างมั่นใจ
อย่างไรเสียเธอเองก็มีไพ่ไม้ตายอยู่ในมือแล้ว
…
หลินเฉี่ยนนึกไม่ถึงว่าเฝิงจิ้งจะมาหาเธอ เธอคิดว่าเป็นเรื่องของลัวอิงหงจึงไปพบกับอีกฝ่ายหลังจากบอกถังหนิงรู้
อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงโรงแรม เฝิงจิ้งไม่ได้พูดถึงลัวอิงหงแม้แต่คำเดียว หากแต่กลับมองสำรวจหลินเฉี่ยนและพาหลินเฉี่ยนไปนั่งอย่างอบอุ่น
หลินเฉี่ยนไม่เคยชินกับการถูกปฏิบัติเช่นนี้จึงเอ่ย “ถ้าคุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ เลิกเสแสร้งได้แล้ว”
เธอเงยหน้าขึ้นมาและสบตาหลินเฉี่ยน หลังจากนั้นดวงตาของเธอก็คลอไปด้วยน้ำตา “เฉี่ยนเฉี่ยน…”
“คุณเฝิง เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนะคะ” หลินเฉี่ยนรู้สึกรังเกียจเฝิงจิ้ง
“เฉี่ยนเฉี่ยน…” อีกฝ่ายยังเอ่ยซ้ำ ไม่สนใจท่าทางรังเกียจของหลินเฉี่ยนขณะที่คว้ามือของเธอมากุมและเริ่มร้องไห้
“คุณทำอะไรของคุณน่ะ” หลินเฉี่ยนถามอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมผลักเธอออกไป
“เป็นความผิดของแม่เองที่ทำลูกหายไป…” เฝิงจิ้งก้าวถอยกลับไปก่อนอยู่ๆ จะทรุดลงคร่ำครวญกับพื้น “ตลอดหลายปีมานี้แม่ตามหาลูกไปทุกที่ มันไม่ง่ายเลยแต่ในที่สุดแม่ก็พบลูกจนได้”
หลินเฉี่ยนนิ่งค้างไปด้วยความตกตะลึง ก่อนจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นในท้ายที่สุด จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “คุณเฝิง คุณเข้าใจผิดอะไรไปหรือเปล่าคะ”
“จะเข้าใจผิดไปได้ยังไง ลูกไม่ได้ไปพิสูจน์ลายนิ้วมือที่สถานีตำรวจเมื่อเร็วๆ นี้เหรอ แม่เฝ้าตามหาตัวลูกมาตลอดเลยไปที่สถานีตำรวจบ่อยๆ ตำรวจเป็นคนที่บอกแม่เรื่องนี้เอง…” เฝิงจิ้งเอ่ยทั้งน้ำตา “ถ้าไม่เชื่อแม่ก็ดูเอกสารนี้ก็ได้”
หลินเฉี่ยนงุนงงในขณะที่ในหัวว่างเปล่าไปหมด เธอไม่ยอมรับไม่ลงว่าหัวขโมยคนนี้จะเป็นแม่ของเธอ
“เฉี่ยนเฉี่ยน…ลูกเป็นลูกสาวของแม่จริงๆ นะ”
หลินเฉี่ยนไม่ได้โง่ ต่อให้เธออ่านเอกสารแล้ว เธอก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเฝิงจิ้งเสียทีเดียว ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้เป็นเด็กไร้เดียงสาที่เชื่อทุกอย่างที่ตัวเองได้ยิน
“เฉี่ยนเฉี่ยน…”
“เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ฉันไม่ชอบ” หลินเฉี่ยนว่าขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ “พูดตามตรงเลยนะคะ ต่อให้คุณมาร้องไห้กับฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเชื่องคุณลงได้ยังไง ฉันจะไม่ด่วนสรุปก่อนจะไปตรวจสอบเรื่องนี้หรอกค่ะ”
“เฉี่ยนเฉี่ยน แม่ไม่ได้ตั้งใจจะทำลูกหายนะ…ลูกต้องให้อภัยแม่นะ”
หลินเฉี่ยนไม่ได้ตาบอดกับการกลับมาพบกันในครั้งนี้ เธอจึงทำเพียงตอบกลับเสียงเรียบ “ฉันจะรู้ความจริงหลังจากสืบให้รู้เรื่องเท่านั้นค่ะ”
พูดจบหลินเฉี่ยนก็ลุกขึ้นและจากไปโดยไม่จิบกาแฟจากถ้วยสักอึก
และทันทีที่หลินเฉี่ยนจากไป เฝิงจิ้งเช็ดน้ำตาตัวเองและดื่มกาแฟของตัวเองตามปกติ เหมือนเธอแทบจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้แค่ทำตัวน่าสงสารเท่านั้น
…
แน่นอนว่าหลินเฉี่ยนยังคงหมกมุ่นกับเรื่องนี้อยู่บ้าง อย่างน้อยเมื่อเธอก้าวขึ้นรถ เธอก็กำเอกสารที่เฝิงจิ้งยื่นให้ไว้แน่น
หากแต่เธอไม่มีเวลามานั่งหดหู่ใจ ต่อให้เฝิงจิ้งเป็นแม่ของเธอจริง เธอก็ยังคงต้องตามสืบความจริงเบื้องหลังทั้งหมด
หลังไปพบเฝิงจิ้ง หลินเฉี่ยนกลับไปหาถังหนิง มีเพียงสองคนที่เธอเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจ คนหนึ่งคือ
ถังหนิง อีกคนคือหลี่จิ่น ทว่าตอนนี้หลี่จิ่นกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ฐานทัพ และคงไม่ได้กลับมาบ้านในเร็ววันนี้
เมื่อได้เห็นเอกสารในมือหลินเฉี่ยน ถังหนิงขมวดคิ้วมุ่น
เธอไม่เชื่อว่าเฝิงจิ้งจะกลับมาคืนดีกับลูกสาวของตัวเองด้วยใจจริง
ถึงหลินเฉี่ยนจะตามสืบเรื่องนี้เพราะการแต่งงานที่กำลังจะมาถึง หากแต่ทุกอย่างก็ดูบังเอิญเกินไป
เธอไม่เชื่อว่าเฝิงจิ้งจะไม่มีเจตนาแอบแฝง
“แล้วตอนนี้เธอวางแผนจะทำยังไงต่อไปล่ะ” ถังหนิงถาม
หลินเฉี่ยนก้มหน้าพร้อมส่ายศีรษะอย่างคิดไม่ตก “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันแค่อยากมีใครสักคนให้คุยด้วย ถ้าลัวอิงหงรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับเฝิงจิ้ง เธออาจจะไม่เชื่อใจฉันจนโกรธฉันก็ได้นะคะ”
“ก่อนอื่นเราต้องตามหาความจริงเบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เฝิงจิ้งทำเธอหายหรือทิ้งเธอไปเอง มันแตกต่างกันมากนะ…
“อีกอย่างเธออยากรู้ว่าพ่อของเธอเป็นใครบ้างหรือเปล่าล่ะ”
หลินเฉี่ยนส่ายหน้า เธอรู้ว่าคนอย่างเฝิงจิ้งคงไม่มีทางไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายดีๆ แน่
ถังหนิงพยักหน้าพลางตบบ่าอีกฝ่าย “อย่ากังวลไปเลยนะ ไม่ว่าเรื่องจะแย่ขนาดไหนเธอก็ยังมีเรานะ”
ดวงตาของหลินเฉี่ยนแดงก่ำ แต่เธอรีบกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ไม่ต้องห่วงค่ะ เรื่องเล็กๆ แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ”
“ถ้าเธอทนไม่ไหวก็บอกฉันแล้วกันนะ”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” พูดจบ หลินเฉี่ยนโผกอดถังหนิงเบาๆ ก่อนออกจากไฮแอทรีเจนซีไป
หลังจากนั้นเธอกลับมาที่บริษัทเพื่อพบกับลัวอิงหง
อีกฝ่ายอยู่ระหว่างการฝึก เธอกำลังพยายามฟื้นฟูทักษะที่เธอเคยมีภายในเวลาอันสั้น
เพราะเฝิงจิ้ง หลินเฉี่ยนจึงยิ่งรู้สึกผิดกับลัวอิงหงแม้ว่ายังไม่มีหลักฐานมายืนยันก็ตาม
…
คืนนั้นหลังจากโม่ถิงกลับมาถึงบ้าน ถังหนิงรีบอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขารู้
เมื่อเธอเล่าจบ โม่ถิงรั้งเธอเข้าในอ้อมกอดทันที “หลินเฉี่ยนไม่ได้อ่อนแออย่างที่คุณคิดหรอกนะ เฝิงจิ้งแค่ปั่นหัวไปทั่วเหมือนตัวตลกเท่านั้นแหละครับ”
“ฉันกลัวจังเลยค่ะ…”
“คุณกลัวว่าเฝิงจิ้งจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเพราะต้องการใช้หลินเฉี่ยนเป็นเครื่องมือเหรอครับ…
…ถ้าเป็นอย่างที่คุณคิด อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกครับ ผมมั่นใจว่าหลินเฉี่ยนแยกแยะถูกผิดได้อยู่แล้ว ต่อให้เธอทำด้วยตัวเองไม่ได้ เธอก็ยังมีพวกเราคอยช่วยเธออยู่” โม่ถิงเอ่ยปลอบใจเธอ เขารู้ว่าถังหนิงไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวของเธอตั้งแต่ยังเด็ก เธอจึงเห็นใจหลินเฉี่ยนขึ้นมา
หลินเฉี่ยนทุกข์ทรมานมามากเพราะตระกูลเฉวียน เธอจะปล่อยให้แม่บังเกิดเกล้าของตัวเองทำร้ายตัวเองจริงๆ หรือ
หากเฝิงจิ้งกล้าทำอย่างนั้นจริงๆ ถังหนิงจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้เฝิงจิ้งทรมานมากกว่าหลินเฉี่ยนเป็นร้อยเท่า
ไม่นานหลินเฉี่ยนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เธอก้าวเข้ามา เธอพบผู้อาวุโสหลี่กำลังพูดคุยกันเรื่องรายชื่อแขกงานแต่งงานอยู่ นั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่กว่าเดิมมาก อันที่จริงเธอไม่ได้สนใจอดีตของเธอ หากแต่เธอเป็นห่วงเรื่องเฝิงจิ้งต่างหาก!
ที่แย่ที่สุดคือเธอกลัวว่าอยู่ๆ พ่อของตัวเองจะโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้แล้วทำให้ตระกูลหลี่ยิ่งอับอายขายหน้ามากกว่าเดิม