ลู่เช่อครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตอบกลับหลงเจี่ย “เพราะผมไม่เคยคิดว่าพวกเขาสำคัญไงล่ะครับ อย่างที่คุณรู้นั่นแหละว่าผมไม่ค่อยติดต่อกับคนที่ไม่ได้สำคัญนัก แล้วก็ขี้เกียจจะเสียเวลาไปกับพวกเขาด้วย ผมเลยไม่อยากทำให้คุณต้องอึดอัดและรำคาญใจไงครับ
“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากแนะนำคุณกับพวกเขาหรอกนะครับ”
“ฉันรู้ค่ะ” หลงเจี่ยพยักหน้ารับ ลู่เช่อเป็นคนอย่างนี้มาตลอด เขาไม่ชอบเกรงใจหรือพูดกับใครโดยไม่จำเป็น “อีกเดี๋ยวถ้าเราต้องเจอหมาป่าบางตัวก็ช่วยปกป้องฉันด้วยนะคะ”
เขาส่งยิ้มก่อนโน้มศีรษะเธอให้ซบไหล่เขา…
พวกเขากำลังจะก้าวเข้าสู่สนามรบที่ดุเดือด!
…
ด้วยเรื่องราวเบื้องหลังนี้จึงรับประกันได้ว่างานฉลองครบรอบหนึ่งร้อยวันนี้จะต้องเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ อย่างไรก็ตามจนกระทั่งถึงตอนนี้เด็กที่คุณนายลู่พูดถึงก็ยังไม่ถูกอุ้มออกมาเพราะเขายังหลับสนิทอยู่ และตัวเอกของงาน ลู่เช่อกับหลงเจี่ย ก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน
หากแต่มีใครบางคนให้ความสนใจเป็นพิเศษพอที่จะตั้งคำถามว่าแม่เด็กอยู่ที่ไหน
ต่อให้เป็นคนรักเก่าของลู่เช่อ เธอก็ควรมาเข้าร่วมงานไม่ใช่หรือ
คำถามมากมายแล่นเข้ามาในหัวของพวกเขา บรรดาญาติๆ ต่างให้ความสนใจเพราะรู้ว่าการแสดงเด็ดๆ กำลังจะมาถึง
คุณพ่อลู่ไม่ต้องการเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างไรเสียทุกอย่างที่พวกเขาพูดถึงล้วนเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับคนที่เขารัก
“ไอหยา คุณป้าคะ ทำไมลู่เช่อยังมาไม่ถึงอีกล่ะ เราเริ่มรอไม่ไหวแล้วนะ…”
“นั้นสิ ใช่ไหมล่ะ ทำไมเราไม่มาลองทายกันล่ะว่าเขาจะมาคนเดียวหรือพาภรรยาเขามาด้วย”
“ถ้าเขามากับภรรยาเขา สถานการณ์คงน่าติดตามดูมากขึ้นเยอะเลยสิ”
หากลู่เช่อฉลาดพอ เขาคงไม่พาภรรยาของตัวเองมาด้วย เพราะเธอจะต้องเจ็บปวดใจจากการถูกคนในตระกูลสบประมาทแน่
และหากหลงเจี่ยฉลาดพอเธอเองก็คงไม่มาปรากฏตัวเช่นกัน ด้วยสายตามากมายหลายคู่ที่คอยจับจ้องเธออยู่
ทว่ากลับไม่เป็นไปตามที่ทุกคนสันนิษฐานเอาไว้ โดยเฉพาะในยามที่รถของลู่เช่อขับเข้ามาในบ้านตระกูลหลี่ ก่อนที่ทุกคนจะมองลู่เช่อเดินอ้อมไปยังฝั่งที่นั่งผู้โดยสารเพื่อเปิดประตูให้หลงเจี่ย บางคนถึงกับถอนหายใจที่หลงเจี่ยไม่ฉลาดพอ ในขณะที่บางคนดีใจเพราะจะได้เห็นการแสดงสนุกๆ
แน่นอนว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกคาดการณ์เอาไว้แล้ว หากหลงเจี่ยกลัวเธอคงไม่ใช่ภรรยาของลู่เช่อและผู้ช่วยของถังหนิงแล้วล่ะ!
ในขณะเดียวกันลู่เช่อเข้าใจว่าญาติๆ ของตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงให้หลงเจี่ยควงแขนเขาก่อนที่เข้าไปในบ้านอย่างไม่รีรอ
“ทำไมทุกคนมายืนออกันอยู่หน้าประตูล่ะครับ มาต้อนรับพวกเรางั้นเหรอ”
คุณนายลู่เหลือบมองลู่เช่อ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพาหลงเจี่ยมาจริงๆ
“ลู่เช่อ นี่มันไม่ถูกต้องเลยนะ ตอนที่นายจดทะเบียนสมรสก็ทำโดยที่ไม่ได้บอกเราสักคำ ตอนนี้มีลูกสองคนแล้ว ยังไม่ถึงเวลาที่จะแนะนำภรรยาให้เรารู้จักอีกเหรอ” ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้นขณะที่มองหน้าหลงเจี่ยพลางเลิกคิ้วอย่างหาเรื่อง
“นี่หลงมั่น ภรรยาฉันเอง” ลู่เช่อส่งยิ้มหล่อเหลาพลางชี้ไปทางหลงเจี่ย
หลงเจี่ยพยักหน้าตอบรับอย่างมั่นใจก่อนเอ่ยทักทาย “สวัสดีค่ะ คุณป้า คุณลุง รวมถึงพี่ๆ น้องๆ ด้วยค่ะ”
“ชิ ใครเป็นพี่สาวเธอไม่ทราบ” เสียงใครบางคนพึมพำขึ้นจากด้านหลัง
ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องยากที่จะบอกว่ามีใครบางคนกำลังนึกถากถางหลงเจี่ยอยู่ในใจ ทว่าเธอไม่ได้สนใจ
“โอเค ไหนๆ ลู่เช่อก็มาถึงบ้านแล้ว เราเริ่มงานฉลองกันเถอะ พอได้ฤกษ์แล้วฉันจะได้ไปอุ้มลูกชายของแกออกมา!”
คุณนายลู่จ้องหน้าหลงเจี่ยอย่างท้าทายขณะที่พูด ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามแสดงให้หลงเจี่ยเห็นว่ามีคนพร้อมที่จะช่วยให้กำเนิดลูกชายกับตระกูลลู่หากเธอไม่ยินดีจะทำ
ทว่าหลงเจี่ยปรายตามองอีกฝ่ายกลับไปคล้ายจะบอกว่าอยากจะคลอดเด็กแบบไหนก็เชิญตามสบาย เธอไม่ใช่เครื่องจักรผลิดลูกให้ตระกูลลู่สักหน่อย!
ในระหว่างนั้นเองที่คนอื่นๆ ทั้งรู้สึกสงสาร สมเพช และต้องการชมการแสดงเด็ดๆ
ลู่เช่อกับหลงเจี่ยสบตากันอย่างไม่ต้องพูดกันสักคำ ก่อนเดินตามญาติๆ เข้าไปด้านใน
ในระหว่างที่รอฤกษ์งามยามดี ใครบางคนอดรนทนไม่ไหวที่จะลุกขึ้นไปถามหลงเจี่ย ลูกสาวของลุงคนหนึ่งพิงศีรษะกับฝ่ามือขณะที่โน้มตัวข้ามโต๊ะมาอย่างสอดรู้สอดเห็นคล้ายพยายามตีสนิทหลงเจี่ย “พี่สะใภ้คะ ช่วงนี้ฉันเห็นคุณในข่าวบ่อยๆ ไหนๆ คุณก็สนิทกับถังหนิง รู้บ้างไหมคะว่าเธอไปเป็นลูกศิษย์ของโจนส์ได้ยังไง เล่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมคะ…”
ในจังหวะที่เธอกำลังจะตอบหลังจากได้ยินคำถาม แม่ของเด็กสาวพลันก้าวเข้ามา “คนเต้นกินรำกินมีอะไรน่าสนใจตรงไหนล่ะ ที่นิตยสารลงกันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”
เด็กสาวตอบกลับได้แค่ “โอ๊ะ” แล้วไม่ได้ว่าอะไรออกมาอีก
จากนั้นบรรยากาศจึงอึมครึมขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เองที่ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลกล่าว “ในเมื่อครอบครัวมารวมตัวกันแล้วก็อย่าพูดถึงเรื่องของคนนอกกันเลยนะ แต่ว่า ลู่เช่อ ครั้งนี้แกทำผิดจริงๆ นะ แต่งงานมานานขนาดนี้ เรายังไม่เคยเจอภรรยาของแกจนกระทั่งตอนนี้ แกน่าจะทบทวนการกระทำของตัวเองซะบ้างนะ!”
“เป็นเพราะว่าแกไม่ได้จริงจังเลยไม่อยากพาเธอกลับมาเจอพวกเรางั้นเหรอ”
“เธอเป็นแค่คนในวงการบันเทิง บางทีเธออาจจะไม่ได้มีความสำคัญอะไรในใจเขาก็ได้”
สองประโยคหลังเป็นคำพูดที่มาจากคุณป้าสองคนที่อยู่ด้านหลังคู่รัก ถึงลู่เช่อกับหลงเจี่ยจะได้ยินแต่ก็รู้ดีว่านี่เป็นการรวมตัวกันด้วยความไม่หวังดี พวกเขาจึงเตรียมการมาเพื่อตอบโต้กลับเมื่อถึงคราวจำเป็นแล้ว
ลู่เช่อหัวเราะก่อนสวนกลับ “ไม่ใช่ว่าเสี่ยวมั่นไม่สำคัญกับผมหรอกครับ ผมแค่คิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องพาเธอมาแนะนำตัวกับญาติที่ผมไม่ได้สนิทด้วยน่ะครับ ว่าอย่างนั้นไหมล่ะครับ”
พูดได้อีกอย่างคือพวกเขากำลังสำคัญตัวเองผิดไป! ทำไมถึงคิดว่าตัวเองสูงส่งขนาดนั้นกัน
คุณป้าทั้งสองหน้าขึ้นสีทันที อย่างไรการถูกลู่เช่อตอกกลับก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้รู้สึกดีนัก
“ลู่เช่อ ยังไงเราก็เป็นญาติกันนะ”
“คิดว่าความสัมพันธ์ของผมกับญาติๆ มันลึกซึ้งกว่าที่ผมมีกับภรรยาของผมเหรอครับ” เขาถามพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน
“เอ่อ…”
“ลู่เช่อ พูดกับผู้หลักผู้ใหญ่แบบนี้ได้ยังไง” คุณนายลู่ออกปากเตือนด้วยน้ำเสียงแสดงอำนาจอย่างคนเป็นพ่อเป็นแม่ “แกเองก็มีลูกสองคนแล้ว ยังทำตัวไม่คิดอย่างนี้อีก แล้วลูกสาวแกไปอยู่ที่ไหนซะล่ะ ทำไมไม่พาเธอมาด้วย”
ว่าในอีกความหมายหนึ่งคือหรือเขาจะเห็นว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้สำคัญ
“ก็เพราะเหตุผลเดียวกันนั่นแหละครับ การพักผ่อนของลูกสาวที่ล้ำค่าของผมเป็นเรื่องสำคัญ จะไม่เป็นการทำให้เธอทุกข์ใจเปล่าๆ ถ้าเราบังคับให้เธอมาเจอกับบรรดาคนแปลกหน้าหรอกเหรอครับ”
“ลู่เช่อ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เราก็ยังเป็นญาติกันอยู่นะ กำลังกล่าวหาว่าเราจะทำร้ายเธออยู่หรือยังไง” คุณป้าร้องถามขึ้น “อย่าเลือกข้างผิดแล้วทำร้ายคนในครอบครัวเพราะว่าคนนอกเลย”
“ผมรู้ดีครับว่าใครเป็นคนในครอบครัวและใครคือคนนอก”
“แก…”