ในขณะเดียวกัน คุณปู่ฟ่านกำลังแอบจับตาดูถังหนิงอยู่ ระหว่างที่เธอยุ่งอยู่กับการตามหาหลี่จิ่น เขาคิดว่าเธอคงไม่ทันได้ระวังประธานฟ่าน แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้ว่าหลานชายของเขากำลังทำอะไร เขาจึงต้องระวังเผื่อว่าเธอจะตามไล่บี้เขาหลังจากจัดการเรื่องของหลี่จิ่นเสร็จ
หลังครุ่นคิดมาอย่างรอบคอบ คุณปู่ฟ่านก็ตัดสินใจได้ว่าเขาควรเชิญถังหนิงมาเจรจากันที่บ้านตระกูลฝาน
…
หลินเฉี่ยนไม่มีกะจิตกะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิง ถังหนิงจึงส่งลัวอิงหงให้หลงเจี่ยดูแลเป็นการชั่วคราว
ไม่นานนายตำรวจที่ถังอี้เฉินสนิทสนมก็มาถึงโรงพยาบาล เขาเป็นชายร่างใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ เพียงมองแวบแรกก็เห็นว่าเป็นคนที่ดูซื่อตรง ด้วยดวงตาสีน้ำตาลสวยที่ฉายแววยืนหยัดในความถูกต้อง
“ระหว่างทางมาที่นี่ อี้เฉินเล่าสถานการณ์ให้ฟังหมดแล้วครับ ตระกูลหันเอาตัวลูกชายและสามีของพวกคุณไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและไม่ยอมปล่อยเขา”
“คุณ…”
“ผมเองก็นามสกุลหันเหมือนกันครับ แต่ว่าคนละหันกัน [1] ”
หลินเฉี่ยนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เจ้าหน้าที่หัน ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ”
“ไปที่บ้านตระกูลหันแล้วขอคืนตัวเขามากันครับ” เขาเอ่ยพลางจัดหมวกของตัวเอง “แต่ผมต้องขอให้คุณแกล้งทำสักหน่อย”
ชายคนนี้ชื่อว่า หันอวี้ เขาเป็นคนมีฝีมือ รังเกียจความชั่วช้า ไม่ชอบพวกที่ใช้เส้นสายของตัวเองในการกดขี่ข่มเหงคนอื่น
ดังนั้นเขาจึงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของหลี่จิ่นอย่างเสียไม่ได้
“ผมเองก็ติดตามข่าวในวงการบันเทิงมาตลอด จากที่ผมเห็น จู้ซิงมีเดียสร้างทั้งความฮือฮาและชื่อเสียงให้กับตัวเอง น่าชื่นชมถังหนิงนะครับ เธอเด็ดเดี่ยวและมั่นใจมาก”
หลินเฉี่ยนนึกไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยกเรื่องนี้มาเล่นมุกได้
“เจ้าหน้าที่หันคะ ฉันแค่อยากจะรู้ค่ะว่าถ้าฉันไปที่บ้านตระกูลหันเลย จะมีโอกาสได้สามีกลับคืนมาไหมคะ”
“ถ้าผมขอตัวเขาคืน พวกเขาจะต้องส่งตัวเขามาให้แน่ครับ!”
แววตาคมกริบราวกับเสือชีตาห์ปรากฏขึ้นในดวงตาของหันอวี้
…
กลางคืนที่บ้านตระกูลหัน
หันเซียวเหม่อมองขณะที่หลี่จิ่นนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง ลึกๆ แล้วเธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับคนธรรมดา
ไม่เพียงแต่หลินเฉี่ยนจะเป็นคนที่แน่วแน่ จู้ซิงมีเดียยังไม่สามารถรับมือด้วยได้ง่ายๆ อีกทั้งจู้ซิงมีเดียยังมีเส้นสายมากมายที่สามารถส่งคนมาโจมตีตระกูลหันได้ทุกเมื่อ
ทว่าเธอไม่อาจส่งตัวหลี่จิ่นคืนให้พวกเขาได้จริงๆ
เธอให้เขาฟื้นขึ้นมาไม่ได้…
ต่อให้มีจังหวะหนึ่งที่คิดใจอ่อน เธอก็ต้องการที่จะเก็บเขาไว้กับตัวคนเดียว
ด้านหลังเธอ คุณพ่อหันรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก “ภรรยาของเขาแทบจะพลิกโรงพยาบาลหาอยู่แล้วนะ ลูกยังจะยึดตัวเขาไว้ที่บ้านอย่างนี้เหรอไง กำลังพยายามทำให้พ่อขายหน้าอยู่เหรอยังไง”
“พ่อคะ หลี่จิ่นอยู่ที่นี่แล้วและข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มแพร่กระจายไปแล้วด้วย พ่อจะยอมเสียบางอย่างไปโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลยเหรอคะ”
“ข่าวแพร่ไปแล้วยังไงล่ะ ลูกก็จะแค่ถูกเรียกว่าเป็นชู้รักเท่านั้นแหละ อีกอย่างหลี่จิ่นไม่ได้สติอยู่ ต่อให้คนอื่นเชื่อคำโกหกของลูกแต่คิดว่าพ่อจะเชื่อเหรอ”
“พ่อคะ หนูไม่มีทางเลือกอื่นค่ะ หนูจะไม่ส่งตัวเขาคืนเด็ดขาด” หันเซียวกุมมือหลี่จิ่นไว้ราวกับหวงแหนนักหนา
“อย่าคิดว่าหลินเฉี่ยนจะยอมอยู่เฉยๆ นะ เธอแค่ยังไม่ได้ใช้เส้นสายของเธอเท่านั้น อย่าลืมว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลกู้นะ ต่อให้ไม่นึกถึงเรื่องชาติตระกูลของเธอ เธอก็ยังมีถังหนิงคอยหนุนหลังอยู่ดี ลูกคิดว่าจะซ่อนตัวเขาที่นี่ได้นานแค่ไหนกัน”
“พ่อ หนูมีโอกาสแค่ครั้งเดียวค่ะ ถ้าหนูพลาดไป จะไม่มีวันได้โอกาสอีกครั้งเลยนะคะ” หันเซียวหันมา คุกเข่าลงกับพื้นและจับมือพ่อของตัวเองไว้
“ฮึ่ม”
คุณพ่อหันสะบัดหันเซียวออก ลึกๆ แล้วเขานึกโมโหที่ตัวเองให้กำเนิดลูกสาวคนนี้มา
“ลูกก็ได้แค่รอให้หลินเฉี่ยนโผล่มาที่หน้าประตูเท่านั้นแหละ”
คุณพ่อหันคาดการณ์ไว้ว่าหลินเฉี่ยนจะต้องมาหาในไม่ช้า ทว่าไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน
หลินเฉี่ยนไม่มีหลักฐานว่าหลี่จิ่นอยู่ที่บ้านตระกูลหัน เธอจึงต้องวางแผนพิสูจน์ตัวเอง
…
เช้าวันถัดมา หลินเฉี่ยนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนหมอจะบอกเธอว่าเธอเกือบจะสูญเสียลูกในท้องไปเสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเริ่มปล่อยโฮออกมาและเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจกับคนตระกูลหลี่
ในที่สุดหันอวี้ก็มาถึงบ้านตระกูลหันพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่อีกหลายนาย
พวกเขายืนรออยู่ด้านนอกพร้อมกับหลินเฉี่ยนและผลตรวจจากโรงพยาบาลในมือ
คุณพ่อหันอาจสามารถห้ามหลินเฉี่ยนได้ แต่เขาไม่อาจต้านทานเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ถึงเขาจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถไปลองดีกับคนอย่างหันอวี้ได้
“เจ้าหน้าที่หัน ได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะเลยครับ ไม่ทราบว่ามาที่นี่ทำไมเหรอครับ”
คุณพ่อหันพูดเล่นกับทางเจ้าหน้าที่ แต่ในใจกลับเกลียดสิ่งที่ลูกสาวตัวเองกำลังทำ เพราะเธอเขาถึงต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มใส่ทุกคน
“ผู้อาวุโส คุณเป็นนายทหารที่มีคุณธรรม ดังนั้นผมจะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับคุณนะครับ ผมมาที่นี่เพราะผู้หญิงท้องคนนี้ครับ” หันอวี้ชี้ไปทางหลินเฉี่ยน “ผมตามสืบเรื่องนี้แล้วและหลายคนในฐานทัพอากาศก็ยืนยันว่าสามีของหลินเฉี่ยน หลี่จิ่น ถูกกักขังไว้ที่บ้านของคุณครับ”
“เจ้าหน้าที่…”
“ผู้อาวุโสครับ ผมขอพูดตามตรงกับคุณเลยนะครับ อย่าคิดโกหกผม ผู้หญิงท้องคนนี้เกือบจะแท้งลูกเพราะไม่ได้เจอสามีตัวเองเลยนะ
“ถ้าคนนอกรู้เรื่องนี้เข้า ตระกูลหันคงอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแน่ครับ
“มีเรื่องเลวร้ายมากไปกว่าการรังแกผู้หญิงท้องอีกเหรอ อีกอย่างคุณหลอกตัวเองไปได้ไม่นานหรอกนะครับ ไหนๆ เรื่องก็มาถึงมือตำรวจแล้ว ให้ความร่วมือจะเป็นการดีที่สุดนะครับ”
คำพูดของหันอวี้หนักอึ้งอยู่บนบ่าของคุณพ่อหัน อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็กำลังหาว่าเขากดขี่ข่มเหงคนท้องอยู่
คุณพ่อหันหน้าซีดเผือดด้วยความอับอายเกินบรรยาย
“เจ้าหน้าที่หันครับ ปล่อยพวกเราไปเถอะ ผมจะสั่งให้คนพาหลี่จิ่นออกมาเดี๋ยวนี้” คุณพ่อหันรู้ว่าถ้ายังยึดตัวหลี่จิ่นเอาไว้นานกว่านี้ เขาคงต้องพบกับหายนะไม่ช้าก็เร็วแน่ “แต่คุณช่วยถือว่าเราช่วยชีวิตเขาเอาไว้และไม่ทำเรื่องให้ลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้ได้ไหมครับ”
หันอวี้มองหน้าหลินเฉี่ยน ก่อนเธอจะพยักหน้าให้แม้จะไม่ได้ต้องการเช่นนั้นก็ตาม ด้วยในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้เห็นหน้าสามีของตัวเอง
“แน่สิครับ”
“ดีครับ ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะครับ”
สิ้นคำ คุณพ่อหันเก็ดินกลับไปทางห้องนอนของหันเซียว เมื่อเขาก้าวเข้าไปด้านในก็จิกผมของลูกสาวตัวเองขึ้นมาทันที “ช่างเป็นลูกสาวที่ประเสริฐอะไรขนาดนี้ เพราะลูก ตำรวจเลยมาถึงที่บ้าน ลูกทำให้พ่อขายหน้าไม่มีชิ้นดีแล้ว!”
“พ่อคะ ได้โปรดอย่าคืนหลี่จิ่นให้เขาเลยนะคะ”
“หลี่จิ่นเป็นลูกชายและสามีของคนอื่น ลูกเห็นเขาเป็นของเล่นเหรอยังไง” คุณพ่อหันเอ่ยก่อนหันไปสั่งสาวใช้และผู้ช่วย “จับตัวเธอไว้และพาตัวหลี่จิ่นออกไป เดี๋ยวนี้!”
“พ่อคะ… อย่าทำแบบนี้กับหนู นี่เป็นโอกาสเดียวของหนู ขอร้องละ!”
“แล้วหลินเฉี่ยนกับลูกของเธอไม่ได้ต้องการความหวังเหมือนกันเหรอ เสียแรงที่เลี้ยงแกมาจริงๆ ความน่าอัปยศอดสูนี้จะเป็นบทเรียนให้ฉัน ถ้าแกยังขืนไม่ยอมแบบนี้ก็ออกไปจากบ้านตระกูลหันซะ! ฉันจะถือซะว่าแกไม่ใช่ลูกของฉัน!”
——
[1] 寒 (หัน) กับ 韩 (หัน) ออกเสียงเหมือนกัน แต่อักษรจีนคนละตัว