วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 966 คุณเป็นคนสุดท้ายที่ศรัทธาในโชคชะตา

“เฉี่ยนเฉี่ยน เอ่อ…”

 

 

“มีอะไรเหรอคะคุณแม่ ฉันยังอยู่ที่กองถ่ายอยู่เลยค่ะ ไม่มั่นใจว่าจะกลับถึงบ้านกี่โมง หลี่จิ่นจะถึงบ้านตามมา คุณแม่ช่วย…”

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน ฟังแม่นะ หลี่จิ่นคงไม่ได้กลับบ้านแล้วล่ะ” คุณนายหลี่พูดแทรกขึ้นมาพร้อมเสียงสะอื้น

 

 

หลินเฉี่ยนนิ่งค้างไปชั่วครู่ เธอถือแก้วไวน์ค้างไว้ในมือซ้ายแต่เมื่อได้ยินข่าวจากคุณนายหลี่ เธอถึงกับอึ้งจนไม่อาจสนใจสิ่งใดได้อีก

 

 

“แม่คะ หมายถึงเขาจะไม่กลับบ้านคืนนี้ใช่ไหมคะ”

 

 

“ไม่ใช่จ้ะ แม่กำลังจะบอกว่าเขาอาจไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น แก้วในมือหลินเฉี่ยนก็หล่นลงก่อนเธอจะวิ่งออกไปจากกองถ่าย ถังหนิงเห็นท่าทางรีบร้อนของเธอ แต่ด้วยเธอตั้งท้องได้เจ็ดแปดเดือนแล้ว ไม่อาจตามไปได้จึงสั่งให้หลงเจี่ยไปคอยดูเธอ

 

 

หลงเจี่ยวิ่งออกมาคว้าแขนของหลินเฉี่ยนไว้ “เกิดอะไรขึ้น”

 

 

“อย่ามาห้ามฉันนะคะ ฉันต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้”

 

 

“ฉันจะขับรถไปส่งเธอเอง เธอจะกลับบ้านเองในสภาพนี้ได้ยังไงกัน” หลงเจี่ยดึงตัวเธอมาที่รถและพยายามทำให้เธอใจเย็นลง แต่ในจังหวะที่หญิงสาวทั้งสองก้าวขึ้นรถ หลินเฉี่ยนก็หมดสติไปบนที่นั่ง

 

 

หลงเจี่ยตกใจไม่น้อย เธอบอกให้ถังหนิงรู้ทันทีก่อนพวกเธอจะรีบพาหลินเฉี่ยนไปหาหมอ ไม่นานพวกเขาก็พบว่าจริงๆ แล้วหลินเฉี่ยนกำลังตั้งท้องอยู่

 

 

ที่แท้เธอก็หมดสติไปจากอาการตกใจนั่นเอง

 

 

“หลินเฉี่ยนไม่รู้ตัวว่าตัวเองท้องเหรอคะ” หลงเจี่ยถามถังหนิง เธอส่ายหน้าและบอกให้ลู่เช่อติดต่อตระกูลหลี่ทันที เมื่อคุณนายหลี่ทราบข่าวเธอก็รีบตรงมาที่โรงพยาบาล

 

 

เห็นได้ชัดว่าคุณนายหลี่ตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก ทว่าด้วยดวงตาแดงก่ำของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะร้องไห้อย่างหนัก

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยนเด็กโง่ ไม่รู้ตัวว่าท้องได้ยังไงกัน ตอนนี้หลี่จิ่นกลับมาไม่ได้ด้วยซ้ำ…”

 

 

หลังจากทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็รู้ได้ถึงสิ่งที่คุณนายหลี่กำลังพยายามบอก

 

 

มิน่าล่ะหลินเฉี่ยนถึงได้เศร้าขนาดนี้

 

 

“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง…”

 

 

คุณนายหลี่เป็นคนสดใสและขี้เล่น แต่ตอนนี้เธอกลับจมอยู่ในกองน้ำตา เพียงแค่มองเธอแม้แต่ถังหนิงยังรู้สึกเศร้าตามไปด้วย

 

 

ไม่นานหลินเฉี่ยนก็ได้สติ หากแต่สิ่งแรกที่เธอทำคือการลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะวิ่งออกไปทางประตูห้องพยาบาล

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน…” คุณนายหลี่รีบโผเข้ามาประคองเธอไว้ “เด็กโง่ หนูท้องอยู่นะจ๊ะ อย่าเพ่นพ่านไปมาแบบนี้สิ”

 

 

เมื่อเธอได้ยินว่าตัวเองตั้งท้อง หญิงสาวก็ชะงักงันไปด้วยความตกตะลึง…

 

 

เธอไม่อยากจะเชื่อ

 

 

อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับการยืนยันจากหลายคน ในที่สุดหลินเฉี่ยนก็ยอมรับว่าตัวเองตั้งท้อง ว่าแต่เรื่องของหลี่จิ่นล่ะ

 

 

“ทางฐานทัพกำลังค้นหาตัวจิ่นเอ๋อร์อยู่ จนกว่าเราจะได้ข่าวที่แน่ชัด อย่าเพิ่งหมดความหวังเลยนะ” คุณนายหลี่เอ่ยปลอบ “ต่อให้ไม่ใช่เพื่อตัวเอง หนูก็ควรทำเพื่อเด็กในท้องนะ เขาเป็นลูกของหนูกับจิ่นเอ๋อร์และยังเป็นทายาทของตระกูลหลี่อีกด้วย เลือดเนื้อเชื้อไขของเราไงล่ะจ๊ะ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเราเองก็คงจะเจ็บปวดใจเช่นกันนะ เฉี่ยนเฉี่ยน…”

 

 

เมื่อได้เห็นใบหน้าอาบน้ำตาของคุณนายหลี่ หลินเฉี่ยนสงบใจลงได้ในที่สุด

 

 

“รอฟังข่าวเถอะ…รอฟังข่าวกันอีกนิด…”

 

 

หลินเฉี่ยนตกอยู่ในอาการงุนงง ว่ากันตามจริงเธอรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจจนไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาได้ ตอนนี้เธอมีลูก แต่…สามีของเธอล่ะ

 

 

แม้เธอจะรู้มาตลอดว่าหลี่จิ่นเหมือนเอาชีวิตตัวเองไปพนันในทุกภารกิจของเขา แต่ตอนนี้เธอไม่อาจยอมรับได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง

 

 

ถังหนิงมองท่าทีของหลินเฉี่ยนแล้วรีบโผเข้ากอด แนบศีรษะของอีกฝ่ายเข้ากับหน้าท้องของเธอให้ได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของชีวิต

 

 

“ฉันเชื่อว่าจะต้องเจอเขา เธอล่ะเชื่อไหม”

 

 

หลินเฉี่ยนสบตาถังหนิงอย่างว่างเปล่า ทว่าถังหนิงยังคงใจเย็นขณะเอ่ยถามเธออีกครั้ง “เธอเชื่อหรือเปล่า”

 

 

หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับอย่างไร้ชีวิตชีวาในท้ายที่สุด

 

 

เธอไม่ได้เชื่อในปาฏิหาริย์ หากแต่เชื่อในตัวถังหนิงที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้

 

 

ทันใดนั้นเองหลินเฉี่ยนก็สงบลงและกลับมาเป็นปกติได้ในท้ายที่สุด เธอต้องการจะคิดในแง่ดี…ถึงแม้ว่าเธอจะแอบร้องไห้อยู่เพียงลำพังในคืนนั้นก็ตาม

 

 

 

 

“ใครจะไปรู้ว่ามื้อเย็นเฉลิมฉลองธรรมดาๆ จะจบลงด้วยความโศกเศร้าได้ บางครั้งมันก็ยากที่จะศรัทธาในโชคชะตานะคะ”

 

 

“คุณเป็นคนสุดท้ายที่ศรัทธาในโชคชะตาครับ” โม่ถิงว่าขึ้นขณะขับรถ “อย่างที่คุณบอกไปก่อนหน้านี้แหละครับ เราจะตามหาตัวหลี่จิ่นอย่างแน่นอน ถ้าคุณไม่เชื่อมันอีกต่อไปแล้ว หลินเฉี่ยนก็จะสูญเสียความตั้งใจของเธอเหมือนกัน”

 

 

“ในพวกเราทุกคน เธอเป็นคนที่เจอแต่โชคร้ายที่สุด ชีวิตจะใจดีกับเธอบ้างไม่ได้เหรอยังไง

 

 

“การสูญเสียครึ่งหนึ่งของชีวิตเป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับคนคนหนึ่งเลยค่ะ” ถังหนิงเอ่ยก่อนมองโม่ถิง “ไม่ใช่แค่กับหลินเฉี่ยน ถ้าเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นกับฉัน ฉันก็คงใจสลายเหมือนกัน

 

 

“ฉันยอมเสียทุกอย่างได้ยกเว้นคุณค่ะ

 

 

“ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณ ฉันคงไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง”

 

 

โม่ถิงเอื้อมมือมาลูบท้ายทอยถังหนิงก่อนหันไปขับรถต่อ “เลิกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องได้แล้วครับ”

 

 

พูดอีกอย่างคือ เรื่องของหลินเฉี่ยนทำให้ทุกคนในจู้ซิงมีเดียต้องเศร้าใจเช่นกัน

 

 

ในเวลานี้ ประธานฟ่านผู้ไม่ยอมแพ้พบว่าหลินเฉี่ยนอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากสืบไปมาก็รู้ว่าไม่เพียงแต่เธอจะตั้งท้อง แต่ยังมีความเป็นไปได้ว่าสามีของเธอจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียด้วย

 

 

“เวลาช่างเหมาะเจาะอะไรอย่างนี้ ตอนนี้หลินเฉี่ยนต้องอ่อนแออยู่แน่ การใช้เธอเป็นเครื่องมือคงเป็นเรื่องง่าย

 

 

“ถังหนิงไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่กลัวว่าฉันจะไปก่อเรื่อง ครั้งนี้ฉันจะคอยดูว่าเธอจะสู้ความหน้าด้านของฉันได้ยังไง”

 

 

ถึงเวลาที่แผนการใหญ่จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว…

 

 

 

 

สามวันถัดมา หลินเฉี่ยนกับคุณนายหลี่ได้รับข่าวว่ายังหาตัวหลี่จิ่นไม่พบ ในการค้นหาและช่วยเหลือคน ยิ่งพบตัวเร็วมากเท่าไร โอกาสที่รอดชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้น ทว่า…ถ้ายิ่งนาน…

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน เรามารอกันต่อไปเถอะนะ”

 

 

เธอมองหน้าคุณนายหลี่ ไม่ปริปากออกมาสักคำ ได้แต่ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนแรง

 

 

“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ จิ่นเอ๋อร์จะต้องกลับมาอย่างแน่นอน เขาเก่งออกขนาดนั้น”

 

 

“ค่ะ ฉันรู้ว่าเขาจะกลับมา” หลินเฉี่ยนยืนหยัดเอาไว้ อย่างไรเสียถังหนิงก็ทำให้เธอมั่นใจว่าหลี่จิ่นจะต้องกลับมา

 

 

ทว่าในเช้าวันถักมา คุณนายหลี่ได้ต่อสายหาถังหนิง “เสี่ยวหนิง เฉี่ยนเฉี่ยนหายตัวไป…ฉันกลัวว่าเธออาจจะไปตามหาเขาที่ฐานทัพ ฉันควรทำยังไงดี เธอตั้งท้องอยู่อย่างนี้จะไม่ให้ฉันกังวลได้ยังไงกัน”

 

 

“คุณป้าคะ ถ้าคุณไม่ปล่อยให้เธอไป เธอจะต้องเสียสติแน่ค่ะ ปล่อยให้เธอได้ลองเถอะค่ะ ฉันจะส่งคนไปคุ้มกันเธอเอง”

 

 

“เฮ้อ…” คุณนายหลี่ทำอะไรไม่ถูก “ถ้างั้นฉันฝากด้วยนะเสี่ยวหนิง…”

 

 

ถังหนิงเข้าใจความรู้สึกของหลินเฉี่ยน ถ้าเป็นเธอก็คงจะทำอย่างเดียวกัน แต่แน่นอนว่าเธอจะทำมันโดยนึกถึงความปลอดภัยของเธอไว้เสมอ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset