วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1052 ไม่มีใครรอดตัวไปได้

“พอได้แล้วล่ะครับ ในเมื่อคุณป้ารองมาที่นี่เพื่อดูการแสดงก็นั่งดูไปเงียบๆ เถอะครับ ถ้าเบื่อนักผมหาเรื่องมาแฉคุณป้าได้นะครับ จะได้มีเรื่องไปทะเลาะกับพวกเขาไง พอจะทำให้เงียบปากได้ไหมครับ” ลู่

 

 

เช่อถามขึ้นอย่างเย็นชา

 

 

คุณป้ารองเป็นผู้หญิงมีหน้ามีตามาจากครอบครัวผู้ดี เธอจะทนกับการถูกฉีกหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร

 

 

ไม่เคยมีใครทำกับเธออย่างนี้มาก่อนในชีวิต!

 

 

“ลู่เช่อ ฉันอายุมากกว่าเธอนะ ฉันพูดแค่นี้เธอก็ไม่พอใจแล้วเหรอ แล้วเรื่องที่เธอเหยียบเรือสองแคมล่ะ จากที่ฉันเห็น พวกเธอสองคนก็ไม่มีใครดีสมกันทั้งนั้นแหละเพราะผีเน่าก็ต้องคู่กับโลงผุยังไงล่ะ พวกเธอสองคนถึงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันแล้วไง”

 

 

“พอได้แล้วน่า หุบปากไปซะ!” คุณลุงรองของลู่เช่อทนอับอายขายหน้าไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงก้าวเข้ามาห้ามภรรยาของตัวเองไว้ “คุณกำลังทะเลาะกับคนที่เด็กกว่านะ แล้วยังจะพยายามต่อว่าเขาอีก! เงียบไปได้แล้วน่า!”

 

 

ดูผิวเผินคุณลุงรองเหมือนจะพยายามป้องกันการเกิดเรื่องวุ่นวาย แต่ทั้งลู่เช่อและหลงเจี่ยมองออกว่าทุกคำพูดที่ญาติเหล่านี้เอ่ยล้วนจิกกัดและกล่าวเป็นนัยถึงบางสิ่ง

 

 

ดังนั้นหลังจากทนมานานหลงเจี่ยจึงอดไม่ได้ที่จะว่าขึ้น “ฉันรู้ว่าทุกคนในที่นี้คิดว่าฉันต่ำต้อยกว่าและไม่ชอบที่ฉันทำงานในวงการบันเทิง เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกคุณจะดูถูกฉัน

 

 

“แต่ฉันว่าผู้อาวุโสที่นี่หลายคนอาจเป็นคนใหญ่คนโตในสังคม แต่ไม่เห็นมีสักคนที่มีมารยาทเลยนะคะ!

 

 

“คนที่มีมารยาทเขาคงไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ต่อให้จะนึกดูถูกอีกฝ่ายก็ตาม แล้วก็คงไม่เอาพวกเขามาพูดให้สนุกปากหรอกค่ะ ถ้าพวกคุณมองตัวเองดีๆ ก็คงรู้มารยาทที่มีมันไม่คู่ควรกับสถานะของพวกคุณเลย!

 

 

“ฉันอาจจะไม่ได้มีชาติกำเนิดสูงส่งแต่ฉันก็ไม่เคยลืมตัว ข้อแรกตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ ฉันพึ่งพาตัวเองมาตลอด ไม่เหมือนอย่างคุณหญิงคุณชายรวยๆ ที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากทำตัวเย่อหยิ่งและอวดเก่งตอนที่จับกลุ่มกันนินทาชาวบ้าน

 

 

“สอง เราอยู่ในสังคมเปิดกว้างที่ทุกคนมีอิสระที่จะแต่งงานกับใครก็ได้ที่ตัวเองต้องการ การที่ลู่เช่อกับฉันรักกันมันไม่ได้ไปทำร้ายใครสักหน่อย ดังนั้นคนอื่นไม่มีสิทธิ์มาตัดสินเราค่ะ.

 

 

“สาม พวกคุณเองก็เป็นแค่คนธรรมดาที่รอดูการแสดง เลิกทำตัวหยิ่งผยองและอวดดีได้แล้วค่ะ เห็นได้ชัดว่าคุณก็แค่ไหลตามคนส่วนใหญ่ไป ยังจะมาพูดว่าคนอื่นหน้าไม่อายอีก ไม่ย้อนแย้งไปหน่อยเหรอคะ”

 

 

คุณป้ารองเป็นคนสูงวัยอารมณ์ร้อน เธอลุกขึ้นตบโต๊ะทันทีอย่างทนกับคำพูดของหลงเจี่ยไม่ได้

 

 

“เลิกพูดจาไร้สาระสักที คิดว่าพวกเราไม่รู้เหรอว่าเธอเป็นคนยังไง!”

 

 

“แล้วฉันเป็นคนยังไงล่ะคะ” หลงเจี่ยหัวเราะ

 

 

“เธอก็แค่ตัวตลกดีๆ นั่นแหละ หน้าไม่อายจริงๆ ”

 

 

ทีแรกหลงเจี่ยอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่ลู่เช่อห้ามเธอไว้เสียก่อน เขาจับมือเธอไว้แน่นอยู่ใต้โต๊ะคล้ายจะบอกให้เธอปล่อยให้เขาจัดการทุกอย่างเอง

 

 

“ผมว่าเราอย่าคุยกันในงานนี้อีกเลยครับ ไม่อย่างนั้นบรรยากาศจะยิ่งมาคุไปอีกนะครับ ไหนๆ เราก็คงไม่ได้เจอกันอีก ทำไมต้องทำให้บรรยากาศตึงเครียดด้วยล่ะครับ”

 

 

“ลู่เช่อ…”

 

 

“คุณป้ารองสงบปากสงบคำเอาไว้จะดีที่สุดนะ ถ้าต่อไปลูกสาวของคุณเกิดท้องขึ้นมาแล้วมาขอให้ช่วย ผมอาจไม่ว่างมาช่วยคุณนะครับ…”

 

 

น้ำเสียงข่มขู่ในคำพูดนั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจน

 

 

และแน่นอนว่ามันเพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายปิดปากเงียบ

 

 

“อีกอย่างนะน้อง ก่อนจะตั้งคำถามกับพี่สะใภ้ เธอเองควรไปจัดการกับแฟนหนุ่มทั้งสองคนของเธอซะก่อนเถอะ

 

 

“ส่วนเรื่องงามหน้าอื่นๆ ผมจะไม่พูดถึงมันอย่างโจ่งแจ้งแล้วกัน พวกคุณก็รู้ว่าผมทำงานอะไร อย่างนั้นคงรู้ว่าผมขุดคุ้ยเรื่องได้เร็วสุดๆ เลยล่ะ ถ้าผมอยากจะแก้แค้นจริงๆ ไม่มีใครรอดตัวไปได้หรอกครับ

 

 

“หรือพวกคุณยังไม่อยากจบล่ะ”

 

 

บรรดาญาติๆ ต่างนิ่งงันไป

 

 

เยี่ยมไปเลย

 

 

ตอนนี้เองที่หลงเจี่ยโน้มตัวเข้าเอ่ยถามข้างหูลู่เช่อ “คุณรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไงคะ”

 

 

“ผมก็ต้องเตรียมตัวมาสิครับ”

 

 

ย้อนไปตอนที่คุณนายลู่บอกให้เขามาร่วมงานฉลองครบรอบหนึ่งร้อยวันของ  ลูกชาย  ของเขา เขาได้หาข้อมูลเกี่ยวกับคนพวกนี้มาบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะทำให้พวกเขาเงียบปากได้

 

 

ในขณะนั้นไม่มีใครปริปากออกมา แม้ว่าพวกเขาจะนึกโกรธมากกว่าครั้งไหนๆ ก็ไม่อาจทำอะไรลู่เช่อได้

 

 

ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับคุณนายลู่

 

 

“โอเค ใกล้ถึงฤกษ์แล้ว ฉันจะไปพาเจ้าตัวแสบมานะ…” คุณนายลู่เอ่ยพลางมองนาฬิกาก่อนลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงบอกกับลู่เช่อ “นี่เป็นครั้งแรกที่แกจะได้เจอลูกชายตัวเองใช่ไหม ดูหน้าเขาไว้ให้ดีๆ ล่ะ”

 

 

นี่คือการแสดงหลัก!

 

 

หากแต่ลู่เช่อไม่ได้เกรงกลัว ความจริงแล้วเขามีท่าทีเรียบเฉยเสียด้วยซ้ำ

 

 

ในระหว่างที่หลงเจี่ยกำลังพยายามกลั้นหัวเราะ…

 

 

“ญาติของคุณนี่เอาใจยากจังค่ะ คนจากครอบครัวผู้ดีนี่เขาต้องคุยด้วยง่ายๆ ไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

“คนที่คุยด้วยง่ายๆ เขาไม่พูดกันไงครับ ผมหมายความว่ามีตระกูลผู้ลากมากดีที่ไหนไม่มีคนเอาแต่ใจบ้างล่ะครับ” ลู่เช่อถามกลับ

 

 

ถูกของเขา…

 

 

คนที่มีสมองรู้ว่าในสถานการณ์อย่างนี้ การไม่พูดอะไรเลยจะเป็นการดีที่สุด มีแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่กระโดดเข้ากองไฟ

 

 

ไม่นานคุณนายลู่ก็เดินออกมาพร้อม  ลูกชาย  ของลู่เช่อ เธอจัดการให้แม่เด็กมาดูแลเด็กที่บ้านตระกูลลู่ ในเมื่อเธอต้องจ้างพี่เลี้ยงอยู่แล้ว เธอจึงตัดสินใจพาแม่กลับมากับเธอเสียเลย

 

 

สิ่งที่เธอทำเป็นการผิดข้อกำหนดในสัญญา แต่เพื่อสุขภาพของหลานชาย เธอคิดว่าการที่เด็กได้กินนมจากแม่ที่คลอดเขาออกมาคงจะดีที่สุด

 

 

“ลู่เช่อ มาดูหน้าลูกชายของแกสิ!” คุณนายลู่เอ่ยอย่างปลื้มปริ่มขณะที่อุ้มเด็กเอาไว้ขณะที่เดินเข้ามาหาลู่เช่อ

 

 

ตอนนั้นเองที่ญาติคนอื่นๆ รีบพากันเขามาเล่นกับเด็ก “น่ารักน่าชัง…”

 

 

“เขาน่ารักจังแล้วก็หน้าตาเหมือนลู่เช่อมาก!”

 

 

หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลงเจี่ยแทบจะระเบิดหัวเราะออกมา…

 

 

ลู่เช่อกันไปสบตาเธอ แน่นอนว่าเป็นสายตาที่ฉายแววเอ็นดูอย่างกำลังบอกให้เธออย่าวู่วาม

 

 

“พี่ลู่เช่อ มานี่สิ เขาเป็นลูกชายของพี่นะ หน้าตาคล้ายพี่มากเลยล่ะ”

 

 

“คล้ายตรงไหนล่ะ” ลู่เช่อถาม “บอกฉันมาให้ละเอียดเลยนะ”

 

 

“คิ้วกับปากไง!”

 

 

“ลู่เช่อ เป็นอะไรของแกน่ะ ทำไมถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้ รีบไปดูหน้าลูกชายของแกสิ” คุณนายลู่เร่งเร้า เธอคิดว่าถ้าเขาได้เห็นหน้าลูกสุดท้ายเขาก็จะหลงเสน่ห์เด็กคนนี้และเลิกเสียเวลากับหลงเจี่ย

 

 

อย่างไรก็ตามลู่เช่อยังคงไม่ขยับไปไหน…

 

 

“ลู่เช่อ!”

 

 

“ถึงเวลาเปิดม่านการแสดงหลักแล้วล่ะครับ ผมอยากจะขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าผม ลู่เช่อ มีลูกสาวเพียงคนเดียว ไม่มีลูกชายที่ไหนอีก” ลู่เช่อตอบกลับ

 

 

“ลู่เช่อ แกเสียสติไปแล้วเหรอ เขาเป็นคนสำคัญขนาดนี้แกจะไม่ยอมรับลูกของตัวเองได้ยังไง รู้ไหมว่าพอเด็กคนนี้โตขึ้นเขาจะทุกข์ใจแค่ไหนถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อตัวเองน่ะ”

 

 

“แค่นี้เหรอครับ” ลู่เช่อถามกลับ

 

 

“ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วดูแลลูกชายของตัวเองซะ!”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset