ด้วยความที่หลงเจี่ยใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะตอบโต้กลับ หันซิวเช่อจึงยิ่งมั่นใจว่าถังหนิงไม่มีหลักฐานในมือ เมื่อคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องจริง เขาจึงเชื่อว่าตัวเองจะสามารถพูดจาสาดโคลนใส่ถังหนิงต่อไปได้อีกนาน!
ต่อให้คนทั้งโลกออนไลน์เรียกเขาว่าไอ้สารเลวแล้วอย่างไรล่ะ
ความจริงแล้วหันซิวเช่อไม่ได้อับอายอย่างที่คนปกติเป็นกัน ลึกๆ แล้วเขารู้สึกตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมกันน่ะหรือ
รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่ขาดความอบอุ่นในช่วงวัยเด็กมักจะเรียกร้องความสนใจ ไม่ว่าจะในทางที่ดีหรือร้าย ตราบใดที่มีคนมาสนใจพวกเขาก็พาให้รู้สึกประสบความสำเร็จแล้ว
“ดูสิ ทุกคนกำลังสนใจฉันอยู่ล่ะ”
มันคือความแตกต่างระหว่างคนที่ขาดความอบอุ่นกับคนปกติ
ในขณะเดียวกันที่หลงเจี่ยใช้เวลานาน ไม่ใช่เพียงเพราะเธอกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับหม่าเวยเวยอยู่ แต่ยังต้องการทำให้ผู้ชมเฝ้าคอยติดตามกระทั่งอดใจไว้ไม่ไหว
แล้วขีดจำกัดของพวกเขาอยู่จุดไหนกันล่ะ
ในเมื่อทุกคนเริ่มทนรอต่อไปไม่ไหวเสียแล้ว!
“หลงเจี่ยเองก็โกหกเหมือนกัน ถ้าคุณไม่มีหลักฐานก็เลิกทำให้เราเสียเวลาได้แล้ว คุณกำลังทำให้แฟนๆ วัยเรียนต้องอยู่ไม่สุขอยู่นะ อย่าทำให้พวกเขาไม่สบายใจอย่างนี้สิ!”
“ที่แท้เราก็ดีใจกันเก้อสินะ! ฉันคิดว่าครั้งนี้หันซิวเช่อจะหุบปากได้จริงๆ แล้วซะอีก!”
ในขณะที่เขามองแฟนๆ ที่นึกยอมแพ้ หันซิวเช่อรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ “ผมบอกมานานแล้วนี่ ดาราคนโปรดของคุณไม่เคยสนใจพวกคุณเลยสักนิด! หลักฐานงั้นเหรอ หลงเจี่ย คุณต้องรับผิดชอบตามกฎหมายที่มากล่าวหาว่าผมเอาจู้ซิงมีเดียไปโดยมิชอบด้วยนะครับ”
บ่ายวันนั้นหลงเจี่ยค่อยๆ ลงมือเชื่องช้าอย่างกับเต่า ก่อนเข้าสู่ระบบออนไลน์ด้วยบัญชีโซเชียลของเธอ “ฉันต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอด้วยนะคะ”
“หลักฐาน!”
“ไหนล่ะหลักฐานที่เรากำลังตามหากันน่ะ”
“หลงเจี่ย รีบเอาหลักฐานออกมาสิ!”
ทันใดนั้นเองผู้คนถาโถมเข้ามาสอดส่องบัญชีโซเชียลของหลงเจี่ย อย่างไรเสียก็มีคนมากมายที่เกลียดขี้หน้าหันซิวเช่อ หากแต่เขากลับหน้าด้านเกินไปที่จะยอมรับหรือสนใจสิ่งใดๆ ดังนั้นจึงมีเพียงหลักฐานที่จะใช้ฟาดหน้าเขาได้!
“ฮ่ะๆ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอนะคะ หลักฐานจะถูกเปิดเผยเดี๋ยวนี้แล้วล่ะค่ะ!”
เป็นเวลาเดียวกับที่หันซิวเช่อกับหม่าเวยเวยจับตามองความเคลื่อนไหวของหลงเจี่ย หมายความว่าเธอมีหลักฐานจริงๆ หรือ
เป็นไปไม่ได้น่า
ทว่าหลงเจี่ยเริ่มงัดสิ่งที่เธอมีก่อนปล่อยวิดีโอให้ทุกคนได้เห็นโดยไม่ต้องอธิบาย
“ถ้าเราดูวันเวลาบนวิดีโอนี้ มันไม่นานหลังจากที่หันซิวเช่อเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดียนี่นา!”
“มาดูนี่เร็ว! ไอ้พวกหน้าไม่อายถูกจับได้ว่านับพบกันกลางดึกแหละ แต่ยังจะมีหน้ามาบอกว่าไม่สนิทกันอีก!”
“หันซิวเช่อ หม่าเวยเวย ดูให้ชัดซะนะ นี่ไม่ใช่หลักฐานที่เห็นคาตาหรือยังไง หรือพวกคุณจะบอกว่าคนที่อยู่ในวิดีโอนี้ไม่ใช่คุณกันล่ะ”
เมื่อเขาเห็นวิดีโอที่หลงเจี่ยปล่อยออกมา หันซิวเช่อลุกพรวดพราดจากโซฟาทันที ตอนนั้นเองที่หม่าเวยเวยนึกบางอย่างขึ้นได้ “นอกจากเราสองคนแล้ว คนเดียวที่รู้ว่าเราสองคนเจอกันคือผู้จัดการ และฉันเองก็เพิ่งจะแตกหักกับผู้จัดการของฉันด้วย”
หันซิวเช่อมองค้อนใส่หม่าเวยเวยอย่างพูดอะไรไม่ออก!
หรือนี่จะเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า คู่หูไร้สมอง กัน
“คุณจะมาโทษฉันไม่ได้นะ คุณเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันนั่นแหละ”
“ผมไม่คิดว่าวิธีการของถังหนิงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้เลย!”
หันซิวเช่อไม่คิดโทษตัวเองอยู่แล้ว แล้วเขาจะไปโทษใครได้อีกเล่า นอกจากได้แต่โยนความผิดให้ถัง
หนิงที่เลือดเย็นเกินไป
จากนั้นหลงเจี่ยจึงชี้แจงสำทับ “เราได้วิดีโอนี้มาจากการขอมาจากคนที่อยู่แถบนั้น ฉันคิดว่ามันคงเพียงพอที่จะทำให้บางอย่างกระจ่างได้แล้ว ว่าคำพูดของหันซิวเช่อไม่น่าเชื่อถือเพราะเขาโกหกทุกคนมาโดยตลอด ฉันมั่นใจว่าทุกคนรู้ว่าจู้ซิงมีเดียตกอยู่ในมือของคุณได้ยังไง
“ในเมื่อจู้ซิงมีเดียกลับมาเป็นของไห่รุ่ยแล้ว ฉันจะไม่ต่อความยาวสาวความยืดเรื่องนี้อีก แต่ หันซิวเช่อ คุณต้องชดใช้กับสิ่งที่สมรู้ร่วมคิดทำร่วมกับหม่าเวยเวยเอาไว้ และเรื่องที่คุณใส่ความถังหนิงด้วย
“คุณพูดจาพล่อยๆ และโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของถังหนิง วันนี้มันจบแล้วล่ะ!
“ถ้าคุณยังอยากจะแถต่อ ไห่รุ่ยก็พร้อมที่จะจัดการกับคุณได้ทุกเมื่อ!
“อย่าลืมที่คุณรับปากไว้ก่อนหน้านี้แล้วกัน…คุณบอกเองว่าถ้าเราหาหลักฐานได้ คุณจะคุกเข่าขอโทษต่อหน้าถังหนิง หวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริงนะคะ!”
ไหนๆ เรื่องก็จบไปแล้วหลงเจี่ยจึงไม่อยากทำให้เรื่องของจู้ซิงมีเดียยืดเยื้อต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการทำให้ไอ้คนชั่วช้าสองคนได้รับบทลงโทษ
เรื่องที่หันซิวเช่อลั่นว่าตัวเองจะคุกเข่าขอโทษกลายเป็นประเด็นที่เป็นที่พูดถึงในขณะที่เรื่องลุกลามใหญ่โต ถังหนิงกับหลงเจี่ยไม่ใช่เป้าหมายที่ถูกรุมต่อว่าอีกแล้ว!
ด้วยเหตุนี้แฟนๆ จึงนึกสะใจ
“ฉันตกใจแทบแย่แหนะ เกือบจะคิดว่าหลงเจี่ยจะหาหลักฐานไม่ได้ซะแล้ว พลาดจริงๆ เลย!”
“ไอหยา ฉันล่ะขอคารวะถังหนิงเลย หลักฐานของเธออย่างเด็ดเลย เห็นแล้วอดดีใจเป็นบ้าไม่ได้!”
“ไอ้โรคจิตหันซิวเช่อจะต้องงงไปเลยแน่ๆ นึกไม่ถึงล่ะสิว่าถังหนิงจะมีหลักฐานมาฟาดหน้าพวกเขาสองคนน่ะ!”
“ฮ่าๆๆ ฉันรู้สึกคึกจนคืนนี้กินข้าวได้สองชามเลยล่ะ…ตอนนี้สบายใจแล้ว ไปล่ะนะ!”
ในขณะที่เธอมองความเห็นออนไลน์ที่บอกให้หันซิวเช่อคุกเข่าขอโทษ หม่าเวยเวยปรายตามองหันซิวเช่ออย่างประหม่า “คุณคงไม่ได้จะ…”
หันซิวเช่อยิ้มเย้ย
“แต่คุณเป็นคนที่พูดเองนะ ถ้าคุณกลับคำละก็…”
หม่าเวยเวยกำลังจะบอกว่าหากเขากลับคำคงจะดูน่าสมเพชมาก
“สนใจแต่เรื่องของคุณไปเถอะ”
หันซิวเช่อบอกปัดหม่าเวยเวยด้วยประโยคเรียบง่าย ด้วยเขายังไม่ได้คิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ จริงอยู่ที่เขาเป็นคนพูดเอง หากเขาไม่รักษาคำพูดของตัวเอง เขาคงไม่มีหน้าไปเผชิญหน้าถังหนิงอีก ทว่าเขาจะคุกเข่าขอโทษผู้หญิงที่เขาเกลียดจริงๆ หรือ
หม่าเวยเวยเข้าใจว่าเขากำลังลำบากใจ เขามั่นใจตัวเองเกินไป มั่นใจจนไม่รู้ว่าเป็นกับดักของถังหนิงและหลงเจี่ย
พวกเธอผลักเขาให้เป็นที่สนใจของผู้คนก่อนจะโจมตีเขาถึงตาย
ไม่สิ…
…ไม่ถึงกับตาย
ยังมีอีกมากที่จะตามมา
หม่าเวยเวยคงไม่ได้คิดจริงๆ ว่าหลงเจี่ยจะปล่อยให้เธอรอดไปได้ง่ายๆ ใช่ไหม
หลังจากได้เห็นเรื่องวุ่นวายในโลกออนไลน์ พี่ชายของหันซิวเช่อต่อสายหาเขา “อยากให้ฉันช่วยแก้ข่าวให้ไหมล่ะ”
“ไม่ต้อง!”
“ไม่ว่านายจะยอมรับผิดหรือเปล่า ภาพลักษณ์ของนายมันก็พังในสายตาของทุกคนไปแล้ว ทำไมต้องเสียแรงด้วยล่ะ” พี่ชายหันซิวเช่อถามพลางเลิกคิ้วขึ้น “ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ฉันจะหาทางออกดีๆ ให้นายให้นายเอง!”
หันซิวเช่อนั่งลงที่โซฟาขณะที่อ่านคำถากถางจากแฟนๆ ของถังหนิง และหมายมั่นว่าจะปล่อยเธอไปไม่ได้ สุดท้ายจึงไม่คิดจะยอมแพ้
ในขณะเดียวกันพี่ชายของหันซิวเช่อได้ปล่อยวิดีโอและช่วยขอโทษแทนน้องชายไร้หัวคิดของตัวเอง คล้ายยอมแบกรับความผิดทุกอย่างเอาไว้!