หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่จิ่น หลินเฉี่ยนก็พยายามท้วงติง ทว่าเขากลับใช้มือตรึงร่างเธอเอาไว้ “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ สาบานด้วยเกียรติทหารของผมเลย”
เหตุผลที่เธอท้วงขึ้นมาคงเป็นเพราะเรื่องที่เธอผ่านการถูกทำร้ายในอดีตมานับไม่ถ้วน
หากแต่เมื่อสิ้นประโยคของหลี่จิ่นเธอก็เบาใจลงในที่สุด
“พวกเรายังไม่ถึงขั้นนี้กันสักหน่อยค่ะ…”
“ถึงยังไม่ถึงขั้นนี้ แต่เพราะว่าพวกเขาเข้ามายุ่งกับคนที่ผมสนใจ ผมเลยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” พูดจบสุดท้ายเขาก็ปล่อยมือและหันกลับไปขับรถต่อ
หลินเฉี่ยนหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของหลี่จิ่น ชายร่างสูงใหญ่คนนี้ดูเป็นคนเงียบเชียบและเถรตรง คงเป็นเพราะว่าเขาอยู่ในกองทัพ การรักษาคำพูดถึงเป็นหน้าที่โดยสัญชาตญาณของเขา
หลินเฉี่ยนรู้ตัวว่าสถานการณ์ของตัวเองคงไม่อาจแย่ไปได้มากกว่านี้
ดังนั้นทันทีที่เธอคิดถึงเงินสามสิบล้าน เธอจึงไม่นึกโกรธหลี่จิ่นแต่อย่างใด
…
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบ้านตระกูลเฉวียน พ่อบ้านเข้ามาหาเธอทันทีที่เห็นหลินเฉี่ยน “คุณหนูรอง ทำไมถึงกลับมาเหรอครับ”
สิ้นประโยค เขาก็เหลือบมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเธอ
“คุณชายกับคุณนายเฉวียนอยู่บ้านหรือเปล่าคะ” หลินเฉี่ยนไม่นับว่าพวกเขาเป็นแม่และพ่อของตัวเองอีกต่อไปเพราะมันไม่จำเป็นอีกแล้ว
“คุณผู้หญิงไม่อยู่บ้านครับ แต่…”
“ดีเลยค่ะ” จากนั้นเธอส่งสัญญาณให้หลี่จิ่นมายืนอยู่ข้างๆ เธอ ก่อนทั้งสองคนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปด้านในก็เห็นว่าตระกูลเฉวียนกำลังรับแขกอยู่
ครั้นคุณนายเฉวียนเห็นว่าหลินเฉี่ยนกลับมาพร้อมทั้งพาผู้ชายมาด้วย เธอก็ออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เธอเข้าไปขวางอีกฝ่ายเอาไว้หน้าประตูและเอ่ยถาม “เธอมาทำอะไรที่นี่ เข้าใจเลือกวันดีนะ พ่อบ้านบอกเธอเหรอว่าคู่หมั้นของจื่อเหยี่ยจะมาหาวันนี้
“ฉันจะเตือนเธอไว้เลยนะ นังหน้าด้าน อย่าริอาจมาทำลายจื่อเหยี่ยอีก”
หลินเฉี่ยนไม่ได้พูดอะไรออกมา ทั้งยังไม่ทันสังเกตว่าหลี่จิ่นหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาซ่อนไว้ด้านหลังเธอและบันทึกการสนทนาทั้งหมดเอาไว้ “คุณนายเฉวียน พูดจาแบบนี้ เราคงให้เงินสามสิบล้านกับคุณไม่ได้หรอกครับ”
“เพื่อนน่าสมเพชคนนี้มาจากไหนกันล่ะ” คุณนายเฉวียนกล่าวเย้ยหยัน “ฉันกำลังสั่งสอนบทเรียนให้ลูกสาวของฉันอยู่ ไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอ”
“คุณนายเฉวียนรับแขกของคุณก่อนก็ได้ครับ เราคุยธุระเรื่องของเรากันทีหลังได้”
พูดจบหลี่จิ่นก็พาหลินเฉี่ยนออกมาที่สวนที่ซึ่งพวกเขาทิ้งตัวนั่งลง
เป็นจังหวะที่คุณนายเฉวียนไม่รู้ว่าจะจัดการกับหลินเฉี่ยนอย่างไร เธอไม่มีทางเลือกนอกจากกลับไปที่ห้องนั่งเล่น
หลินเฉี่ยนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย อันที่จริงเธออยากจะกลับออกไปจากบ้านด้วยกัน หากแต่หลี่จิ่นกลับยังนั่งหลังตรงด้วยท่าทีแข็งขันอย่างกับกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในค่ายทหาร
“ฉันอยากกลับแล้วค่ะ”
“คุณไม่ได้ขโมยหรือแย่งอะไรไป ทำไมต้องรู้สึกแย่ด้วย คุณไม่สมควรที่จะต้องรู้สึกแบบนั้นเลยครับ” หลี่จิ่นท้วงขึ้น
“หลี่จิ่น!”
“เดี๋ยวผมจะจัดการเองครับ” หลี่จิ่นตอบ
เธอถอนหายใจ ไม่ต้องการให้หลี่จิ่นต้องอับอายขายหน้าที่อยู่ข้างเธอ แม้จะผ่อนคลายลงหลังจากเห็นว่าเขาไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเธอเองเข้าใจคุณนายเฉวียนดี เห็นๆ กันอยู่ว่าเธอเข้ามารั้งพวกเขาไม่ให้เข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างถึงที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
“คุณหิวหรือเปล่าครับ”
“คุณคิดเรื่องหิวในเวลาอย่างนี้ได้ยังไงกันเนี่ย”
หลี่จิ่นไม่ตอบเช่นเดียวกับท่าทีที่ไม่ได้เปลี่ยนไป ทำเพียงหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรออก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายสองคนในเครื่องแบบทหารก็ปรากฏตัวหน้าบ้านพร้อมส่งติ่มซำสำหรับหลี่จิ่นและหลินเฉี่ยนให้ต่อหน้าต่อตาพ่อบ้าน
พ่อบ้านถึงกับตกตะลึง ในตอนนี้เองที่เขาสังเกตเห็นว่าผู้ชายที่มากับหลินเฉี่ยนดูท่าทางมีฐานะและน่าเกรงขาม ตัวตนของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
คุณนายเฉวียนได้ยินว่ามีอะไรเกิดขึ้นด้านนอก และทันเห็นนายทหารสองคนที่กำลังจากไป
แม้ว่าเธอจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลี่จิ่นดูเหมือนจะเป็นผู้บัญชาการทหาร
“พวกเขา…”
“พวกเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผมครับ” หลี่จิ่นเอ่ยแจงเสียงเรียบขณะที่ยกถ้วยชาขึ้นจ่อริมฝีปาก
ความจริงแล้ว ทั้งหมดที่เธอรู้ก็คือหลี่จิ่นเป็นทหาร แต่ไม่รู้ว่าเขาตำแหน่งใดหรือถือยศอะไร
“กินสิครับ ถือว่าเป็นช่วงพักดื่มน้ำชาแล้วกันครับ”
ในขณะเดียวกันคุณนายเฉวียนเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีเล็กน้อยพร้อมความสงสัยที่อัดแน่นอยู่ในอก เธอจึงตัดสินใจเรียกหลินเฉี่ยนและหลี่จิ่นมาที่ห้องนั่งเล่น เพื่อให้พวกเขาได้เห็นว่าผู้หญิงที่เธอเลือกให้เฉวียนจื่อเยี่ยนั้นเพียบพร้อมขนาดไหน เธอหมายมาดไว้ในใจว่าจะทำให้พวกเขาอับอาย
ดังนั้นในขณะที่พ่อบ้านกำลังรับแขก เธอก้าวออกมาในสวน กอดอกและเอ่ยกับคนทั้งสอง “เข้ามาสิ”
ทว่าหลี่จิ่นยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
คุณนายเฉวียนหันกลับไปมองทั้งสองพลางมุ่นคิ้วเข้าด้วยกัน
“ทำไมถึงไม่ตามมาล่ะ”
“คุณมั่นใจว่าอยากให้ผมเข้าไปด้านในเหรอครับ” หลี่จิ่นว่าขึ้น
“คุณจะให้ฉันอุ้มคุณเข้าไปหรือยังไง”
พูดจบคุณนายเฉวียนก็เดินตรงเข้าไปด้านในห้องนั่งเล่น ทว่าขณะที่เธอเริ่มพูดถึงหลินเฉี่ยนต่อหน้าแขกของเธอ ท่าทางของเธอก็ดูไม่ดีนัก
หลังจากนั้น หลี่จิ่นก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับหลินเฉี่ยน ในจังหวะที่คุณนายเฉวียนกำลังจะแนะนำหลินเฉี่ยนให้กับพ่อแม่ว่าที่ภรรยาลูกชายและให้เธอได้สัมผัสคนจากชนชั้นสูง พลันแขกของเธอก็ลุกขึ้นทำความเคารพทันที
“สวัสดีครับ นายพลหลี่”
“ดีใจที่ได้เจอคุณที่นี่นะ”
คุณนายเฉวียนนิ่งค้างไป…
เธอนึกไม่ถึงว่าชายที่มากับหลินเฉี่ยนแท้จริงแล้วจะเป็นนายพล อยู่ๆ พ่อแม่ว่าที่ภรรยาลูกชายของเธอก็ดูกลายเป็นคนประจบสอพลอไปเสียอย่างนั้น
หลี่จิ่นเดินเข้ามาพร้อมหลินเฉี่ยนและทิ้งตัวนั่งลง จากนั้นจึงเอ่ยกับคนที่อยู่ในห้อง “คุยกันต่อเถอะครับ เรามาที่นี่เพื่อสะสางเรื่องส่วนตัว เฉี่ยนเฉี่ยน ห้องของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ”
น้ำเสียงที่หลี่จิ่นใช้เรียกเธอว่า เฉี่ยนเฉี่ยน ฟังดูรื่นหูและเป็นธรรมชาติ จนทำให้หลินเฉี่ยนชะงักไปชั่วขณะก่อนจะได้สติ “ฉันไม่มีห้องที่นี่หรอกค่ะ…”
เท่าที่เธอรู้ คุณนายเฉวียนเปลี่ยนห้องของเธอให้กลายเป็นห้องแม่บ้านไปแล้ว
“แล้วข้าวของของเธอล่ะ คงต้องยังอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
หลินเฉี่ยนส่ายหน้า ท่าทางพวกเขาคงโยนออกไปทิ้งแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งดีสิ!” หลี่จิ่นเมินเฉยใส่ทุกคนในห้อง ความเย็นชาที่แผ่รังสีออกมาจากตัวเขาพาให้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้ คุณนายเฉวียนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลินเฉี่ยนได้พาคนที่น่ายำเกรงอย่างมากมาที่บ้าน
หลังจากรู้ว่านายพลมาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องส่วนตัว แขกก็ไม่กล้าทำให้เขาต้องรอ ทั้งครอบครัวจึงรีบบอกลาสั้นๆ และจากไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้คุณนายเฉวียนตกอยู่ในอาการหวาดระแวงไม่น้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
“นายพลหลี่ ฉันต้องขออภัยที่ทำเกินกว่าเหตุไปด้วยนะคะ ฉันไม่ได้ทำไปด้วยความตั้งใจค่ะ”
“ผมมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องเงินสามสิบล้านครับ จำนวนเงินที่คุณเรียกร้องมันมากเกินไป” หลี่จิ่นไม่อยากจะพูดให้มากความขณะที่โยนบัตรลงไปบนโต๊ะ
น้ำเสียงเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตร แต่กลับฟังดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“คือว่าเรื่องนี้…” คุณนายเฉวียนสติแตกจนถึงกับเหงื่อตก
“ผมได้ประเมินค่าใช้จ่ายตลอดหลายปีนี้ทั้งหมดของหลินเฉี่ยนแล้ว นี่เป็นเช็คจำนวนสามล้านหยวนผมหวังว่าจากนี้ไปเธอจะตัดขาดจากพวกคุณได้สักทีนะครับ” เขาเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม
“นี่มัน…”
“ตอนนี้หลินเฉี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่แล้ว และเราก็ไม่ชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องและคนทรามๆ ด้วย คงจะเป็นการดีที่สุดที่เราจะสะสางทุกเรื่องให้จบซะเดี๋ยวนี้ในตอนที่ผมยังใจดีอยู่”
คุณนายเฉวียนไม่กล้าสบตาหลี่จิ่นด้วยสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามที่แข็งแกร่งของเขา
“ถ้าคุณไม่พูดอะไร ผมจะถือว่าคุณตกลงนะครับ”