ถังอี้เฉินออกอาการฮึดฮัดออกมา เธอปิดแล็ปท็อปตรงหน้าก่อนเดินออกจากห้องไปโดยไม่ให้หันมามองหน้าลู่กวงหลี
ลู่กวงหลีมองถังอี้เฉินจากไปอย่างอึ้งๆ ก่อนจะตามเธอไปในจังหวะต่อมาและเอ่ย “เธอจะช่วยน้องสาวของเธอก็เรื่องของเธอสิ แต่อย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้อง”
“ข้อแรกเลยนะ ลูกสาวผู้อำนวยการชวนคุณไปค่ายพักแรมด้วยกันแต่คุณก็ไม่ไปเอง นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของฉันเหมือนกัน สอง อาจารย์หมอเป็นคนพูดกับฉันเพราะเธอต้องการรู้จุดยืนของฉัน แล้วฉันก็ไม่คิดว่าการที่ฉันตอบไปอย่างนั้นจะเป็นปัญหาอะไรเลย คุณคิดว่าฉันอยากเอาคุณเข้าเกี่ยวข้องหรือยังไงกัน
ถังอี้เฉินว่าสำทับอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันรู้ว่าคุณเคยชินกับการทำตัวเย็นชาและก็ไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่บ้านมากนัก คุณเลยไม่เข้าใจความเป็นห่วงว่าคนที่รักจะทนทรมานแค่ไหน ฉันจะไม่โทษคุณหรอก”
“ถังอี้เฉิน ลองพูดอย่างนั้นอีกทีสิ!”
“ฉันยินดีจะพูดอีกหลายๆ ครั้งเลยค่ะ ถ้าอยากจะฟังก็ตามสบายเลย” ถังอี้เฉินพูดจบก็ผลักเขาไปด้านข้างก่อนปิดประตูด้านหลังดังลั่น
ลู่กวงหลีดูไม่พอใจนักขณะเดินออกไปเช่นกัน
หลังจากกลับมาถึงบ้านและก้าวเท้าเข้ามาในอาณาเขตของตัวเอง ลู่กวงหลีสัมผัสได้ถึงความสงบในใจ เมื่อนั่งลงครุ่นคิดถึงการกระทำของตัวเอง เขาทำรุนแรงกับถังอี้เฉินเกินไปหรือเปล่า
สิ่งที่เขาทำมันทำให้ขุ่นเคืองใจมากหรืออย่างไร
ด้วยเหตุนี้ลู่กวงหลีจึงโทรหาพี่ชายของตัวเองและเล่าเรื่องของถังอี้เฉินให้ฟัง หลังจากปลายสายได้รู้เรื่องทั้งหมด เขาทำเพียงหัวเราะออกมา “โอ๊ย ได้โปรดเถอะ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงที่นายชอบฉันคงเกลียดนายเข้าไส้เลยล่ะ! นายเลิกแกล้งเธอไม่ได้หรือยังไงกัน”
“ฉันเหรอ แกล้งเธอเนี่ยนะ”
“นายบังคับให้เธอทำงานล่วงเวลา เพิ่มภาระงานให้เธอ แล้วยังไปทำให้เธออับอายและถูกข่มขู่อีก คิดว่ายังไงล่ะ”
ลู่กวงหลีเก็บเอามาครุ่นคิด พวกเขาก็เป็นอย่างนั้นกันมาตลอด อีกทั้งถังอี้เฉินยังเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาทำเช่นนี้ด้วย
ผู้หญิงคนอื่นไม่มีสิทธิ์แม้แต่ได้ใกล้ชิดเขาด้วยซ้ำ
“เอาน่า ไอ้น้อง ฉันจะสอนอะไรบางอย่างให้นายเอง”
…
ถังอี้เฉินโกรธเต็มทีเธอถึงได้ตอบโต้กลับไปรุนแรงขนาดนั้น อย่างไรเสียคงไม่มีใครชอบโดนแกล้งเหมือนอย่างที่ลู่กวงหลีทำกับเธอ เธอจึงไม่อาจทนได้อีกต่อไปแล้ว
ในเมื่อลู่กวงหลีรังเกียจที่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเธอนัก เธอก็จะเลิกไปขอร้องอาจารย์หมอ…
หลังจากถังหนิงรู้เรื่องนี้เข้า เธอไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คุณหนูรองตระกูลถังผู้เก่งกาจโดนกดขี่ข่มเหงถึงเพียงนี้เลยหรือ
เมื่อเธอเห็นหน้าถังอี้เฉินจึงเอ่ยกับอีกฝ่าย “มีเหตุผลจำเป็นที่อาจารย์หมอต้องเป็นคนผ่าตัดให้ฉันด้วยเหรอ”
ถังอี้เฉินอึ้งไปเล็กน้อยอย่างนึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะได้ยินเรื่องของเธอเร็วขนาดนี้จึงบอกกลับ “เธอเป็นคนที่เชี่ยวชาญในด้านนี้คนหนึ่งเลยล่ะ…”
“พูดอีกอย่างคือหมอคนอื่นส่วนใหญ่ก็สามารถผ่าคลอดให้ฉันได้ใช่ไหมล่ะ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องให้เธอช่วยหรอก…” ถังหนิงว่ากับถังอี้เฉิน “ต่อให้เธอจะต้องขอให้เธอช่วยจริง เธอก็เป็นถึงคุณหนูรองตระกูลถังนะ ตามฐานะของเธอแล้ว เธอไม่ใช่คนที่ใครจะมากดขี่ข่มเหงได้ เธอไม่รู้หรือไง”
“ฉันไม่ชอบพูดถึงตัวตนของฉันในโรงพยาบาลน่ะ…”
“ต่อให้เธอไม่ชอบมัน มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี” ถังหนิงตอบ “เธอไม่ต้องใช้มันรังแกคนอื่นก็ได้ แต่จะปล่อยให้คนอื่นมารังแกเธอไม่ได้เหมือนกัน”
“ฉันว่าเธอคงจะทนดูฉันทำตัวขี้ขลาดแบบนี้ไม่ได้สินะ”
ถังหนิงพยักหน้ารับ
“ฉันบอกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ แล้วว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของอาจารย์ หมอคนเดิมก็สามารถทำคลอดได้เหมือนกัน เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้หรอก…”
อย่างไรก็ตามท่าทีของถังหนิงได้ทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนึกสนใจขึ้นมา ยิ่งเมื่อเขาได้ยินว่าลูกสาวของตัวเองพยายามใช้ป้าตัวเองเพื่อจุดประสงค์ส่วนตัว เขายิ่งโกรธจนถึงขั้นตบหน้าเธอทันที
“นี่แกยอมลดตัวเพื่อผู้ชายคนเดียวขนาดนี้เลยเหรอ
“แกได้ไปขอให้ป้าข่มขู่ถังอี้เฉินจริงๆ เหรอ
คิดว่าคนตระกูลถังรังแกได้ง่ายๆ หรือยังไงกัน…
“อีกอย่างแกไม่รู้เหรอว่าคนที่รับการผ่าตัดคือถังหนิง ถ้ายังทำอะไรไม่คิดแบบนี้ก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
หลังจากถูกตบและต่อว่า ลูกสาวผู้อำนวยการโกรธอย่างเห็นได้ชัด หากแต่ใครใช้ให้เธอไปกัดสิ่งที่เธอไม่อาจเคี้ยวได้กันล่ะ
ดังนั้นในเช้าวันถัดมา อาจารย์หมอจึงได้มาปรากฏตัวที่ห้องคนไข้ของถังหนิงด้วยตัวเองเพื่อกล่าวขอโทษ “คุณถัง ฉันไม่ได้พูดกับอี้เฉินด้วยเจตนาแอบแฝงเลยนะคะ ฉันแค่..”
“ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้วล่ะค่ะ อาจารย์หมอ พี่สาวของฉันซื่อบื้อที่ฝ่าฝืนกฎของโรงพยาบาล ฉันต้องขอโทษแทนเธอด้วยแล้วกันนะคะ! ”
ดูผ่านๆ ดูเหมือนถังหนิงจะโทษว่าเป็นความผิดของพี่สาวตัวเอง แต่คนฉลาดคงรู้ได้ว่าจริงๆ แล้วถัง หนิงกำลังล้อเลียนอาจารย์หมอที่ฝ่าฝืนกฎของโรงพยาบาลด้วยการพยายามข่มขู่ถังอี้เฉิน
“ในเมื่อทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันจะเป็นคนที่ดูแลการผ่าตัดของคุณต่อไปนะคะ…”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันเชื่อมั่นในหมอที่ดูแลฉันอยู่ ไม่อยากจะรบกวนอาจารย์หมอหรอกค่ะ” ถังหนิงสวนกลับอย่างเย็นชา
เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คำตอบที่ดีนักจากถังหนิง เธอได้แค่ส่งยิ้มให้และเดินจากไป ในขณะเดียวกันถังหนิงได้แสดงอำนาจเพื่อทำให้ทุกคนในโรงพยาบาลเห็นว่าอย่ามาลองดีกับคนตระกูลถัง
ทว่าในระหว่างนี้ถังอี้เฉินกำลังทำอะไรอยู่กันล่ะ เธอได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชที่รู้จักครั้งที่ยังเรียนแพทย์อยู่ หมอคนนี้เป็นคนจริงใจและไม่มีเล่ห์เหลี่ยม อย่างไรก็ตามเธอได้เปิดโรงพยาบาลของตัวเองและสิ่งอำนวยความสะดวกก็ไม่ได้ดีเท่าโรงพยาบาลทหาร
ถังอี้เฉินหันไปถามถังหนิง “เธอยอมย้ายไปที่นั่นหรือเปล่าล่ะ ฉันอยากทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่าหลานฉันจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย”
“ในเมื่อเธอไว้ใจก็ไม่มีอะไรให้ฉันต้องกังวลหรอก” ถังหนิงตอบ
“ถ้างั้นทุกอย่างก็ง่ายขึ้นเยอะแล้วล่ะ ฉันเตรียมเอกสารลาออกไว้แล้ว ฉันว่าจะย้ายไปประจำที่นั่นน่ะ…” ถังหนิงอี้เฉินเผย “ฉันยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นแต่ก็ไม่เด็กแล้ว ฉันจะอยู่ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอก”
ถังหนิงไม่เข้าใจว่าถังอี้เฉินหมายถึงอะไรเสียทีเดียว ทว่าเธอดูออกว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะปลดปล่อยบางอย่าง
หรือบางทีอาจเป็นบางคน!
ถังอี้เฉินไปยื่นเอกสารลาออกกับผู้อำนวยการหลังจากนั้นไม่นาน หากแค่เธอกลับได้ยินเสียงลูกสาวของเขาโวยวายกับพ่อของเจ้าตัว
“พ่อคะ พ่อก็ตบหนูแล้วก็ไม่ควรจะมาโมโหอะไรหนูอีกแล้วไม่ใช่เหรอคะ อีกอย่างป้าก็ไปขอโทษถังหนิงแล้วด้วย มันไม่ใช่ความผิดของเธอที่ถังหนิงไม่สำนึกเลยนะคะ แล้วโรงพยาบาลก็ทุ่มเทกับการฝึกฝนถังอี้เฉินไปมาก จะผิดอะไรที่จะให้หนูมีโอกาสสักครั้งบ้างล่ะคะ”
เลขาผู้อำนวยการได้ยินบทสนทนาทั้งหมดขณะที่มองหน้าถังอี้เฉินอย่างประหม่า
ถังหนิงอี้เฉินส่งยิ้มให้และส่ายหน้าก่อนเคาะประตูห้องทำงานที่แง้มไว้อยู่ “ขออนุญาตเข้าไปนะคะ”
“โอ้ อี้เฉิน เข้ามาสิ”
เมื่อได้รับอนุญาต เธอเดินเข้ามาด้านในก่อนวางเอกสารลาออกลงบนโต๊ะของผู้อำนวยการ
“นี่คือ…”
“ฉันคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะที่จะอยู่ที่โรงพยาบาลทหารต่อไปแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับการดูแลและเป็นห่วงที่มีให้มาตลอดนะคะ”
“อี้เฉิน เป็นเพราะเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดก่อนหน้านี้เหรอ” เขาพลันถามขึ้น “เธอเห็นว่าฉันเป็นคนที่แยกแยะถูกผิดไม่ได้เหรอ เธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยเข้าข้างลูกสาวของตัวเอง”
ได้ยินดังนั้น ถังอี้เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองลูกสาวของเขา ก่อนว่าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหยียด “ผู้อำนวยการคะ ฉันไม่ได้เป็นแค่หมอนะคะ ฉันยังเป็นคุณหนูรองตระกูลถังอีกด้วย ถ้าคนมีคนในครอบครัวของฉันต้องการความช่วยเหลือฉันจะทำทุกทางเพื่อเขาให้ถึงที่สุดค่ะ”