“โอ้ คุณคงเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ สามีฉันคอยตามสืบเรื่องของทุกคนที่ฉันต้องเจอต่างหากล่ะคะ” ถังหนิงตอบเสียงเรียบ
หันซิวเช่อพิงตัวกับชั้นหนังสือก่อนสูดหายใจลึกอย่างจนปัญญา “ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งก็ใช้ไม่ได้ผลกับคุณเลยสินะครับ”
“หมายความว่าต่อไปนี้คุณจะอยู่ให้ห่างจากฉันใช่ไหมคะ” ถังหนิงถาม “คุณอาจจะอยากเสียเวลาแต่ไม่ใช่สำหรับฉันค่ะ”
หันซิวเช่อหมดหนทางจะจัดการกับถังหนิง เขาจึงได้แต่ก้าวออกไปอย่างไม่พอใจนัก
อย่างไรก็ตามเขาอยากจะเห็นถังหนิงในหลากหลายอิริยาบถจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเธอตอกกลับคนภายนอก เสน่ห์ของเธอช่างแตกต่างกับผู้หญิงทั่วไป
เธอเป็นคนที่น่าประทับใจเหลือเกิน
หลังจากออกมาจากห้องสมุด ถังหนิงเห็นว่าทุกคนมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ แต่เธอคาดการณ์ไว้แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง
“พวกเธอรู้หรือเปล่าว่านั่งนั่นทำให้บางคนต้องตายไปน่ะ”
“เธอต้องมาที่นี่เพราะทนอยู่ที่จีนไม่ได้อีกแล้วแน่ๆ ”
“น่าขยะแขยงจริงๆ ! อังกฤษไม่ควรปล่อยให้คนอย่างนี้เข้าประเทศมาได้เลย! ”
“อึ้งไปเลย! ผู้หญิงจีนนี่ร้ายกาจจริงๆ ! ”
ผู้คนต่างชี้ไม้ชี้มือประณามเธอในทุกที่ที่ถังหนิงไป มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็วเพราะเธอคงไม่อาจปิดบังตัวตนของเธอไปได้ตลอด
ถังหนิงจึงทำเพียงทำเมินเฉยใส่พวกเขา อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว
ทว่าผู้คนเริ่มเหิมเกริมขึ้นโดยการประกาศเรื่องของถังหนิงบนกระดานข่าวของวิทยาลัย
ทั้งกระดานเต็มไปด้วยหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ของปักกิ่งที่เกี่ยวข้องกับเธอ
“เธอแค่มาที่อังกฤษหลังจากที่ทนอยู่ที่ปักกิ่งไม่ได้แล้ว ประเทศของเราเป็นค่ายผู้ลี้ภัยหรือยังไงกัน”
“เฮ้ นังนี่ กลับประเทศเส็งเคร็งของเธอไปซะ! ”
ถังหนิงไม่สะทกสะท้านกับคำพูดรุนแรงเหล่านี้ บางคนยังพยายามเข้ามาทำร้ายเธอด้วยซ้ำ แต่ก็ถอยร่นหนีกลับไปด้วยความกลัวเพราะบอดีการ์ดที่ตามประกบเธอ
ท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงขนาดนี้ ถังหนิงก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ทางด้านปักกิ่งได้รับข่าวว่าถังหนิงทนอยู่ที่จีนไม่ได้จนต้องหนีความอับอายไปต่างประเทศ
หนังสือพิมพ์และนิตยสารทุกฉบับเต็มไปด้วยข่าวที่เธอถูกเปิดโปงบนกระดานข่าวของวิทยาลัย
เมื่อหลงเจี่ยเห็นเข้าก็โกรธมากจนตบโต๊ะลั่นก่อนลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่ง “พวกสื่อจะทำเกินไปแล้วนะ! ”
หลินเฉี่ยนเองเห็นข่าวเช่นกันเธอจึงเข้ามาปลอบ “ถึงมันจะน่ารำคาญแต่ตอนนี้เราก็ต้องทนเอาไว้นะคะ ยังไงตอนนี้พี่หนิงก็อยู่ที่ต่างประเทศ”
“ฉันทนมามากพอแล้ว! ยัยถังหนิงตัวปลอมก็ข้ามหน้าข้ามตาถังหนิงไป ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างเธอจะวางแผนมาแทนที่หรือเปล่าล่ะ”
“แม้แต่ประธานโม่ยังไม่รีบร้อนเลยนะคะ ทำไมคุณถึงกังวลขนาดนั้นล่ะ” หลินเฉี่ยนถาม “ประธานโม่เองก็ไปๆ มาๆ ระหว่างสองประเทศ เขาน่าจะรู้เรื่องดีกว่าใครๆ ว่าตอนนี้ถังหนิงเป็นยังไงบ้าง ในเมื่อเขายังไม่ได้ลงมือ เราเองก็ควรรอนะคะ”
“ฮึ่ย ทำไมชีวิตพวกเราถึงได้มีแต่เรื่องขนาดนี้เนี่ย”
หลินเฉี่ยนเข้าใจว่าหลงเจี่ยรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับถังหนิง แต่ถังหนิงไม่มีทางยอมทนโดนต่อว่าและดูถูกอยู่เงียบๆ แน่
ในขณะเดียวกันทางวิทยาลัยได้ยินเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับถังหนิงและเรียกเธอมาที่สำนักงานใหญ่
“คุณถัง ช่วยอธิบายว่าข่าวลือมาจากไหนได้ไหมครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของทางวิทยาลัย นี่เป็นเรื่องที่คุณต้องชี้แจงกับเรา ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีทางเลือกนอกเสียจากไล่คุณออก”
ถังหนิงมองหนังสือพิมพ์ในมืออาจารย์ใหญ่ก่อนกล่าวอย่างสุภาพ “ท่านคะ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันแล้วคนก็ยังเข้ามาคุกคามความเป็นส่วนตัวของฉันด้วยค่ะ คุณควรจะสืบว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอคะ
“คุณไม่รู้เหรอคะว่าฉันเป็นฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่อ”
อาจารย์ใหญ่ถูจมูกอย่างอึดอัดใจและไม่ได้ตอบกลับ
“อย่างที่คุณเห็นแหละค่ะว่าฉันมีชื่อเสียงมาก แม้ว่าจะไม่ใช่ในด้านดีก็ตาม…แต่ฉันก็ยังได้รับความสนใจไม่น้อย ถ้าทางวิทยาลัยออกมาชี้แจงกับฉันไม่ได้ ฉันคงจะต้องเปิดเผยเรื่องการเหยียดของอาจารย์ในวิทยาลัยเช่นกันค่ะ
“เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะทำทุกวิถีทางต่อให้เราทั้งสองฝ่ายต้องเสื่อมเสียกันก็ตาม”
“คุณ…”
อาจารย์ใหญ่จนปัญญาจะจัดการ เขานึกไม่ถึงว่าถังหนิงจะพูดเก่งขนาดนี้
“ในฐานะผู้ใหญ่ที่โตๆ กันแล้ว ฉันเชื่อมั่นว่าทางวิทยาลัยจะช่วยทวงความยุติธรรมให้ฉันได้นะคะ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องลงมือด้วยตัวเองค่ะ”
อาจารย์ใหญ่ครุ่นคิดถึงทางเลือกของตัวเองก่อนตอบตกลงกับถังหนิงในท้ายที่สุด “ก็ได้ครับ ผมจะออกมาชี้แจงและลบทุกอย่างจากกระดานข่าวของวิทยาลัย แต่คุณต้องระวังการกระทำของตัวเองเอาไว้นะครับ อย่าไปมีเรื่องกับอาจารย์อีก”
“ฉันขอโทษด้วยนะคะ อาจารย์ใหญ่ แต่ฉันเชื่อในการให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ! ”
พูดจบถังหนิงก็ออกไปจากห้อง
บางทีคนมากมายอาจกำลังรอให้ถังหนิงลาออกจากวิทยาลัยอยู่
ด้วยเรื่องตึงเครียดขนาดนี้และสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างรังเกียจ ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะยังลอยหน้าอยู่ได้
ทว่า…ผลที่ออกมากลับอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน
เพราะในเช้าวันต่อมาทุกอย่างในกระดานข่าวของวิทยาลัยกลับหายวับไป
จากนั้นอาจารย์ใหญ่จึงปล่อยประกาศที่ขอให้ทุกคนเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น ใครที่ถูกจับได้ว่าฝ่าฝืนกฎจะถูกไล่ออกทันที
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นพวกเขาก็ก้มหัวให้เธอทันที
หญิงสาวชาวจีนคนนี้จัดการได้ไม่ง่ายเลย
เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจึงทำได้เพียงรอทับถมเมื่อผลการเรียนของเธอออกมา พวกเขาจะแสดงให้เธอเห็นว่าชาวจีนเป็นคนไม่เอาไหนให้ดู
…
ระหว่างทางกลับจากอังกฤษมาที่ปักกิ่ง โม่ถิงได้ยินเรื่องวีรกรรมของถังหนิงที่วิทยาลัย
แน่นอนว่าตั้งแต่ที่เขาเห็นข่าวของถังหนิง เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องตอกกลับไปชุดใหญ่ แค่นึกไม่ถึงว่าเธอจะเข้าไปข่มขู่อาจารย์ใหญ่ตรงๆ อย่างนี้
แต่เธอคือถังหนิง ดูเหมือนไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็ไม่อาจทำตัวให้กลมกลืนกับคนอื่นได้
หลังจากวันนั้นโม่ถิงเห็นถังหนิงอ่านหนังสือ เขาจึงถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณอ่านอะไรอยู่ครับ”
เธอปิดหนังสือก่อนบอกกลับ “ฉันกำลังอ่านประวัติของอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้วก็บทวิเคราะห์กรณีศึกษาอยู่น่ะค่ะ…”
“คุณไม่ได้เรียนเรื่องนี้อยู่นี่”
“ทุกอย่างที่เรียนในหลักสูตรมันอยู่ในขั้นพื้นฐานเกินไปน่ะค่ะ ไม่พอกับที่ฉันอยากรู้” ถังหนิงตอบ “ฉันได้ยินมาก่อนว่าการศึกษาเชิงทฤษฎีไม่ได้ทำให้ได้เรียนรู้มากเท่าไหร่ และทักษะที่แท้จริงจะได้มาจากประสบการณ์ที่อยู่ในกองถ่ายน่ะค่ะ
“ความรู้พื้นฐานพวกนี้เลยไม่ได้ท้าทายสักนิด”
“คุณนึกไม่พอใจกับหลักสูตรแล้วเหรอครับ” โม่ถิงไหวไหล่ “ดูเหมือนว่าคุณจะต้องเรียนรู้จากมืออาชีพมากกว่าวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยการเหยียดแล้วมั้งครับ”
“คุณเพิ่งรู้ตอนนี้เหรอคะ คุณโม่ แต่ยังไงมันก็ไม่ได้เสียเปล่าหรอกค่ะ อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่าคนตะวันตกคิดยังไงกับเรา
“มันยิ่งทำให้ฉันมุ่งมั่นสร้างหนังที่ดีขึ้นไปอีกค่ะ
“โดยเฉพาะหนังไซไฟ! ”
“ดูเหมือนว่าผมจะต้องหาทีมงานที่ดีที่สุดให้คุณแล้วล่ะ…” โม่ถิงหัวเราะ “อย่างนั้นเราไปที่อเมริกากันดีกว่าครับ เดิมทีผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าคุณคงทนได้อย่างน้อยหนึ่งเดือน”