“เธอไม่ต้องรู้เรื่องนี้หรอก” ถังหนิงไม่ได้ต้องการให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องบาดหมางระหว่างเธอกับประธานฟ่าน “ตอนนี้เราเสมอกันแล้วนะ เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว ไหนๆ เธอก็มีคนให้พึ่งพิงแล้ว เธอก็ควรเดินในเส้นทางของตัวเองไป”
ซย่าหันโม่ไม่ได้ตอบรับ ว่ากันตามจริงแล้วเธอเข้าใจความหมายของถังหนิงได้ชัดเจน
ทว่าต่อให้เธอไม่ได้อยู่ในจู้ซิงมีเดียแล้ว เธอก็จะคิดว่าตัวเองเป็นฝั่งเดียวกับพวกเขาตลอดไป
อย่างไรก็ตาม เธอต้องอับอายขายหน้าเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มามากพอแล้ว ด้วยฐานะและสภาพของเธอในตอนนี้ การมีชีวิตอยู่บนโลกก็นับว่าค่อนข้างเปล่าประโยชน์
ดังนั้นหลังจากถังหนิงให้คำตอบเธอ หญิงสาวทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก
ในขณะเดียวกันคนอื่นๆ ในงานกำลังเฝ้ามองพิธีแต่งงาน
ระหว่างนี้ ถังหนิงหันไปมองประธานฟ่านบ่อยครั้ง เธอสงสัยว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก
บางทีเขาอาจจะจัดการกับอดีตภรรยาของเขาไปแล้วหรือเปล่า
พิธีการดำเนินไปได้เพียงสิบนาที หลังจากจบลงก็ถึงเวลาของการโยนช่อดอกไม้ ทว่าถัง
หนิงยังไม่ได้ลงมือทำอะไร เธอตัดสินใจที่จะไม่ทำให้เรื่องใหญ่โตไปมากกว่านี้
ในไม่ช้าหลินเหว่ยเซินก็พาภรรยาของเขามาดื่มอวยพรให้กับแขกร่วมงาน และคนแรกที่เขาเดินมาหาคือถังหนิงกับโม่ถิง
หลินเหว่ยเซินในชุดทักซิโด้สีขาวเดินตรงมาพร้อมแก้วแชมเปญในมือ เมื่อเห็นถังหนิงลุกขึ้นยืนเขาพลันถามเธอทันที “ถังหนิง คุณชอบนักเต้นหรือเปล่าครับ”
“ดูท่าแล้ว บรรณาธิการหลินมีคนมีฝีมือจะแนะนำฉันเหรอคะ”
“จริงๆ แล้วภรรยาของผมที่อยู่ตรงนี้หลงใหลการเต้นมากเลยล่ะครับ แต่ผมหาเอเจนซี่ที่ไว้วางใจไม่ได้ ถึงได้นึกถึงคุณไงครับ” เขาว่าพลางโอบภรรยาของตัวเองเอาไว้ “ผมมั่นใจว่าด้วยความสามารถของจู้ซิงมีเดีย นี่คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร เธอไม่จำเป็นต้องได้เป็นศิลปิน ให้เธออยู่ข้างๆ แล้วเรียนรู้จากคุณก็ได้ครับ”
อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด…
มุมปากถังหนิงยกขึ้น ก่อนหน้านี้หลินเหว่ยเซินเข้าข้างเธออย่างช่วยไม่ได้เพราะอยู่ท่ามกลางฝูงชน และเข้ามาขอให้เธอช่วยเหลือในท้ายที่สุด
ถังหนิงเหลือบตามองฝ่ายเจ้าสาว แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบในตัวอีกฝ่ายมากนัก แต่ก็ยังพยักหน้ารับ “เรื่องนั้นไม่ยากหรอกค่ะ แต่ฉันขอเตือนล่วงหน้าเอาไว้นะคะว่าฉันจะเข้มงวดกับเธอมากๆ เลยล่ะค่ะ”
“ผมไว้ใจคุณครับ” เขารู้ว่าถังหนิงไม่อาจปฏิเสธเขาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังเป็นเพราะเรื่องที่เขาช่วยเธอไว้เมื่อก่อนด้วย
ถังหนิงเกลียดการที่ต้องติดค้างกับคนอื่น เธอจึงทำทุกอย่างที่สามารถตอบแทนพวกเขาได้
“ผมต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณซย่าก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ…” หลังได้รับคำตอบที่พึงพอใจ หลินเหว่ยเซินพยายามเปลี่ยนไปสนใจเรื่องของซย่าหันโม่ “มันคงทำให้คุณไม่สบายใจมาก”
“ฉันต้องไม่สบายใจอยู่แล้วล่ะค่ะ…” ถังหนิงตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “มีคนกล้ามาป่วนอย่างไม่เกรงกลัวขนาดนี้ที่งานแต่งงานของคุณได้ยังไง”
“ฟังดูเหมือนคุณจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนลงมือเลยนะครับ”
ถังหนิงพยักพเยิดคางไปทางประธานฟ่านที่อยู่ไม่ไกลนัก
เมื่อเขามองตามทิศทางไปก็พยักหน้ารับ “ผมได้ยินว่าพวกคุณมีเรื่องกันอยู่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะรุนแรงขนาดนี้ อีกอย่างซย่าหันโม่ก็ไม่ได้อยู่จู้ซิงมีเดียแล้ว ทำไมเขาจะต้องจงใจท้าทายคุณด้วยล่ะครับ”
“เขาพุ่งเป้าไปที่หลินเฉี่ยนเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เหมือนกันค่ะ” ถังหนิงตอบพลางจิบชา “ฉันว่าคงเป็นเพราะเขาทำร้ายฉันไม่ได้ เลยคิดว่าการทำร้ายคนรอบตัวฉันจะได้ผลมั้งคะ”
“ผมจะช่วยคุณจับตามองเขาเองครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ถังหนิงตอบอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหินเล็กน้อย “แต่ว่าฉันมีบางอย่างขอให้คุณช่วยค่ะ”
“หือ”
หลังคุยกันพักหนึ่ง หลินเหว่ยเซินไปหาแขกคนอื่นๆ พร้อมกับภรรยาของเขา ในขณะที่ถังหนิงคอยดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ประธานฟ่านทำร้ายหลินเฉี่ยนด้วยเหรอคะ” ซย่าหันโม่ถาม
แววตาถังหนิงพลันแข็งกร้าวหากแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป
ในไม่ช้าประธานฟ่านก็เดินถือแก้วไวน์ในมือเข้ามาหาถังหนิงและโม่ถิง
ท่าทางของเขาเย่อหยิ่งพร้อมรอยยิ้มฉายแววเยาะเย้ย “คุณสนุกกับเกมอุ่นเครื่องที่เราเล่นกันก่อนหน้านี้หรือเปล่าล่ะครับ”
เมื่อซย่าหันโม่ได้ยินดังนั้น เธอลุกขึ้นยืนและตบหน้าเขาทันที ทว่าประธานฟ่านคว้าข้อมือเธอรั้งไว้ได้อย่างรวดเร็ว “คุณซย่า ระวังสิ่งที่คุณทำด้วยนะครับ คนที่คอยหนุนหลังคุณอยู่เป็นเพื่อนของผม คุณไม่กลัวว่าจะสูญเสียทุกอย่างไปในวันพรุ่งนี้เหรอครับ”
ดูเหมือนว่าคนแบบเดียวกันจะดึงดูดกันสินะ
“ดูท่าแล้ว ประธานฟ่านคงจัดการกับอดีตภรรยาแล้วสินะคะ” ถังหนิงออกปากถาม “และคุณคงไม่กลัวว่าฉันจะรู้ความลับของคุณแล้วสินะ”
“ถังหนิง คุณมันก็แค่ลิงป่าที่ร้ายกาจแค่ภายนอก ทำได้แค่ขู่ฟ่อๆ แต่จริงๆ ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรผม”
“จริงเหรอคะ” เธอมองขณะที่สีหน้าของประธานฟ่านเริ่มขึ้นสีก่อนว่าอย่างเย้ยหยัน “คุณแน่ใจว่าตัวเองไม่อยากดับไฟที่เผาไหม้อยู่ในตัวเองเหรอคะ”
ความแข็งแกร่งของประธานฟ่านเริ่มจางหายไปพร้อมร่างกายที่รู้สึกอ่อนแรง ในจังหวะต่อมาเขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถูกวางยาตั้งแต่เมื่อไรกัน
จนมาถึงจุดนี้ เขาไม่ได้สงสัยในตัวหลินเหว่ยเซินแต่อย่างใด
ประธานฟ่านทรุดตัวลงกับพื้นในเวลาต่อมา ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองพลางร้องโหยหวนอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ สภาพย่ำแย่กว่าซย่าหันโม่ก่อนหน้านี้เสียอีก อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้สวยและหุ่นดีอย่างเธอ การเห็นผู้ชายอย่างเขานอนเปลือยกายอยู่กับพื้นมีแต่จะสร้างความน่าขยะแขยงอุจาดตา
“พระเจ้าเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย”
“นั่นประธานฟ่านไม่ใช่เหรอ เขาเองก็…”
เจ้าของชื่อนอนอยู่บนพื้นด้วยเสื้อผ้าที่ถูกฉีกหลุดลุ่ย ทว่าที่แย่ที่สุดคือเขาเริ่มคว้าตัวผู้หญิงที่ขวางหน้า ก่อนจะขึ้นคร่อมและพยายามขืนใจพวกเธอ
“นี่ ดูสิ มีบางอย่างหล่นมาจากกางเกงของประธานฟ่านล่ะ…”
“นั่นยาที่ถูกพูดถึงก่อนหน้านี้นี่” ผู้คนคาดเดาหลังจากอ่านฉลากยา
“ต้องเป็นยานั้นแน่ๆ …แสดงว่าคนที่วางยาซย่าหันโม่คือประธานฟ่านเหรอ แล้วเขาก็เผลอกินยาของตัวเองเข้าไป ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็น่าขายหน้ามากเลยนะ”
สีหน้าของประธานฟ่านแดงก่ำขณะดิ้นไปมาบนพื้น หลินเหว่ยเซินทนดูไม่ได้ในท้ายที่สุด เขาเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาพาตัวประธานฟ่านออกไปจากงาน
ในตอนนี้เองที่ซย่าหันโม่ก้าวออกมาเอ่ยกับทุกคน “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นฝีมือของประธานฟ่าน เขาอาจไม่ได้ตั้งใจวางยาฉัน และการไล่เขาออกไปก็คงดูไม่ดีนัก ยังไงนี่ก็เป็นงานแต่งงานของบรรณาธิการหลิน บางทีใครสักคนน่าจะเรียกสติเขาด้วยน้ำเย็นๆ สักหน่อยนะคะ”
แขกทุกคนไม่อยากพลาดการแสดงนี้ พวกเขาจึงรีบล้วงโทรศัพท์ออกเก็บภาพไว้ต่อให้มันจะไม่น่ามองนักก็ตาม
หลินเหว่ยเซินคิดว่าซย่าหันโม่พูดมีเหตุผล เขาจึงสั่งให้คนเอาถังน้ำเย็นมา เดิมทีเขากำลังจะสาดน้ำใส่อีกฝ่าย ทว่าซย่าหันโม่กลับเข้ามาคว้าถังน้ำและราดมันบนตัวประธานฟ่าน…
เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจทำ!