ท่ามกลางสนามหญ้าอันเงียบสงบในปักกิ่ง ภายในบ้านสวนอันเป็นเอกลักษณ์ ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าแล็ปท็อป อ่านข้อมูลของถังหนิงอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ผู้จัดการของเขาที่กำลังช่วยเขาเก็บของยืนอยู่ด้านหลัง เธอถามขึ้นขณะที่เดินผ่าน “ทำไมอยู่ๆ ถึงสนใจถังหนิงขึ้นมาล่ะคะ”
“ตอนนี้เธอออกจากจู้ซิงมีเดียและไห่รุ่ยแล้ว คิดว่าเธอจะไปไหนล่ะ”
ผู้จัดการถือเอกสารปึกใหญ่เอาไว้พลางเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเขา “คุณป่วยหรือเปล่าคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณถามถึงผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยนะ”
“แต่ฉันสนใจผู้หญิงคนนี้…”
“ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ เธอแต่งงานแล้ว และก็กำลังจะคลอดลูกคนที่สามแล้วด้วยนะคะ” เธอหัวเราะ “ถ้าคุณว่างนัก ก็ควรตั้งใจกับผลงานชิ้นล่าสุดแทนนะคะ คุณหันที่รัก”
“คิดว่าเธอจะสนใจคนนามสกุลหันไหม ยังไงแฟนคนแรกของเธอก็ชื่อหันอวี้ฝานนี่”
ผู้จัดการกลอกตามองบนก่อนส่ายหน้า “ฉันว่าเธอคงจะนึกรังเกียจมากกว่านะคะ อีกอย่างถังหนิงก็ต่างกับเรามาก คุณอย่าไปหาเรื่องจะดีกว่าค่ะ สนใจงานล่าสุดของคุณแทนดีกว่านะ”
“เธอนี่พูดมากจังเลย…ช่วยฉันสืบหน่อยว่าตอนนี้ถังหนิงอยู่ที่ไหน”
เธอถึงกับอึ้งไป นี่เขาเอาจริงหรือ เขากำลังวางแผนจะแย่งผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ
ยังไม่ต้องพูดถึงการตัดสินใจของถังหนิง หากมีใครบอกให้เลือกระหว่างเขากับโม่ถิง ทุกคนต่างก็รู้ว่าใครจะชนะ
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องเดือดร้อน ผู้จัดการจึงไม่ทำตามที่เขาขอ ล้อเล่นไปแล้วหรือไง! เขากำลังพยายามจะทำลายครอบครัวแสนสุขของคนอื่น! เธอคงไม่มีทางไปมีส่วนร่วมกับเรื่องผิดศีลธรรมอย่างนี้เด็ดขาด เธอจึงไม่รับฟังสิ่งที่เจ้านายของตัวเองสั่ง
ทว่าหากเขาต้องการรู้ข่าวล่าสุดของถังหนิงจริงๆ มันจะไปยากอะไร
เขาเพียงแค่หาช่างภาพแอบถ่ายสักคนก็รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว
…
ระหว่างที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล ถังหนิงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านบทและคอยตรวจสอบกระบวนการหลังการถ่ายทำของมดราชินี ทั้งยังอ่านข่าวบันเทิงดูความคืบหน้าของจู้ซิงมีเดียเพื่อดูว่าหลงเจี่ยจัดการเรื่องทุกอย่างได้ราบรื่นดีอยู่บ้างเป็นครั้งคราว
ถังหนิงไม่อนุญาตให้คนของจู้ซิงมีเดียมาเยี่ยมเธอ พวกเขาต่างเป็นคนที่มีชื่อเสียง เธอจะให้พวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวเพราะเธอไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอได้ลาวงการชั่วคราว เธอคงจะปล่อยให้คนภายนอกพูดถึงเธอไม่ได้อีก
หากแต่ช่วงนี้ผู้อาวุโสโม่ได้มาเยี่ยมเธอครั้งหนึ่ง
ปู่กับหลานชายพูดคุยกันอย่างมีความสุขเมื่อได้พบหน้ากัน
“ฉันได้ยินเรื่องของเธอผ่านข่าวอยู่ เธอไม่ได้ผิดหรอก เชื่อฉันสิ” ชายสูงวัยในชุดดั้งเดิมนั่งลงก่อนโบกมือไปมา “เมื่อก่อนฉันเองก็เบื่อกับการวางแผนและตบตากันไปมา ฉันถึงได้ส่งต่อธุรกิจให้โม่ถิง เจ้าเด็กแสบนี่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้นักล่ะ”
“คุณปู่คะ ได้ดูหนังไซไฟบ้างไหมคะ”
“โอ้ เธอยังไม่ได้ล้มเลิกอีกเหรอ” เขาชะงักไปเล็กน้อยกับจุดยืนของถังหนิง “ฉันคิดว่าเธอจะยอมแพ้หลังจากที่เฉียวเซินตายแล้วซะอีก”
“ตอนนี้ตลาดในประเทศไม่ค่อยมีหนังไซไฟดีๆ ฉันเลยหวังว่าจะเติมเต็มส่วนนี้และสร้างผลงานชิ้นเอกขึ้นมาให้ได้น่ะค่ะ”
เขามองสำรวจถังหนิงก่อนหยุดสายตาที่หน้าท้องของเธอ “ตอนนี้เธอท้องอยู่ อย่าหักโหมมากเกินไปเลย แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะช่วยเธออย่างแน่นอน ฉันจะลองดูว่ามีใครที่มีความสามารถในด้านนี้ให้แล้วกันนะ”
“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้ารับ
“ตอนนี้ฉันมาคิดๆ ดูแล้ว เธอก็พูดถูกนะ มีบริษัทข้ามชาติหลายแห่งที่เติบโตไปมากกว่าเรา ถ้าไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้เลยมันจะน่าอายขนาดไหนกัน”
หลังจากเหลือบมองถังหนิงครั้งหนึ่ง ชายสูงวัยก็จากไปด้วยท่าทีสบายๆ
ดูเหมือนว่าเขาจะดูสุขุมอย่างนั้นตลอดเวลา
ถังหนิงระบายยิ้ม ทันใดนั้นเองก็รู้สึกหนักศีรษะ หัวใจเต้นระรัวพร้อมกับเสียงที่ดังก้องในหู… ก่อนจะหมดสติในจังหวะต่อมา
…
โม่ถิงได้รับโทรศัพท์จากถังอี้เฉินในขณะที่อยู่กลางห้องประชุม เมื่อเห็นชื่อของปลายสาย เขายกเลิกประชุมและออกไปจากบริษัททันที
ไม่มีใครสามารถขัดขวางเวลาที่โม่ถิงทำบางอย่างได้ ทว่าถังหนิงเป็นข้อยกเว้นเพราะเธอคือคนสำคัญที่สุดของเขา
ถังอี้เฉินโทรบอกเขาว่าถังหนิงหมดสติไป
โม่ถิงรีบปิดการประชุมและขับรถมุ่งหน้ามาโรงพยาบาล
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ได้เป็นอันตรายแล้วล่ะ” ถังหนิงอี้เฉินตอบ
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดปกติกับร่างกายเธอเหรอ”
“อาการของความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์น่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีอาการแบบนี้” ถังอี้เฉินบอกกลับ “อาการนี้เป็นทั้งอาการที่รุนแรงและไม่รุนแรงได้ในเวลาเดียวกัน ถ้ามันรุนแรงขึ้นมา…ทั้งแม่และลูกอาจจะตายไปพร้อมกัน”
“รักษาได้ยังไงบ้าง” โม่ถิงขมวดคิ้วมุ่น “เธอได้รับสารอาหารครบถ้วนตามสั่ง แล้วยังคอยระวังการกินระหว่างที่ตั้งท้องด้วย”
“ฉันรู้ แต่ระหว่างการตั้งครรภ์มักจะมีอาการพวกนี้เกิดขึ้นกับแม่เด็กอยู่แล้ว แต่ละคนก็มีอาการต่างกันไป ควบคุมไม่ได้หรอก… และนักวิทยาศาสตร์เองก็พยายามหาสาเหตุกันอยู่ แม้ว่าฉันจะรับปากว่าจะช่วยให้เธอได้คลอดตามกำหนดไว้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่เธอจะต้องคลอดก่อนกำหนด ซึ่งฉันคิดว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเธอกับลูก
“ฉันเองไม่เคยคิดอยากตบหน้าตัวเองอย่างนี้มาก่อนเลย
“มีทางไหนพอจะบรรเทาอาการได้ไหม” โม่ถิงถามหลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
ตอนนั้นเองที่เขาไม่ใช่โม่ถิงผู้โหดเหี้ยมที่ทุกคนรู้จักอีกต่อไป แต่เป็นสามีที่โทษตัวเองและพ่อที่อับจนหนทาง
“ฉันกลัวว่าจะเห็นเธอเจ็บ…”
ถังหนิงอี้เฉินสบตาโม่ถิงและพลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา
ชายคนนี้รักภรรยาจนแสดงท่าทีขอร้องขนาดนี้มากเพียงไหนกัน
เธอชะงักไปชั่วขณะก่อนตอบ “ตอนนี้ทางเลือกในการรักษาก้าวหน้าไปมากแล้ว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ แม้ลูกของคุณจะยังไม่ถึงแปดเดือนดี เราก็รับรองได้ว่าเธอจะปลอดภัยค่ะ
“แต่ว่า…การคลอดก่อนกำหนดก็อาจจะมีผลกับตัวเด็กบ้าง ก็มีความเป็นไปได้อยู่ คุณต้องเตรียมใจเอาไว้สักหน่อยนะคะ”
“การเตรียมใจมันไม่จำเป็นหรอก ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าถังหนิงแล้ว”
การตั้งครรภ์ของถังหนิงไม่ได้ราบรื่นนัก ต่อให้เธอคลอดเจ้าตัวแสบสองคนออกมาแล้ว มันก็ยังคงไม่ง่ายดายนัก
หากแต่บางครั้งการคลอดลูกก็เหมือนการเล่นพนันกับความตายของผู้หญิง
“พอถังหนิงฟื้นแล้ว คุณพูดเรื่องนี้กับเธอก็ได้ค่ะ… ยังไงเธอก็ต้องยอมตกลงก่อน”
โม่ถิงกุมมือถังหนิงไว้และพยักหน้าให้ ก่อนถังหนิงจะฟื้นขึ้นมาหลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทีของโม่ถิงก็บอกได้ว่าเธอคงทำให้เขากลัวอีกแล้ว
ถังหนิงสบตาโม่ถิงและส่งยิ้มให้ “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ สุดท้ายฉันก็ฟื้นขึ้นมาไม่ใช่เหรอคะ”
โม่ถิงรั้งกายเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างโหยหา “ถ้าผมรู้ว่าการมีลูกหมายถึงการที่ต้องแลกกับสุขภาพของคุณ ผมคงจะไม่อยากมีแม้แต่คนเดียว”
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ถังอี้เฉินบอกว่าคุณมีอาการของความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ คุณเลย…ต้องคลอดก่อนกำหนดครับ”