หันเซียวได้ยินดังนั้นก็ยื่นแขนออกมาห้ามคุณพ่อหลี่เอาไว้ทันที “ฉันจะพูดกับคุณตามตรงนะคะ คุณลุง หลี่จิ่นกับฉันตกลงกันแล้วว่าถ้าเรารอดชีวิตกลับมาจากภารกิจนี้ เราจะคบกันค่ะ
“ทางการเองก็ทราบเรื่องนี้แล้วค่ะ พวกเขาถึงอนุญาตให้หลี่จิ่นอยู่ที่นี่กับตระกูลหันไงคะ
“ฉันรู้ว่ามันยากที่คุณจะยอมรับเรื่องนี้นะคะ แต่เขาบอกฉันว่าเขารู้สึกผิดต่อภรรยาเขา หลินเฉี่ยนเพราะเขาไม่อาจมอบชีวิตที่มั่นคงให้เธอได้ แทนที่จะไปต่อเขาเลยคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าจะแยกทางกับเธอตั้งแต่ตอนนี้น่ะค่ะ
“หลี่จิ่นถึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ไม่ได้ยังไงล่ะคะ”
หลังจากหันเซียวพูดจบ คุณพ่อหลี่ไม่ทันได้ตอบโต้กลับ หลินเฉี่ยนก็ตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายฉาดใหญ่ “ฉันไม่เคยเห็นคนที่ภาคภูมิใจกับการเป็นเมียน้อยขนาดนี้เลย คุณหัน คุณทำให้ฉันตาสว่างจริงๆ ”
หันเซียวไม่ได้ตอบโต้กับตบที่ได้รับ เธอกลับแสร้งเป็นใสซื่อ “ฉันรู้ว่ามันยากที่คุณจะรับเรื่องนี้ได้นะคะ คุณอยากทำอะไรกับฉันก็ทำเถอะค่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธอต้องการมาแทนที่ฉันตลอดเวลาถึงได้สร้างเรื่องโกหกแบบนี้ขึ้นมา แต่จนกว่าฉันจะได้ยินจากปากของหลี่จิ่นเอง คำพูดพวกนั้นก็ไม่มีความหมายสักนิด
“ฉันรู้ว่าเขายังไม่ได้สติ ในเมื่อเขายังไม่ได้ลุกขึ้นมาบอกฉันว่าให้ปล่อยให้ทั้งสองคนคบกัน อย่างนั้นเธอก็ควรคืนตัวเขามาให้ตระกูลหลี่และฉัน”
“หลินเฉี่ยน คุณต้องเจ็บปวดที่ต้องยอมรับความจริงนี้มากแน่ๆ ”
หลินเฉี่ยนหัวเราะพลางมองหน้าหันเซียวอย่างเย้ยหยัน “เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า วันนี้ฉันก็ยังมีหลี่จิ่น
อยู่ด้วย ต่อให้เรื่องที่คุณบอกว่าต้องการจะคบหากันเป็นเรื่องจริง คุณก็คงทำแบบนั้นไม่ได้ไปอย่างน้อยแปดเดือนล่ะค่ะ
“หรือเธออยากจะเข้าคุกกันล่ะ”
“เธอกำลังจะพูดอะไรน่ะ”
“ฉันจะบอกว่าฉันกำลังตั้งท้องอยู่ยังไงล่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยพลางชี้ไปที่หน้าท้องของตัวเอง “ฉะนั้นต่อให้จะรักกันปานกลืนกินแค่ไหน หลี่จิ่นก็ต้องกลับมาอยู่ข้างฉันอยู่ดี ฉันไม่กลัวว่าจะทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โตหรอกนะ แล้วมาดูกันว่าเธอจะทำยังไง”
หันเซียวนึกไม่ถึงว่าหลินเฉี่ยนจะตั้งท้องในเวลาเช่นนี้
“เป็นไปไม่ได้ เธอโกหก นี่มันเป็นไปไม่ได้”
“หลี่จิ่นกับฉันเป็นสามีภรรยากัน เราต้องรายงานทุกเวลาที่เราอยู่ด้วยกันให้เธอรู้ด้วยเหรอ เราแต่งงานกัน มันจะแปลกอะไรที่ฉันจะท้องกันล่ะ” หลินเฉี่ยนถามพร้อมมุมปากที่ยกขึ้น “งั้นฉันจะไม่บังคับเธอถ้าจะไม่คืนตัวหลี่จิ่นมาให้วันนี้หรอกนะ ฉันไม่ใช่คนของกองทัพคงสู้เธอในแง่นั้นไม่ได้ แต่อย่าลืมนะว่าฉันอยู่ในวงการบันเทิง ถ้าเธออยากจะรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป ส่งตัวเขามาจะเป็นการดีที่สุดนะ ไม่งั้นละก็…
“ตระกูลหันทั้งตระกูลได้อับอายขายหน้าเพราะเธอแน่”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอตั้งท้อง ฉันไม่เชื่อ!”
“การพิสูจน์เรื่องนี้น่ะง่ายนิดเดียว ฉันแค่ไปตรวจแล้วความจริงก็จะเปิดเผยออกมาเอง” หลินเฉี่ยนว่าขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ “เธอพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะทำลายความสัมพันธ์ของฉันกับหลี่จิ่น เมื่อก่อนฉันอาจปล่อยเธอไป แต่ไม่ใช่สำหรับครั้งนี้แน่…
“เพราะฉันได้รู้แล้วว่าเธอมันไม่คู่ควรกับชาติตระกูลของตัวเองเลย”
“เฉี่ยนเฉี่ยน เลิกเสียเวลากับเธอเถอะ ตอนนี้ไปตรวจร่างกายแล้วพ่อจะเอาผลตรวจไปแสดงกับทางการเอง อยากรู้จริงๆ ว่าพวกเขายังจะมองข้ามและทำเมินเฉยกับเรื่องที่หนูตั้งท้องได้หรือเปล่า” เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อหลี่ไม่หลงเชื่อคำพูดของหันเซียว เขายินดีที่จะขอบคุณเธอที่ได้ช่วยชีวิตลูกชายเอาไว้ ทว่าไม่มีวันคิดเอาเธอมาแทนลูกสะใภ้ของตัวเอง
มีใครหน้าไหนยอมปล่อยให้หันเซียวแต่งเข้าตระกูลบ้าง พวกเขาต้องการจะอับอายขายหน้าหรือยังไงกัน
เมื่อได้ยินจากหลินเฉี่ยนและคุณพ่อหลี่ หันเซียวก็กำหมัดแน่น
เธออยากจะสู้ต่อแต่น่าเสียดายที่หลินเฉี่ยนมีลูกของหลี่จิ่นอยู่ในท้อง
“คุณลุงคะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ยอมปล่อยให้คุณพาตัวหลี่จิ่นไปนะคะ แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงจนไม่สมควรเคลื่อนย้ายตัวของเขาในตอนนี้น่ะค่ะ ถ้าเขาอยู่ที่นี่เขาอาจได้รับการดูแลที่ที่สุดนะคะ” หันเซียวพยายามใช้ข้ออ้างอื่น “ทั้งสองคนของไม่อยากให้อาการเขาทรุดลงใช่ไหมคะ”
ครั้งนี้หันเซียวไม่ได้โกหก หลี่จิ่นบาดเจ็บสาหัสและไม่สมควรเคลื่อนย้ายตัวในตอนนี้
ทว่าคุณพ่อหลี่จะทนดูลูกชายของตัวเองอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นได้อย่างไรกัน
เขาจึงหันไปมองหลินเฉี่ยนก่อนอีกฝ่ายจะตอบกลับ “ในเมื่อหลี่จิ่นขยับตัวไม่ได้ อย่างนั้นฉันก็ควรอยู่ดูแลเขาที่นี่นะคะ เราคงไม่อยากให้คนลือไปทั่วแล้วทำลายภาพลักษณ์ของคุณหันใช่ไหมคะ”
“เธอ…”
“ฉันอาจจะไม่ได้เกิดในตระกูลที่สูงส่งหรือร่ำรวย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมากดขี่ข่มเหงฉันได้ง่ายๆ นะคะ หันเซียว ฉันมั่นใจว่ามีฉันอยู่ทั้งคน หลี่จิ่นไม่มีทางชายตามองเธออย่างแน่นอน”
หันเซียวไม่อาจทำสิ่งใดได้ หลินเฉี่ยนเป็นภรรยาของหลี่จิ่นตามกฎหมาย และตอนนี้เธอยังท้องอยู่อีกด้วย จึงยากที่จะปฏิเสธเธอยิ่งขึ้น
“อย่างน้อยจะไม่ขอบคุณที่ฉันช่วยชีวิตหลี่จิ่นไว้บ้างเหรอ”
“ถ้าไม่เป็นเพราะเธอช่วยชีวิตเขาไว้ ฉันคงจะจ้างคนมาทำร้ายเธอแล้วล่ะ” หลินเฉี่ยนตอกกลับ
เมื่อเห็นท่าทีตอบโต้แข็งกร้าวของหลินเฉี่ยน คุณพ่อหลี่ก็นึกชื่นชมเธอในใจ เธอเป็นคนเด็ดขาดและไม่หวั่นไหวให้คนเข้ามาโจมตีได้ง่ายๆ อย่างที่ลูกสะใภ้พึงจะเป็น
“ตอนนี้หลี่จิ่นอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต แล้วก็ยังไม่ถึงเวลาเข้าเยี่ยมด้วย ต่อให้เธออยู่ที่นี่ก็พบเขาไม่ได้หรอก”
“เดี๋ยวก็ถึงเวลาเข้าเยี่ยม ตอนนี้ฉันท้องอยู่ มีเวลาว่างเหลือเฟือ นั่งรอที่นี่ได้อยู่แล้วล่ะ”
ไม่มีอะไรที่หันเซียวทำได้แต่อย่างใด เธอได้แต่กระแทกเท้าหันหลังเดินจากไป เธอเป็นเจ้าหน้าที่ทหารอากาศที่มีอำนาจ แต่กลับพ่ายแพ้อย่างหมดคราบให้กับผู้หญิงท้อง
หลังจากหันเซียวเดินจากไป คุณพ่อหลี่ก็เอ่ยกับเธอทันที “พ่อปล่อยให้หนูอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้หรอกนะ พ่อจะอยู่ที่นี่กับหนูเอง พ่อโทรหาแม่แล้ว เธอบอกว่าจะรีบมาที่นี่เหมือนกัน อย่างนั้นหนูจะได้คอยระวังเผื่อว่าหันเซียวจะงัดลูกไม้ไหนออกมาอีก”
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ” หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ
หากแต่เธอเองไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย แค่ได้เห็นหลี่จิ่นเธอก็ไม่หวาดกลัวอะไรอีกแล้ว
หลังจากนั้นหลินเฉี่ยนโทรหาถังหนิงและเล่าเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลให้เธอฟัง เมื่อได้ทราบเรื่องทั้งหมด เธอก็คำรามในลำคอขึ้นมา “หันเซียวคนนี้ร้ายใช่เล่นเลยนะ กล้าเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อแย่งหลี่
จินจากเธอได้ยังไงกัน”
“เธอไม่มียางอายแล้วล่ะค่ะ”
เสียงหัวเราะของถังหนิงดังขึ้นจากปลายสาย “เพื่อความปลอดภัยของเธอ ฉันจะส่งบอดีการ์ดประมาณสี่คนไปแล้วกันนะ พอต้องรับมือกับคนอย่างหันเซียว เธอปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้หรอก
“ถ้ากล้าทำอะไรกับลูกในท้องของเธอ อย่างน้อยเธอจะได้สู้กลับได้”
“ขอบคุณนะคะ พี่หนิง”
“เธอขอบคุณฉันมาหลายครั้งแล้วนะ”