อันที่จริงแล้วสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดในตัวลัวอิงหงคือเรื่องที่เธอมีความสามารถในงานฝีมือหลากหลายชนิด หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิต ลูกชายของเธอก็แข็งข้อกับเธอไม่น้อย เธอจึงเริ่มติดนิสัยในการใช้การทำงานฝีมือเพื่อผ่อนคลายความเครียด ด้วยการใช้ศิลปะบำบัด ผลงานที่เธอสร้างขึ้นจึงมีความโดดเด่นน่ามอง
ด้วยเหตุนี้ถังหนิงจึงหาบ้านใหม่ให้ลัวอิงหงโดยเฉพาะ พร้อมตกแต่งด้วยผลงานที่เธอสร้างตลอดหลายปีมานี้ เมื่อผู้คนเห็นรูปของบ้านใหม่ของเธอ เธอก็ได้เอาชนะใจหญิงสาวมากมายในทันที
สาธารณชนไม่เข้าใจนักว่าถังหนิงกำลังปูทางให้เธอไปในทิศทางใด
เหตุใดเธอถึงมักทำสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอกัน
เพื่อทำให้ลัวอิงหงกลับมาโด่งดัง เธอไม่ได้ช่วยให้อีกฝ่ายเข้าร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องใด หากแต่กลับช่วยให้ได้ใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมากขึ้น
เพราะเหตุนี้ลัวอิงหงจึงสลัดภาพลักษณ์หญิงสูงวัยผู้ขมขื่นออกไปได้ หากดูจากภายนอกเพียงอย่างเดียว นับว่าเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง วิถีชีวิตของเธอในอดีตทำให้เธอต้องยอมรับชะตากรรมในฐานะแม่บ้านโทรมๆ ธรรมดาคนหนึ่ง ทว่าในตอนนี้เธอได้กลับมามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองอีกครั้ง เธอถึงกับเอาเงินเก็บทั้งหมดออกมาใช้ตามใจอยากอย่างที่สไตล์ลิสต์ของเธอแนะนำ
ดังนั้นลัวอิงหงในตอนนี้ หากไม่ปรากฏตัวในชุดกระโปรงยาวพลิ้วไหวราวกับเทพี ก็จะมาในชุดกี่เพ้าเข้ารูปตามแบบฉบับดั้งเดิม แม้ว่าจะอายุเข้าสี่สิบปีแล้ว ใบหน้าของเธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ชวนให้สัมผัสได้ถึงความสูงส่งและสง่างามของเธอ
อย่างไรเสียไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทิ้งชีวิตเบื้องหลังอันขมขื่นและเริ่มต้นใหม่ได้
หากแต่ลัวอิงหงได้ใช้การกระทำของเธอเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงอายุสี่สิบปียังคงสามารถใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการได้
ผู้คนจึงไม่อาจหาใครในวงการที่จะเทียบเธอได้ แม้แต่เฝิงจิ้งยังห่างชั้นกับเธอมากโข ด้วยลัวอิงหงแทบจะใช้ชีวิตราวกับตัวเองอยู่บนสรวงสวรรค์
ไม่นานข่าวว่าด้วยเรื่องชีวิตใหม่ของลัวอิงหงได้แพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ต
ภาพของเธอหลายรูปปรากฏบนโลกออนไลน์ ทั้งตอนที่อยู่ในยิม ตอนเล่นกอล์ฟ หรือตอนที่กำลังทำงานฝีมืออยู่ ต่อให้เธอมีรอยแผลเป็นบบนใบหน้า มันก็ไม่ได้มีผลกับความงดงามของเธอสักนิด
ความจริงแล้วรอยแผลเป็นนั้นกลับยิ่งทำให้เธอดูโดดเด่นและไม่เหมือนใคร
หากแต่ถังหนิงยังไม่ได้งัดไม้ตายออกมาใช้ ด้วยทักษะด้านศิลปะที่ลัวอิงหงมี ถังหนิงได้แนะนำเธอให้กับผู้อำนวยการของเซนต์จิวเวลรี่และเร่งจัดการนัดให้พวกเขาพบกัน เมื่อผู้อำนวยการได้เห็นผลงานของลัวอิงหง เขาจึงสนใจในฝีมือของเธอไม่น้อย
เขายังได้เชิญเธอให้เข้ามามีส่วนร่วมกับการออกแบบชุดเครื่องเพชรในฤดูกาลใหม่ พร้อมทั้งขอให้เธอเป็นตัวแทนนำเสนอของพวกเขา
ลัวอิงหงยินดีกับข้อเสนอนี้เหลือเกิน เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีใครจะทำงานกับเธอแม้ว่าใบหน้าของเธอจะมีตำหนิก็ตาม นี่เป็นเรื่องจริงหรือ เธอกำลังจะได้ปรากฏตัวในงานโฆษณาจริงๆ หรือ
รอยแผลเป็นของเธอเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกมีปมด้อยที่สุด
ทว่าถังหนิงได้ลบล้างความกังวลของเธอด้วยคำพูดง่ายๆ คำเดียว
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ ช่างแต่งหน้าจะวาดลายที่เข้ากับรูปทรงของรอยแผลเป็นบนหน้าของคุณเองค่ะ”
“คำแนะนำของประธานถังเข้าท่าดีนะคะ ฉันรอที่จะทำงานกับพวกเขาไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ”
ในขณะที่เธอคว้างานแรกมาได้ ลัวอิงหงแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความยินดี เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะกลับคืนวงการบันเทิงได้สำเร็จ
“ถังหนิง…นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ ฉันรู้สึกเหมือนฝันไปเลย”
ถังหนิงระบายยิ้มพร้อมส่งกระดาษทิชชูให้เธอ “คุณมีความสามารถอยู่แล้วค่ะ จู้ซิงมีเดียช่วยให้คุณเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์เพื่อให้คุณดูแตกต่างไปจากเดิมต่อหน้าคนอื่น เรารู้ว่าการฝืนให้คนอื่นยอมรับการเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ผล แต่การได้เห็นผู้หญิงอายุสี่สิบยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับมารักตัวเองเป็นสิ่งที่คนหนุ่มสาวนับถือและชื่นชมค่ะ ก้าวแรกของแผนของเราถึงได้เป็นไปอย่างราบรื่นไงละคะ
“ส่วนคนที่เซนต์จิวเวลรี ฉันต้องยอมรับว่าเราได้เจรจาเงื่อนไขข้อตกลงกันไว้ แต่มันเป็นผลประโยชน์ร่วมกันน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของถังหนิง ลัวอิงหงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“คุณอ่านความคิดคนได้เฉียบขาดและเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา คุณเป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ นะคะ”
ถังหนิงส่ายหน้าก่อนลุกขึ้นพร้อมเอ่ยกับลัวอิงหง “การต่อสู้ครั้งแรกผ่านไปได้ด้วยดี แต่สงครามครั้งที่สองจะมีเฝิงจิ้งมาเกี่ยวข้องด้วย มันจะยากยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ”
“ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณค่ะ” ลัวอิงหงตอบ “ฉันเชื่อในทุกการตัดสินใจของคุณ”
“ไม่ค่ะ คนที่คุณควรเชื่อใจคือหลินเฉี่ยน คนอื่นอาจเห็นว่าเธอแค่คอยอยู่ดูแลคุณรอบๆ แต่เบื้องหลังเธอได้เตรียมการและศึกษาเรื่องต่างๆ มามากเหมือนกันนะคะ” ถังหนิงบอกกลับ “ฉันอาจจะเป็นคงลงมือเป็นส่วนใหญ่ แต่หลินเฉี่ยนเป็นคนออกความคิดหลายอย่างเลยค่ะ อีกอย่างเธอไม่มีทางเข้าข้างเฝิงจิ้งแน่นอน”
ลัวอิงหงถือสัญญาของตัวเองไว้ในมือ และพยักหน้ารับพลางมองหลินเฉี่ยนที่อยู่ห่างออกไป “ฉันรู้ค่ะ ฉันรับรู้ทุกอย่างที่เธอทำเพื่อฉัน”
“คุณเข้าใจก็ดีแล้วล่ะค่ะ ก่อนหน้านี้หลินเฉี่ยนทำงานกับคนที่ไม่มีจิตสำนึก ฉันแค่หวังว่าคุณจะรู้ถึงสิ่งที่เธอทำเพื่อคุณเท่านั้นค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันแยกแยะดีชั่วได้อยู่แล้วค่ะ” ลัวอิงหงยืนกรานหนักแน่น “ก่อนหน้านี้เธอบอกฉันว่าเฝิงจิ้งทำอะไรไว้กับเธอ ฉันจะไม่ปล่อยให้เฝิงจิ้งมีโอกาสทำร้ายเธออีกค่ะ”
การปกป้องเป็นสิ่งที่ควรมีให้กันและกัน…
ตอนนี้ลัวอิงหงได้รับโอกาสแล้ว เธอจะไม่มีทางลืมความทุ่มเทของหลินเฉี่ยน
ในตอนนี้เฝิงจิ้งเพียงแค่คิดว่าถังหนิงช่วยให้ลัวอิงหงได้ปัดฝุ่นชื่อเสียงที่เคยมีจากเสี้ยวหนึ่งของวงการบันเทิงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เงียบไปร่วม 2 เดือน
ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาคิดจริงๆ หรือว่าลัวอิงหงจะกลับมาได้ด้วยงานฝีมือไร้สาระและการออกกำลังกายของเธอ
หากแต่เธอไม่รู้ว่าการกลับมาของลัวอิงหงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเพราะเธอเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ
ลัวอิงหงก็แค่ท้าทายตัวเองเท่านั้น การเอาตัวเองมาเทียบกับเฝิงจิ้งคงจะเป็นการลดตัวลงมาเกินไป
นี่เป็นวิธีการจัดการคนในแบบฉบับของถังหนิงมาตลอด เส้นทางไปสู่ดวงดาวของพวกเขาไม่ใช่การตั้งศัตรูเป็นเป้าหมาย ด้วยเธอหวังว่าศิลปินของเธอจะค้นพบจุดแข็งของตัวเอง หากพวกเขามุ่งมั่นกับการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่หวังไว้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้
ทว่าไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่แก้แค้น เพราะพวกเขาจะยังคงใช้ศัตรูของตัวเองเป็นบันไดไปสู่เป้าหมายทุกครั้งที่สามารถทำได้
นั่นเป็นในกรณีของซิงหลาน ลัวเซิง และซย่าหันโม่ และลัวอิงหงก็เช่นกัน
“เฝิงจิ้งยังไม่รู้ว่าคุณเป็นอันตรายต่อเธอยังไง นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะจู่โจม ถ้าเธอรู้ตัวเข้าเรื่องจะสายเกินไป”
ถังหนิงได้ปูทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว…
บางทีอาจเป็นเพราะการทำงานที่ยาวนาน ถังหนิงจึงเริ่มเหนื่อยล้าจากการยืน ลัวอิงหงรีบเข้าไปพยุงเธอก่อนเอ่ย “นั่งลงพักสักหน่อยเถอะค่ะ”
ถังหนิงส่ายหน้าและส่งยิ้มให้ขณะที่ประคองสะโพกตัวเอง “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เจ้าตัวแสบในท้องฉันแค่ดื้อน่ะค่ะ”
“คุณ…”
เพราะถังหนิงสวมชุดทรงหลวม ลัวอิงหงจึงไม่รู้ว่าเธอตั้งท้องอยู่
“คุณท้องแล้วทำไมถึงยังทำงานหนักขนาดนี้ละคะ ประธานโม่ยอมเหรอคะ”
“ชู่ว์…อย่าให้เขารู้เรื่องนี้นะคะ” ถังหนิงออกปากสั่งทันที อย่างไรก็ตามคำพูดของเธอได้ลอยไปถึงหูของคนที่เพิ่งมาถึงห้องทำงานเสียแล้ว