วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1018 การแสดงครั้งแรก

“ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะครับ รุ่นน้องของผมพวกนี้มีความสามารถมากจริงๆ ” หันซิวเช่อตอบ “ผมถึงได้ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณที่คุณเห็นถึงความสามารถของพวกเขาและคอยให้คำแนะนำ”

หลงเจี่ยสบตามองเขาในขณะที่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เป็นสายจากคนที่เธอรู้จักมานาน

“หลงเจี่ยขอบคุณที่เมื่อก่อนคุณช่วยฉันไว้ฉันถึงอยู่รอดในวงการได้ ได้ยินว่าคุณกำลังพยายามดันศิลปินวงใหม่อยู่ฉันเลยติดต่อคุณมาทันทีเลย ตอนนี้มหาวิทยาลัยกำลังจัดงานเทศกาลดนตรีน่ะ ฉันคิดว่าวงของคุณน่าจะไปแสดงที่นั่นนะ

“นักร้องแนวหน้าอย่างฉินฉินก็จะมาร่วมแสดงในเวทีนี้ด้วยนะ คุณเองก็คิดซะว่าเป็นลาภลอยก็ได้…

“คุณคิดว่ายังไงล่ะ”

ในเวลาอย่างนี้คนที่ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือนับได้ว่าเป็นเพื่อนแท้ หลงเจี่ยจึงบอกกลับ “ฉันจะจำสิ่งที่คุณทำเพื่อฉันในวันนี้ตลอดไปนะ”

“คุณจริงจังเกินไปแล้วนะ ฉันแค่รู้สึกว่าถังหนิงจะต้องกลับมาปักกิ่งเลยอยากปูทางให้ตัวเองเท่านั้นแหละ”

หลงเจี่ยเข้าใจว่ามีผลประโยชน์เข้าเกี่ยวข้อง แต่ในเมื่อคนคนนี้เสนอตัวช่วยเธอ เธอก็จะจดจำพวกเขาเอาไว้

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

“โอเค ถ้างั้นก็ตั้งใจกับการฝึกศิลปินหน้าใหม่ของคุณเถอะ”

หันซิวเช่อฟังบทสนทนาทั้งหมดของหลงเจี่ยและมั่นใจว่าเอสเอเจคงจะได้แสดงบนเวทีแจ้งเกิด เขานึกไม่ถึงว่าโอกาสของเขาจะมาถึงเร็วได้ง่ายดายขนาดนี้

อีกไม่นานมันก็จะเกิดขึ้นแล้ว…

หันซิวเช่อคิดส่าอย่างน้อยหลงเจี่ยก็ควรได้มีความสุขกับความสำเร็จของทั้งสี่คนที่เธอปั้นขึ้นมากับมือ

ไม่สิ ว่ากันตามจริง เขารู้สึกว่าเธอควรมีความสุขกับมันในขณะที่ยังมีโอกาสอยู่ต่างหาก…

จากนั้นหลงเจี่ยแจ้งเรื่องที่เธอจัดการให้เอสเอเจได้รู้ก่อนบอกกับพวกเขา “ฉันรู้พวกเธอทำการแสดงมามากในช่วงเปิดเทอม ฉันดูการแสดงบนเวทีแล้วและเห็นว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้พวกเธอกำลังออกจากรั้วมหาวิทยาลัยไปเผชิญหน้ากับคนทั้งวงการบันเทิงเลยต้องจริงจังให้มาก ถ้าการแสดงครั้งแรกผิดพลาดขึ้นมาพวกเธอจะพังทันที”

หลังจากได้รับคำแนะนำจากหลงเจี่ย สมาชิกในวงต่างฝึกซ้อมกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง

เพราะถึงอย่างไรมันก็คือการแสดงเปิดตัวอย่างเป็นทางการของพวกเขา!

“เข้าใจแล้วครับ เราจะทุ่มเทให้เต็มที่…” สมาชิกในกลุ่มตอบอย่างแข็งขัน

ในเวลาเดียวกัน ในอเมริกาที่อยู่ห่างออกไป ถังหนิงได้ยินจากโม่ถิงว่าหลงเจี่ยกำลังพยายามเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ เธอรู้สึกยินดีกับข่าวนี้จากก้นบึ้งของจิตใจ “ช่วงที่เราอยู่สังกัดเทียนอี้ หลงเจี่ยทำหลายอย่างเพื่อปูทางให้ฉัน จริงๆ แล้วเธอมีความสามารถมากเลยนะคะ…”

เมื่อพูดถึงเทียนอี้ โม่ถิงมองถังหนิงและไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาในท้ายที่สุด “เธอยังยืนกรานว่าไม่ต้องการให้ลู่เช่อช่วยเธออยู่เลยนะครับ”

“เธอไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ถังหนิงบอกขณะที่กล่อมเหยียนเอ๋อร์ในอ้อมแขน

“แล้วคุณล่ะครับ วางแผนจะกลับไปจีนเมื่อไหร่”

“คุณกำลังพยายามบอกว่าหม่าเวยเวยชักทำเลยเถิดไปแล้วเหรอคะ” ถังหนิงถาม “ฉันได้ยินเรื่องที่เธอก่อเอาไว้ในปักกิ่งอยู่…”

“คุณไม่เคยเห็นหม่าเวยเวยในสายตา ผมกำลังพยายามจะถามคุณว่าเมื่อไหร่คุณจะกล้าเผชิญหน้ากับตัวเองอยู่ครับ” โม่ถิงรับเหยียนเอ๋อร์มาจากถังหนิงก่อนสบตามองเธอ คล้ายกำลังพยายามอ่านใจ “ผมได้ยินว่าคุณเปลี่ยนหลายอย่างในมดราชินีระหว่างกระบวนการหลังการถ่ายทำ”

“ตลอดเวลามานี้ฉันได้เรียนรู้หลายอย่างที่อเมริกามากค่ะ แล้วฉันก็ได้เข้าใจความแตกต่างระหว่างหนังไซไฟของจีนกับตะวันตก ฉันว่าตัวเองคงไม่มีความสามารถที่จะทำมันได้โดยลำพังหรอกค่ะ ถิงคะ ความปรารถนาของเฉียวเซินคืออการสร้างหนังไซไฟที่เทียบชั้นกับชาวตะวันตกได้ แต่ว่าความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพของเรามันธรรมดาเกินไปค่ะ…”

“อย่ากดดันตัวเองนักเลยครับ ทำในสิ่งที่คุณทำได้เถอะ อีกอย่างตะวันออกกับตะวันตกก็มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว สิ่งที่เหมาะกับชาวตะวันตกอาจไม่จำเป็นต้องเหมาะกับชาวตะวันออกก็ได้ครับ”

ถังหนิงมองหน้าโม่ถิงพร้อมแววตาที่อ่อนลง “คุณไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยค่ะ

“แล้วคุณก็ต้องบอกให้ลู่เช่อช่วยหลงเจี่ยให้มากกว่านี้ด้วยนะคะ…”

ถังหนิงคาดหวังกับตัวเองไว้สูงพาให้คาดหวังกับ มดราชินี ไว้สูงเช่นกัน เธอจึงขอให้ฝ่ายที่ดูแลกระบวนการหลังการถ่ายทำลงมืออย่างประณีตและละเอียดยิ่งขึ้น

หากแต่ไม่ว่าเธอจะทำการเปลี่ยนเพียงไหน เธอก็ยังคงรักษาบรรยากาศต้นฉบับของเรื่องราวเอาไว้ แม้ว่าจะมีผู้กำกับอีกสองคนเข้ามาเกี่ยวข้อง เธอก็จะไม่ละทิ้งความตั้งใจของเฉียวเซินเด็ดขาด

ด้วยเหตุนี้ มดราชินีจึงยังไม่ได้ปรากฏสู่สายตาของผู้ชมกระทั่งหลังจากนั้น….

ไม่กี่วันต่อมา งานเทศกาลดนตรีถูกจัดขึ้นที่หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ

ในฐานะนักร้องชื่อดังที่กำลังจะทำการแสดง งานเทศกาลนี้ถือว่าได้รับความนิยมไม่น้อย

ไม่เพียงแต่นักศึกษาแต่ยังมีคนจากด้านนอกที่คงเบียดอัดกันเข้ามาในสนามกีฬาที่จุได้กว่าห้าพันคน

นักร้องชื่อดังแสดงเพียงสองเพลงและคงจากไปทันทีที่แสดงจบ ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจว่าจะมีศิลปินหน้าใหม่ที่พยายามเกาะกระแสความนิยมของเธอ

เพื่อให้การแสดงได้รับความสนใจมากที่สุด หลงเจี่ยจัดการให้ศิลปินของเธอแสดงต่อจากนักร้องชื่อดัง

นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดให้การรับประกันถึงจำนวนผู้ชมสูงสุด

หลงเจี่ยปลื้มใจกับแผนของเธอ หลังจากซย่าหันโม่เสียชีวิตและถังหนิงจากไป จู้ซิงมีเดียก็อ่อนแอลงมากเกินว่าจะลุกขึ้นมาสู้ การชุบชีวิตให้กับมันไม่ใช่งานที่จะทำสำเร็จได้ง่าย อย่างไรเสียเมื่อก่อนก็มีดาราดังหลายคนที่ต้องการเข้าสังกัดจู้ซิงมีเดียเพื่อเป็นศิลปินของถังหนิง

ทว่าตอนนี้ล่ะ…

เอสเอเจเตรียมตัวมาอย่างดีหลังจากเฝ้าฝึกมากว่าหนึ่งอาทิตย์ ทว่าแค่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนและกรีดร้องมาจากหน้าเวที พวกเขาก็ยังคงออกอาการประหม่า

ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่งานในทำนองพิธีจบการศึกษาที่มีผู้ชมเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่เป็นงานเทศกาลดนตรีพร้อมผู้ชมนับพันคน

“พวกเธอไม่ต้องเกร็งไปหรอกนะ ฉันเข้มงวดกับพวกเธอมาก่อนจะได้ไม่ให้เวลาของพวกเธอเสียเปล่า แต่ตอนนี้สายเกินจะถอยหลังกลับแล้ว ดังนั้นก็ผ่อนคลายแล้วทำให้เต็มที่ซะ ในเมื่อพวกเธอทำดีที่สุดแล้วต่อให้ผลที่ได้มันจะไม่ได้ดีนัก ฉันก็จะไม่โทษพวกเธอหรอก” หลงเจี่ยเอ่ยปลอบ

“แต่แน่นอนว่าฉันก็หวังว่าจะได้รับสายโทรศัพท์ที่เสนอโอกาสในหน้าที่การงานของพวกเธอทุกคนอยู่นะ”

สมาชิกในวงควบคุมจังหวะหายใจของตัวเองขณะที่ปล่อยวางความกังวลลง…

“ไปได้แล้ว! โชคดีนะ! ใกล้ถึงเวลาของพวกเธอแล้ว! ”

หลงเจี่ยฝากความหวังทั้งหมดไว้กับทั้งสี่คน…เธอคิดว่าผลที่ออกมาคงจะไม่แย่นัก หากแต่อย่าลืมว่า หันซิวเช่อกำลังซ่อนตัวในเงามืด

เขาล่อลวงหลงเจี่ยให้เหยียบกับดัก และรอเวลาเหมาะๆ ที่จะดึงสลัก

เห็นได้ชัดว่านี่ยังไม่ถึงเวลาที่จะทำลายหลงเจี่ย อย่างน้อยเขาก็ต้องการให้เธอได้ดื่มด่ำกับความสุขจากการทุ่มเทของตัวเองสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะโหดร้ายเกินไปใช่ไหมล่ะ

ในขณะที่เผชิญหน้ากับเวทีใหญ่ขนาดนี้ หลงเจี่ยเฝ้ารออย่างใจเย็นอยู่ด้านหลังเวที

แม้ว่าเอสเอเจจะเป็นศิลปินหน้าใหม่ พวกเขายังเป็นวัยรุ่น เข้าสมัย และดูดี อีกทั้งยังแสดงการเต้นที่ทั้งยากและดูน่ามองสุดๆ ได้

ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องลงมา สมาชิกในวงประสบความสำเร็จในการสร้างอารมณ์ร่วมเล็กๆ น้อยๆ ต่อให้ผู้ชมไม่ต้องรู้ว่าเป็นใครก็รับรู้ได้ว่าพวกเขาดูดีและไม่มีใครเหมือน…

สำหรับหลงเจี่ยแล้ว การดึงดูดความสนใจได้สำเร็จมาครึ่งทางแล้ว…

สมาชิกทั้งสี่คนต่างมีความสามารถอย่างแท้จริง…

แต่ทว่าหลงเจี่ยคงไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ไปได้นานนัก

Related

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Options

not work with dark mode
Reset