วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 980 มันคือสิ่งที่เรียกว่าการทุ่มเทให้ภรรยา

คุณปู่ฟ่านไม่รู้ว่าโม่ถิงได้ข้อมูลติดต่อเขามาแล้ว แม้จะมีน้อยคนนักที่ที่จะรู้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขา

 

 

ประมาทฝีมือโม่ถิงไม่ได้แม้แต่น้อย

 

 

“ประธานโม่คงโทรมาเพราะฉันเชิญภรรยาเขาไปดื่มกาแฟวันนี้แน่” ชายสูงวัยเอ่ยอย่าไม่อ้อมค้อม

 

 

“ผมได้ยินว่าผู้อาวุโสฝานต้องการหาคู่ค้าทางธุรกิจอยู่ ผมว่ามั่นใจว่าคุณคงไม่ได้สนใจโครงการขนาดเล็กของภรรยาของผมหรอกครับ ทำไมคุณไม่มาร่วมมือกับผมแทนล่ะครับ”

 

 

“ผู้หญิงมักมองว่าโลกนี้สวยงามไร้พิษภัยอยู่แล้ว ผมเลยอยากให้เป็นอย่างนั้นต่อไปครับ เรื่องบางอย่างพวกเราสามารถจัดการกันเงียบๆ เองได้ในฐานะผู้ชายด้วยกัน ไม่อย่างนั้นทั้งสองฝ่ายจะเดือดร้อนกันเปล่าๆ นะครับ คุณว่ายังไงล่ะครับ ผู้อาวุโสฝาน”

 

 

“ไหนๆ ประธานโม่ก็พูดขนาดนี้แล้ว ผมจะว่ายังไงได้อีกล่ะครับ ผมเองก็ขยับตัวไม่ค่อยได้แล้ว นี่เป็นโลกของคนหนุ่มสาวกันแล้วล่ะครับ…”

 

 

โม่ถิงไม่ได้โต้ตอบอะไรก่อนวางสายไป

 

 

อย่างไรก็ตามอีกฟากของคุณปู่ฟ่าน ประธานฟ่านนั่งอยู่ข้างๆ เขา

 

 

แม้ว่าคุณปู่ฟ่านจะไม่ได้แสดงสีหน้าออกมามากนัก แต่อย่างไรเสียเขาเองก็ถูกถังหนิงต่อว่าในตอนเช้าและยังถูกโม่ถิงท้าทายในตอนค่ำอีก เมื่อควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ประธานฟ่านก็เอ่ยกับเขา “ทำไมปู่ต้องทนด้วยล่ะครับ ใช่ว่าเราเอาชนะพวกเขาไม่ได้สักหน่อย!”

 

 

“แกคิดว่าตัวเองเป็นใครล่ะ คิดว่าโม่ถิงใช้ความรุนแรงในการสร้างไห่รุ่ยขึ้นมาเหรอ ช่วยคิดให้ดีก่อนเถอะ เจ้าโง่ วิธีการของโม่ถิงน่ากลัวกว่าแกเยอะ”

 

 

“ฮึ่ย ผมเองก็อยากลองนี่” ประธานฟ่านคำรามในลำคอ “ถ้าเขาน่ากลัวขนาดนั้นจริง เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงมาอยู่เหนือเขาได้ยังไงกันครับ”

 

 

“มันคือสิ่งที่เรียกว่าการทุ่มเทให้ภรรยาต่างหาก!” ชายสูงวัยไม่ได้เห็นด้วยกับการเอาใจผู้หญิงมากเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้าน

 

 

“อีกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนั้นหรอกครับ ปู่ พักผ่อนเถอะ” ประธานฟ่านกล่าวก่อนเดินออกจากห้องนอนของคนอายุมากกว่าไป

 

 

ถึงภาพลักษณ์ของโม่ถิงจะดูแข็งแกร่งและไม่มีใครกล้าไปลองดีกับเขา ก็ยังเป็นไปได้ที่มันจะเหมือนกับฟองสบู่ที่รอวันแตก ประธานฟ่านจึงอยากจะเห็นว่าโม่ถิงจะมีอำนาจสักเพียงไหนกัน

 

 

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งที่ประธานฟ่านต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะโม่ถิงได้หมดความอดทนกับเขาเสียแล้ว

 

 

กลางดึกที่เงียบสงัด โม่ถิงต่อสายหาลู่เช่อ “ฉันมีบางอย่างให้นายทำเดี๋ยวนี้”

 

 

 

 

ถังหนิงห่างหายไปจากวงการมาพักใหญ่อย่างไม่รู้ตัว…

 

 

ทว่าตอนนี้ศิลปินของจู้ซิงมีเดียทั้งเป็นที่ชื่นชอบและเฉิดฉาย

 

 

ซิงหลานเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด เธอคว้ารางวัลเพลงชั้นนำกลับบ้านไปได้หลายเวทีในรวดเดียว ทั้งยังเป็นเจ้าของเกือบทุกเพลงที่ติดชาร์ต รวมถึงได้รับการเชิญให้ไปแสดงและเขียนเพลงปิดท้ายหนัง ทุกครั้งที่มีคนพูดถึงซิงหลาน นักร้องเสียงทรงพลังในวงการเพลง แทบทุกคนก็จะนึกถึงถังหนิงขึ้นมา

 

 

พร้อมทั้งลัวเซิงและลัวอิงหงค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไปในเส้นทางของตัวเอง ในขณะที่ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้งในวงการภาพยนตร์

 

 

ซย่าหันโม่  ผู้ทรยศ จู้ซิงมีเดียนั่นเอง

 

 

เธอมีชายที่ร่ำรวยคอยหนุนหลังให้กลับมาทำงานแสดงอีกครั้ง แม้ว่าชื่อเสียงของเธอในวงการนี้จะไม่ได้ดีมากนัก ทางผู้จัดก็ยังชอบในตัวเธอเพราะสามารถทำเงินได้มากแม้จะรับบทนักแสดงสมทบเท่านั้น ใครจะไม่ชอบบ้างล่ะ

 

 

บังเอิญที่ในครั้งนี้ซย่าหันโม่ได้เข้ามาร่วมแสดงสมทบในภาพยนตร์เรื่องเดียวกับลัวเซิง

 

 

แต่ลัวเซิงรังเกียจคนหักหลังและแสดงท่าทีไม่พอใจซย่าหันโม่อย่างโจ่งแจ้งกลางงานหลายครั้ง

 

 

ทว่าซย่าหันโม่กลับเข้ามาในวงการราวกับเป็นคนละคนกันเมื่อก่อนที่รู้ไม่ทันคนอื่น

 

 

เธอทั้งแต่งหน้าหนาและสูบบุหรี่ในเวลาส่วนตัว

 

 

ลัวเซิงเห็นเธอเป็นอย่างนั้นอยู่สองครั้ง แต่ทำเพียงมุ่นคิ้วใส่ก่อนเดินจากไปด้วยความรังเกียจ

 

 

ทว่าครั้งล่าสุดที่เขาเห็นเช่นนั้น ซย่าหันโม่ก็สูบบุหรี่ต่อหน้าต่อตาเขา

 

 

“ผมว่าคุณไม่ควรมาแสดงหนังนะ กลับบ้านไปสูบบุหรี่แทนจะดีกว่า ยังไงคุณเองก็มีคนคอยหนุนหลังคุณอยู่ที่บ้านแล้วนี่”

 

 

ทุกคนต่างตกอยู่ในความประหม่า หากแต่ซย่าหันโม่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

 

 

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอได้ละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองไปหมดแล้ว

 

 

“ฉันทำผิดกับถังหนิงเอาไว้ก็สมควรโดนอย่างนี้แล้วล่ะ”

 

 

“คนที่คุณทำผิดด้วยคือหลินเฉี่ยนต่างหาก” ลัวเซิงเอ่ยแก้ “ผมไม่รู้ว่าคุณจะมาซ้อมครั้งนี้ด้วยความคิดยังไงหรอกนะ แต่ผมมั่นใจว่าคุณคงได้ยินแล้วว่าผมเป็นนักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่าโผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีก…”

 

 

“ลัวเซิง เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วไปเถอะ”

 

 

ลัวเซิงแจ้งหลงเจี่ยเรื่องซย่าหันโม่ แต่หลงเจี่ยกลับได้แต่ไหวไหล่อย่างดูถูกดูแคลน “แค่ตั้งใจทำงานของนายให้ดีก็พอ อย่าปล่อยให้คนอื่นมามีผลกระทบกับนายแล้วจับไต๋นายได้ มันไม่คุ้มหรอก”

 

 

“โอเคครับ หลงเจี่ย ผมจะพยายามควบคุมตัวเองให้ได้”

 

 

ลัวเซิงเกลียดการทำงานกับคนที่นิสัยแย่

 

 

ว่าแต่ซย่าหันโม่เป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือ คงไม่ใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นปัญหาที่แท้จริง เธอไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ภาพลักษณ์ภายนอกของเธอจึงยิ่งเป็นการทำให้คนอื่นเหยียบย่ำดูถูกเธอกว่าเดิม

 

 

ไม่นานข่าวที่ลัวเซิงกับซย่าหันโม่ทำงานร่วมกันก็มาถึงหูถังหนิง พอเป็นเรื่องของซย่าหันโม่เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร

 

 

ไม่กี่วันหลังจากนั้น ถังหนิงได้รับบัตรเชิญ

 

 

เธอค่อนข้างแปลกใจที่คนคนนี้ยังจำตัวเองได้

 

 

เป็นบัตรเชิญจากบรรณาธิการของทีคิว หลินเหว่ยเซิน เธอกำลังจะแต่งงาน!

 

 

สิ่งที่มาพร้อมกับบัตรเชิญคือหน้าปดฉบับเดือนตุลาคมที่มีเธอปรากฏอยู่ เมื่อเห็นใบหน้าของตัวเองอยู่บนปก ถังหนิงแทบรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง

 

 

ถึงแม้พวกเขาจะห่างหายกันไปนาน แต่เมื่อก่อนชายคนนี้ก็ได้ช่วยเธอเอาไว้ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจลืมได้ลง

 

 

“ผมได้ยินว่าเป็นการแต่งงานครั้งที่สองแล้วนี่”

 

 

“คุณนี่รู้มากจริงๆ ” ถังหนิงว่าโม่ถิงเข้าให้ “ฉันไม่ได้อยู่ในวงการแฟชั่นมานานแล้วนะคะ…”

 

 

“มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะไปร่วมงานแต่งหรอกเหรอครับ” โม่ถิงหัวเราะพร้อมสวมกอดเธอเอาไว้ อย่างไรเสียครั้งหนึ่งหลินเหว่ยเซินก็ได้ออกมาปกป้องเธอต่อหน้าทุกคน

 

 

ถังหนิงพยักหน้า ทว่าคาดไม่ถึงว่างานนี้จะเกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอ

 

 

ความจริงแล้วเหตุผลที่เขาเชิญถังหนิงไม่ได้เพียงเพราะให้เธอมาเป็นสักขีพยาน แต่ยังรู้ว่าเธอกำลังพยายามสร้างหนังไซไฟเรื่องเยี่ยมอยู่ และเขาบังเอิญมีเพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ จึงคิดแนะนำเขาให้กับถังหนิงเผื่อว่าจะสามารถช่วยเธอได้

 

 

เขาหวังดีกับเธอ แต่น่าเสียดายที่มีคนในวงการเข้าร่วมงานนี้มากเกินไป

 

 

บางครั้งวงการบันเทิงก็ดูเหมือนจะกว้างขวาง หากแต่ในความเป็นจริงนอกจากคนดังหน้าใหม่ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาตลอดเวลา ส่วนใหญ่ทุกคนก็รู้จักกันดี เพราะถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็เจอหน้ากันผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้ง

 

 

และหนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือประธานฟ่าน…

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset