“ไม่ว่าใครจะเลียนแบบเธอแค่ไหนก็ไม่ได้สำคัญสักหน่อย เธอก็เป็นตำนานอยู่แล้วนี่ครับ พวกเขาก็แค่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปอย่างนั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องโกรธขนาดนั้นเลยครับ”
เมื่อหลงเจี่ยคิดตามก็ถูกตามที่หันซิวเช่อว่า
“คุณไม่มั่นใจในตัวถังหนิงเหรอครับ
“ถังหนิงมีลูกสาวและลูกชายอีกสองคน ตอนนี้เธอประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วล่ะครับ ขนาดเธอยังไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลยทำไมคุณต้องเก็บเอามาหงุดหงิดด้วยล่ะ”
หลงเจี่ยได้ยินดังนั้น ก็พลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาจึงมองหน้าหันซิวเช่อก่อนหัวเราะออกมา “นึกไม่ถึงว่านักวาดการ์ตูนอย่างคุณจะปลอบใจคนเก่งขนาดนี้”
เขาขำก่อนบอกกลับ “ผมยังรอให้คุณแนะนำผมให้รู้จักกับถังหนิงอยู่นะครับ ผมสนใจหนังไซไฟของเธอจริงๆ นะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนนี้เธอยังไม่ค่อยสะดวกนักแต่เดี๋ยวคุณก็จะมีโอกาสได้พบเธอเองแหละค่ะ”
เขาไหวไหล่ พอเป็นเรื่องของถังหนิงแล้ว ยิ่งเขาได้เข้าใกล้เธอมากเท่าไรเขาก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น
โดยเฉพาะยามที่เขาก้าวขาออกจากบริษัทจู้ซิงมีเดียในแต่ละวันพร้อมเรื่องของถังหนิงที่ยิ่งได้รู้มากขึ้นเรื่อยๆ เขายิ่งนึกสนใจในตัวเธอ
ส่วนผู้หญิงที่เลียนแบบถังหนิง เขาเพียงแค่คิดว่าพวกเธอที่น่าตลกดี ยิ่งพวกเธอพยายามเลียนแบบมากเท่าไรเขาก็ยิ่งนึกขำในใจ
อย่างไรก็ตามยังเหลือหนทางอีกยาวไกลกว่าที่เขาจะได้พบกับถังหนิงจริงๆ
เขาต้องหาทางที่จะอยู่ในชีวิตเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้…
…
หลังจากการผ่าคลอดผ่านพ้นไปกว่าสามชั่วโมง ในที่สุดถังหนิงก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวออกมา เธอฟื้นขึ้น ในขณะที่ลูกสาวตัวน้อยกำลังนอนอยู่ภายในตู้อบทารก เพราะเธอเกิดก่อนกำหนดด้วยวิธีการผ่าคลอด ระบบภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงเท่ากับเด็กที่เกิดตามธรรมชาติ จึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
เมื่อถังหนิงตื่นมาเห็นโม่ถิง เธอก้มมองหน้าท้องที่แบนราบลงของตัวเองก่อนเอ่ย “ลูกของเราล่ะคะ คุณเห็นหน้าเธอหรือยัง”
“เธอไม่เป็นไรครับ ตอนนี้หมอกำลังตรวจร่างกายเธออยู่” โม่ถิงตอบขณะกุมมือเธอไว้ “ถ้าคุณยังเพลียอยู่ก็หลับตานอนพักสักหน่อยเถอะครับ”
ถังหนิงส่ายหน้า “วันนี้ฉันหลับมามากพอแล้วค่ะ”
“หลงเจี่ยกับคนอื่นๆ อยากมาเยี่ยมคุณ แต่ผมบอกให้มาคราวหลัง”
“ถิงคะ…ฉันอยากกลับบ้านค่ะ” ถังหนิงว่าขึ้นอย่างอ่อนแรง
“คุณยังกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้ครับ แต่ผมสัญญาว่าคุณจะไม่ต้องเจ็บตัวเพราะคลอดลูกอีกแล้ว” โม่ถิงยืนกราน “ลูกแค่สามคนก็พอแล้วล่ะครับ”
ถังหนิงได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะคิกคักพร้อมแววตาอ่อนโยน “ฉันอยากมีลูกมากกว่านี้ค่ะ จะได้มีชีวิตชีวาและพวกเขาจะได้อยู่เป็นเพื่อนกันจะได้ไม่เหงาไงคะ”
โม่ถิงไม่ได้พูดอะไรออกมาพลางยืดตัวรั้งถังหนิงเข้ามาในอ้อมกอด “ต่อไปนี้ถ้าคุณอยากทำอะไรก็ลงมือได้เลยนะครับ ผมจะไม่อยากจะห้ามคุณอย่างนี้อีกแล้ว”
“นี่มันไม่ได้เรียกว่าการห้ามสักหน่อยค่ะ…”
ระหว่างที่ทั้งคู่กอดกันอยู่ ถังอี้เฉินเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นภาพคู่รักหวานชื่นเธอก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “เธออย่าเพิ่งขยับตัวมากจะดีกว่านะ ยังไงเธอเองก็เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ พักสักหน่อยเถอะ”
“ลูกเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เชื่อใจฉันหรือไง ทุกอย่างปกติดี” ถังอี้เฉินตอบ “ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือการพักฟื้น ลูกของเธอมีคนมากมายคอยดูแลให้แล้วล่ะ”
“พี่ ขอบคุณนะ” ถังหนิงกล่าวขอบคุณจากใจจริง “ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่สบายใจอย่างนี้”
“พอแล้วน่า เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ ไม่ต้องเกรงใจฉันขนาดนี้ก็ได้…ฉันแค่มาบอกเธอว่าลูกของเธอสบายดีเท่านั้น พักผ่อนเถอะ จะได้กลับไปทำในสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ได้สักที…”
พูดจบถังอี้เฉินก็เดินออกจากห้องไป เดิมทีเธอคิดไว้ว่าจะไปพักผ่อนสักหน่อยหลังจากจัดการเรื่องของถังหนิงเสร็จแล้ว ทว่าในจังหวะที่เธอก้าวออกมาจากห้อง ลู่กวงหลีกก็มาลากตัวเธอไป
“คุณจะทำอะไรน่ะ” ถังอี้เฉินตะโกนด้วยความตกใจ
จูบจากคราวก่อนทำให้เธอหวาดระแวงอยู่ไม่น้อย
“ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้ตัวตอนนี้เธอเป็นของฉันแล้วนะ” เขาปล่ยถังอี้เฉินและยกมือกอดอกขณะที่มองเธอราวกับนักล่าที่จับจ้องเหยื่อของตัวเองอยู่
“ลู่กวงหลี ถ้าคุณจะมาล้อเล่นกันก็ไปหาคนอื่นซะเถอะ ฉันไม่อยากจะโดนคุณปั่นหัวอีกต่อไปแล้ว” ถังอี้เฉินสวนกลับอย่างเอือมระอา “คุณจะแกล้งหลอกอะไรฉันอีกล่ะ”
เขาโน้มตัวเข้ามากดจูบที่ริมฝีปากของเธออีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอถึงกับนิ่งค้างไปพลางยกมือปิดปากตัวเอง “ลู่กวงหลี! ”
“ฉันยอมรับว่าการแกล้งเธอมันน่าสนุกดี แต่ครั้งนี้ฉันจริงจังนะ” เขาเอ่ยขณะสบตามองเธอ “เป็นเพื่อนร่วมงานกันมาตั้งหลายปี เธอมองไม่ออกจริงๆ เหรอว่าเธอพิเศษกว่าคนอื่นน่ะ”
“ฉันไม่เคยสังเกตต่างหากเล่า…” ถังอี้เฉินพึมพำ “แต่ฉันมั่นใจว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบถูกแกล้งนักหรอก”
“แต่ฉันชอบแกล้งเธอ แค่เธอเท่านั้น”
ถังอี้เฉินหน้าขึ้นสีระเรื่อ “ลู่กวงหลี คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ นี่ดูไม่ใช่ตัวคุณเลยนะ”
“ยัยโง่ ไม่ว่าจะแกล้งหรือปกป้อง ฉันก็ทำมันแค่กับเธอคนเดียวเท่านั้นแหละ ฉันไม่เคยทำกับคนอื่นสักนิด ดูไม่ออกเหรอว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าฉันรู้สึกยังไงกันแน่” ลู่กวงหลีเอื้อมแขนออกมากอดถังอี้เฉินไว้ “ฉันไม่ได้ต้องการลูกสาวผู้อำนวยการคนไหน ฉันต้องการแค่เธอ
“ไม่งั้นเธอคิดว่าฉันจะอยู่ประจำโรงพยาบาลทหารมานานขนาดนี้ทำไมกันล่ะ ฉันยอมเพราะว่าเธออยากทำต่างหาก ถ้าไม่อย่างนั้นฉันคงจะไปที่อื่นไปแล้วล่ะ
“เธอเป็นคนเดียวที่ซื่อบื้อจนไม่รู้ว่าลึกๆ แล้วฉันไม่ค่อยชอบโรงพยาบาลทหาร ฉันแค่อยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องเธอเท่านั้นแหละ
“เธอคิดว่าการที่เธอเป็นคนอย่างนี้แล้วจะอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้โดยที่ไม่มีใครคอยดูแลเธอได้หรือยังไง
“แต่เธอก็ยังไม่สำนึกบุญคุญจนลาออกเสียเฉยๆ…”
คำพูดเหล่านั้นผ่านเข้าหูถังอี้เฉินพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ…
“แต่ยังไงฉันก็ลาออกมาแล้วนี่ จะให้ฉันทำยังไงเล่า”
“อะไรผ่านไปแล้วก็แล้วไป… ฉันว่าจะกลับไปสอนที่วิทยาลัยแพทย์ เธอจะมาเป็นผู้ช่วยของฉันก็ได้” ลู่กวงหลีตอบ “ฉันจะวางใจก็ต่อเมื่อเธออยู่ข้างๆ ฉันเท่านั้นแหละ…”
“ทำไมไม่ถามว่าฉันเต็มใจหรือเปล่าก่อนล่ะ”
“เธออยู่ข้างฉันมาตั้งหลายปี ต่อให้ฉันจะแกล้งเธอ เธอก็เคยชินกับมันไปแล้ว ไหนๆ ก็เป็นอย่างนั้นแล้วทำไมเธอไม่อยู่กับฉันต่อไปซะเลยล่ะ”
“ฉันว่ามันก็ดูเข้าท่าดีนะ” ถังอี้เฉินว่าขึ้นอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย ความจริงแล้วเธอยอมเขาไปเรียบร้อยแล้ว
“ฉันกำลังวางแผนจะเริ่มทำวิจัยของตัวเอง เธออยากจะเข้ามาช่วยฉันไหมล่ะ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองก่อนตอบพร้อมแก้มแดงระเรื่อเมื่อได้ยินคำถามนี้ “ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง พอเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนี้ฉันก็ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่…”
“รู้แล้วน่า ฉันรู้จักเธอมากกว่าใครนี่” ลู่กวงหลีบอกกลับ
“อีกอย่างฉันก็ทำพลาดอยู่บ่อยๆ ด้วย”
“เรื่องนั้นฉันก็รู้เหมือนกัน”
“แต่ว่าฉันจริงจังกับเรื่องความรักมากนะ ถ้าฉันเริ่มต้นกับใครสักคนแล้วก็ไม่อยากให้มันจบลง และไม่อยากโดนทำเหมือนของเล่นด้วย ถ้าคุณจะมาแค่ทำเล่นๆ ละก็…”