ผู้ถือหุ้นคนนี้ตั้งคำถามเฉียบคมกับโม่ถิง พร้อมนำหลักฐานและเหตุผลมารับรองความคิดของเขาเพื่อโน้มน้าวความคิดของผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ
“ประธานโม่ครับ จู้ซิงมีเดียมีขึ้นมาได้แค่เพราะคุณรักถังหนิงเท่านั้น ยังไงเธอก็เป็นภรรยาของคุณไม่ใช่ของพวกเรา ได้โปรดนึกถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ด้วยเถอะครับ”
โม่ถิงไม่ปริปากออกมาสักคำขณะที่นั่งบริเวณหัวโต๊ะและเหลือบมองผู้ถือหุ้นที่กำลังพูดอยู่
ชุดสูททรงดั้งเดิมลายขวางสีตุ่นบนร่างเขาเสริมให้เขาดูสง่างามราวกับราชา
“เธอไปรุกล้ำผลประโยชน์ของใครเหรอครับ” โม่ถิงถามเสียงเรียบ “พวกคุณทุกคนกอดเงินโบนัสปีนี้กลับบ้านไป บอกผมทีสิครับว่าจู้ซิงมีเดียส่งผลกับผลประโยชน์ของคุณยังไง มันเป็นการดูถูกเงินที่พวกคุณกำลังถืออยู่ในมืออยู่นะครับ
“สอง คุณคิดว่าไห่รุ่ยจะมีศัตรูน้อยลงถ้าถังหนิงไม่เข้ามาเกี่ยวข้องจริงๆ เหรอครับ ตอนนี้ทั้งวงการต่างจับจ้องมาที่จู้ซิงมีเดียและพร้อมที่จะเข้าตะครุบพวกเขาได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้ไห่รุ่ยเลยสามารถเบาใจและไม่ต้องออกมาแก้ข่าวมานานแล้ว คุณยังจะบอกผมว่าเธอสร้างศัตรูให้กับเราอีกเหรอครับ เธอก้าวเข้ามาเป็นหน้าด่านและคุ้มกันเราจากศัตรูที่แข็งแกร่งของเรากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ
“สาม เราได้หารือกันเรื่องวิจัยการตลาดเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่ว่าจะเป็นผลจากชื่อเสียงของเราหรือไม่ ทั้งมูลค่าทางการตลาดของธุรกิจหรือศิลปินของเราก็มีความก้าวหน้าจากปีก่อน และยังรักษาอันดับหนึ่งของวงการไว้ได้ ดังนั้นจู้ซิงมีเดียจึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเรา เป็นเพียงแค่บริษัทย่อยเท่านั้น แล้วมันสร้างความเสียหายยังไงครับ
“สี่ ถ้าคุณไม่ควบคุมพี่เขยของคุณเอาไว้ คุณนั่นแหละที่จะโดนไล่ออกจากไห่รุ่ยในเร็วๆ นี้”
พูดจบ โม่ถิงก็มองไปยังผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ “ผมไม่เห็นจำได้ว่าผู้ถือหุ้นของไห่รุ่ยจะถูกปั่นหัวง่ายขนาดนี้ โตขนาดนี้แล้วพวกคุณยังแยกแยะอะไรไม่ได้อีกเหรอครับ…
“สำหรับเรื่องสัญญา พวกเขาส่งมาให้ผมแล้ว ให้ผมตัดสินใจเวลาที่เหมาะสมและจัดการตามสมควรจะดีกว่านะครับ ฉะนั้น ผู้อำนวยการหลิน ผมว่าสิ่งที่คุณควรสนใจตอนนี้คือหลีกเลี่ยงการถูกพี่เขยคุณล้างสมองนะครับ…” โม่ถิงเอ่ยพลางชี้ศีรษะ
“ในฐานะผู้มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ ผมคิดว่าผมทำได้ดีกว่าทุกคนในด้านไหนนะครับ คุณจะมาหาผมอีกตอนที่ธุรกิจของไห่รุ่ยติดขัดก็ได้ ต่อไปนี้อย่าทำให้ผมต้องเสียเวลากับการประชุมไร้สาระอย่างนี้อีก…
“โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง!”
คำพูดของโม่ถิงช่างเลือดเย็นไร้ซึ่งความปรานี…
ความกรุ่นโกรธก่อตัวขึ้นในใจของเขา คนพวกนี้น่าจะมองการณ์ไกลได้มากกว่าคนทั่วไป ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมาเป็นผู้ถือหุ้นของไห่รุ่ยได้อย่างไร หากแต่พวกเขายังถูกปั่นหัวอย่างง่ายดายนัก จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
“การที่ประธานโม่อนุญาตให้ศิลปินตั้งบริษัทของตัวเองขึ้นมาก็เป็นข้อยกเว้นพออยู่แล้ว ถ้าเขาไม่ควบคุมให้รัดกุมกว่านี้ สุดท้ายศิลปินคนอื่นจะไม่พากันทำตามเหรอ”
ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งกล่าวในจังหวะที่โม่ถิงกำลังจะยืนขึ้น เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้จึงเงยหน้าขึ้นมามองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเชือดเฉือน
ดูท่าการประชุมคงยังไม่จบลง
“พวกคุณคิดว่ายังไงกันล่ะครับ” โม่ถิงเอ่ยถามผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ
แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าตราบใดที่มีโม่ถิงอยู่คงไม่มีสิ่งใดจะผิดพลาดไปได้ หากพวกเขาต่อต้านเขาตอนนี้และไห่รุ่ยไม่ได้ประสบปัญหาใดๆ เป็นไปได้ว่าเขาจะโอนส่วนแบ่งหุ้นให้กับถังหนิงและปล่อยให้เธอขึ้นแท่นกรรมการบริหาร
เห็นได้ชัดว่าความอดทนของโม่ถิงถึงขีดจำกัดแล้ว เขาไม่นำเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน จึงไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะไปมีปัญหากับโม่ถิง
อย่างไรเสียผู้ถือหุ้นที่ดีส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่าการประชุมนี้มันไร้สาระมาตั้งแต่แรกแล้ว
“ไห่รุ่ยอยู่ในมือของตระกูลโม่มาหลายปีโดยไม่มีปัญหา ฉันเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวประธานโม่ต่อไปค่ะ”
“ผมด้วยครับ ผมว่าจู้ซิงมีเดียก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ไห่รุ่ยเสียหน่อย”
“เห็นด้วยค่ะ ฉันเข้าใจสิ่งที่ประธานโม่พูดและรู้ว่าใครกำลังโวยวายเพราะเรื่องส่วนตัว ฉันว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าคนคนนี้ไม่เข้ามาแทรกแซงการทำงานนะคะ”
“ผมว่าถังหนิงลบล้างความเชื่อผิดๆ ที่เห็นกันในวงการได้ดีแล้วนะครับ ไห่รุ่ยเองก็ไม่เคยทำอะไรผิดทำนองคลองธรรม สิ่งที่ถังหนิงทำเป็นผลดีกับไห่รุ่ยด้วยซ้ำ”
หลังได้ยินสิ่งที่ผู้ถือหุ้นพูด โม่ถิงก็ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที หากแต่ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไป สายตาของเขาถูกส่งมาอย่างแข็งกร้าวไปยังผู้ถือหุ้นที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย
เมื่อเห็นดังนั้น อีกฝ่ายก็รีบปรี่เข้าไปขวางทางโม่ถิงไว้ “ประธานโม่ครับ อย่าถือสาที่ผมทำอย่างนี้เลยนะครับ ผมแค่ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเท่านั้นเอง”
“ผมว่าคุณเองก็ไม่ค่อยฉลาดเท่าไรนะ” โม่ถิงตอบ “การหาเรื่องภรรยาของผมต่อหน้าต่อตาผมก็เหมือนเหยียบย่ำหัวใจของผมทางอ้อม!
“ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกันครับ…”
สิ้นคำ โม่ถิงก็เดินจากไปจากห้องประชุมและกลับเข้ามาในห้องทำงาน
ในขณะเดียวกันลู่เช่อที่ตามหลังมารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าโม่ถิงกำลังโกรธจัด
“ท่านประธานครับ เราต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดนะครับ ถ้าผู้ถือหุ้นมีเจตนาร้ายและตัดสินใจก่อเรื่องขึ้นมา มันคงจะวุ่นวายและหายนะแน่”
“นายไม่ต้องบอกฉันก็รู้” โม่ถิงตอบเสียงเรียบ
“แล้วคุณผู้หญิงล่ะครับ…”
“ปิดปากของนายไว้ให้สนิทเลยนะ” โม่ถิงออกคำสั่ง
…
แม้ว่าโม่ถิงจะสั่งไม่ให้โม่ถิงพูดอะไร ถังหนิงก็รู้เรื่องการประชุมในท้ายที่สุด เพราะประธานฟ่านเป็นฝ่ายโทรมาหาเธอเอง
“ประธานถัง คุณรู้เรื่องที่จู้ซิงมีเดียกำลังจะถูกโค่นหรือยังล่ะครับ”
“ฉันไม่เห็นจะเข้าใจสิ่งที่คุณพูดเลยค่ะ”
“ฮ่าๆ ผมได้ยินว่าไห่รุ่ยเพิ่งจัดประชุมกรรมการบริหารแล้วจู้ซิงมีเดียก็เป็นวาระสำคัญของพวกเขาเสียด้วยสิ…
“คุณคิดว่าโม่ถิงจะไม่ได้ถูกท้วงเรื่องที่ยกเว้นให้คุณเปิดบริษัทเป็นของตัวเองเหรอครับ ยิ่งจู้ซิงมีเดียดังมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งเป็นที่ไม่ไว้วางใจมากเท่านั้น คุณเลิกทำตัวเห็นแก่ตัวดีไหมครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจถังหนิงก็หยุดเต้นไปชั่วขณะอย่างทำอะไรไม่ถูก
ทว่าไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้ชายคนนี้สังเกตได้
“ถ้าประธานฟ่านเลิกทำตัวลอบกัด ฉันมั่นใจว่าโลกคงสงบสุขขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ”
“ฮึม งั้นก็มาดูว่าใครจะล้มก่อนแล้วกันครับ”
หลังจากวางสาย ถังหนิงก็ต่อสายหาลู่เช่อทันที เธอคาดได้อยู่แล้วว่าโม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อเงียบปากเอาไว้ เธอจึงพูดกับเขาอย่างไม่อ้อมค้อม
“ลู่เช่อ ประธานฟ่านบอกฉันว่าไห่รุ่ยเพิ่งจัดประชุมด่วน จริงไหม”
เขาพลันรู้สึกผิดขึ้นมา…
ถังหนิงไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆ เลย!
“ประธานฟ่านบอกฉันทุกอย่างแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรต้องมาโกหกฉันหรอกนะ”
“คุณผู้หญิงครับ มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไม่ได้ทำให้ท่านประธานสะทกสะท้านสักนิด อย่าถูกผู้ชายเหลี่ยมจัดคนนั้นปั่นหัวเลยครับ” ลู่เช่อรีบเอ่ยปลอบ
“หมายความว่าเป็นเรื่องจริงสินะ” แววตาถังหนิงมืดมนลง “มีใครบางคนกำลังพยายามทำให้เขาเดือดร้อนอยู่”
“ใช่ครับและมันเป็นการเผชิญหน้ากันที่ค่อนข้างตึงเครียดด้วย” ลู่เช่อฝืนกับน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของถังหนิงไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้แต่พูดความจริงออกไป “แต่ท่านประธานควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“เขาโกรธหรือเปล่า” ถังหนิงถาม
“โกรธอยู่แล้วครับ ถึงยังไงคนที่ผู้ถือหุ้นพุ่งเป้ามาก็คือคุณ”