นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหนิงได้เจอกับคนที่มีความมั่นใจมากขนาดนี้ ดูเหมือนซ่งซินจะมาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว
ดังนั้นถังหนิงจึงอ้าแขนรับและรอดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้
“ฉันละเกลียดการที่คุณทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่ลึกๆ แล้วคุณเป็นพวกโหดเ**้ยมอำมหิต”
“เธอยังเด็ก…”
ได้ยินเช่นนั้น ซ่งซินก็สะบัดเก้าอี้และเดินจากไป ถังหนิงได้ทำการอ่านใจอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ สำหรับซ่งซินแล้วไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการถูกถังหนิงเมิน
ชั่วครู่จากนั้น ฟังอวี้ก็เดินเข้ามาหาเธอและถาม “ทุกอย่างโอเคไหม”
“คุณคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ” ถังหนิงถามกลับ
“ก็คุณกำลังท้อง…”
“ไม่ว่าฉันจะท้องหรือไม่ท้อง ซ่งซินก็ไม่มีโอกาสเอาชนะฉันได้หรอก” ถังหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ที่จริงฉันรู้สึกสนุกกับการที่ผู้หญิงคนนั้นดูถูกฉันด้วยซ้ำนะ”
อีคิวของถังหนิงนี่สูงขนาดไหนกันแน่ ตลอดปีแห่งการฝึกฝนมันทำให้เธอมาถึงจุดที่สูงจะน่ากลัวแล้ว
กระนั้นซ่งซินก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทั่วไปเช่นกัน…
…
“ถังหนิงพูดว่ายังไงบ้าง” ต้วนจิ่งหงถามขณะที่เธอเดินตามหลังซ่งซิน
“จะพูดอะไรอีกล่ะ มันก็ปฏิเสธน่ะสิ!” ซ่งซินเย้ย “ฉันละเกลียดคนที่ไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำที่สุด เหลวไหลสิ้นดี!”
“เป็นแบบนั้นแล้วเราควรทำยังไงกันต่อดี” ต้วนจิ่งหงถาม “ตอนนี้เรามั่นใจแล้วว่าถังหนิงกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ลับหลังและไห่รุ่ยก็กำลังกดเธอลง เราจะทำอะไรได้บ้าง”
“เรายังทำอะไรได้อีกเยอะแยะ ใช่ว่าฉันต้องผูกติดกับไห่รุ่ยสักหน่อย เรายังมีตัวเลือกอื่นอยู่” ซ่งซินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถังหนิงแก่ ดูจากท่าทีของมันวันนี้ เห็นได้ชัดว่ามันพยายามจะใจเย็นเพราะไม่รู้จะสู้กับฉันยังไง ฉันอดใจรอดูว่ามันจะยังชูคอแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนไม่ไหวแล้วสิ”
นี่คือการตีความท่าทีของถังหนิงในสายตาของซ่งซิน แต่เธอไม่รู้เลยว่าถังหนิงเผชิญหน้ากับทุกคนด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่ต่างกัน ถังหนิงไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาให้ใครเห็น
แต่… เธอเพิ่งพูดว่าถังหนิงแก่อย่างงั้นเหรอ
…
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ซ่งซินมีการวางแผนมากกว่า อย่างน้อยภายใต้ความหยิ่งผยองก็ยังรู้ที่จะตัดสินสถานการณ์ต่างๆ
เธอรู้ดีว่าตอนนี้ถังหนิงครอบครองทรัพยากรส่วนใหญ่ของไห่รุ่ย หากเธอต้องการที่จะโดดเด่น เธอจำเป็นต้องแสดงให้ถังหนิงเห็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย
แต่อะไรกันล่ะ
บางทีเธออาจทำเป็นว่าบริษัทอื่นๆ ต่างก็กำลังต่อสู้เพื่อให้ได้ตัวเธออยู่เช่นกัน
ด้วยข่าวเกี่ยวกับการกดดันของไห่รุ่ย ทำให้มีบริษัทเอเจนซี่มากมายต่างพากันเสนอทางออกให้เธอ โดยเฉพาะบริษัทหน้าใหม่อย่างเฉิงเทียน นอกจากนั้นยังมีบริษัทภาพยนตร์และโทรศัพท์เจ้าอื่นๆ ที่แสดงความสนใจในตัวเธอเช่นกัน
ด้านหนึ่งซ่งซินกำลังแสดงความซื่อสัตย์ของเธอที่มีต่อไห่รุ่ย ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เธอเริ่มแสดงให้ทุกคนเห็นว่าไห่รุ่ยไม่เป็นมืออาชีพ เธอต้องการให้ทุกคนรู้ว่าโม่ถิงกดขี่บรรดาศิลปินของเขาอย่างไร้เหตุผลเพื่อให้ถังหนิงได้อยู่บนจุดสูงสุด ด้วยการปฏิบัติตัวราวกับสัญญาและความเป็นมืออาชีพเป็นเรื่องไร้สาระ
แต่เธอไม่รู้เลยว่าถังหนิงเคยใช้วิธีการนี้มาแล้วในอดีตโดยไม่เคยมีใครล่วงรู้มาก่อน
ซ่งซินต้องการให้ไห่รุ่ยปั่นป่วน เธอต้องการให้พวกเขายอมรับถึงความสำคัญของเธอ แต่… หลังจากสร้างความสับสนวุ่นวาย ไห่รุ่ยกลับไม่ออกมาโต้ตอบอะไรเลย
ไม่สิ พูดให้ถูกคือไม่ถึงกับไม่ออกมาตอบโต้อะไร อย่างน้อยในระหว่างการสัมภาษณ์หนึ่งของฟังอวี้ เขาได้พูดกลับสื่อว่า “ซ่งซินถูกกดขี่อย่างนั้นหรือครับ ไม่เห็นมีใครในไห่รุ่ยทราบเรื่องนี้เลย”
“ถ้างั้นคุณได้ยินเรื่องที่เอเจนซี่เจ้าอื่นยื่นข้อเสนอให้เธอหรือเปล่าคะ”
“ทางเอเจนซี่ไม่ได้รับแจ้งเรื่องนี้เช่นกันครับ”
ฟังอวี้เป็นใคร เขาเป็นถึงอดีตผู้จัดการฝ่ายพีอาร์ของไห่รุ่ย เขาจะไม่อาจจัดการกับปัญหาอันน้อยนิดเช่นนี้ได้เชียวหรือ เพียงแค่ใช้การหันเหความสนใจเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะขจัดความข้องใจของสื่อได้อย่างง่ายดาย
กระนั้นซ่งซินกลับไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เธอถึงขนาดปล่อยภาพตัวเธอเองขณะกำลังทานมื้อค่ำกับบอสของอีกเอเจนซี่หนึ่งออกมา
ดังนั้น…
“ผมคิดว่าซ่งซินรู้จักที่จะเคารพสัญญา”
ด้วยประโยคง่ายๆ เพียงประโยคเดียวจากไห่รุ่ยก็เพียงพอที่จะเน้นย้ำให้เห็นถึงขีดจำกัดของไห่รุ่ย หากซ่งซินกล้าที่จะย้ายเอเจนซี่ ไห่รุ่ยก็จะมุ่งหน้าเรียกร้องค่าเสียหายเพียงอย่างเดียว
แม้แต่ฟังอวี้เองก็อดไม่ได้ที่จะทั้งหัวเราะและร้องไห้ ทำไมซ่งซินถึงเอาแต่สร้างปัญหาแบบนี้นะ
เธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับไห่รุ่ยมากขนาดนั้น ส่วนถังหนิงเองก็แค่คิดจะเอาคืนอีกฝ่าย ถังหนิงไม่เคยรู้สึกว่าซ่งซินเป็นคู่ต่อสู้ที่ควรค่าด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริง ซ่งซินนั้นตั้งใจจะย้ายเอเจนซี่จริงๆ แต่เธอไม่ต้องการจากไปง่ายๆ เธอต้องการให้ไห่รุ่ยได้รู้สึกหวาดกลัวเสียก่อน
ดังนั้นเธอจึงปล่อยเพลงออกมาตามปกติ ที่จริงผลตอบรับของมันดีมากจนเธอได้ปรากฏตัวในข่าวบันเทิงและติดอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับเพลง
แต่หลังจากศึกอันยาวนานและยากลำบาก ไห่รุ่ยกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ กลับกัน ซ่งซินกลายเป็นฝ่ายหมดเรี่ยวแรง เพราะเธอขาดคนหนุนหลังที่เหมาะสม
หากมองไปที่เหล่าเซเลบสาวที่อยู่ๆ ก็โด่งดังขึ้นมาแล้วละก็ ชัดเจนว่าคนพวกนั้นล้วนแล้วแต่มีคนรวยคอยหนุนหลังทั้งสิ้น
ในอดีต เธอปฏิเสธผู้ชายฐานะร่ำรวยไปมากมายเพราะความหยิ่งผยองของตัวเอง บัดนี้เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนั้นมันช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
“จิ่งหง เธอคิดยังไงถ้าฉันจะหาใครสักคนมาหนุนหลัง”
“ในที่สุดเธอก็คิดเรื่องนี้ได้แล้วงั้นเหรอ” ก่อนหน้านี้จิ่งหงเคยเสนอเรื่องนี้มาแล้ว แต่เมื่อเป็นเรื่องของพื้นเพครอบครัวแล้ว คนมากมายต่างก็มีพื้นเพครอบครัวที่แตกต่างกัน ดังนั้นซ่งซินจึงต้องหาคนหนุนหลังที่มีความค่อนข้างมั่นคง
ซ่งซินเคยเป็นคนหยิ่งผยองมากจนคิดว่าการมีพ่ออุปถัมภ์หรือเป็นเมียน้อยใครเป็นเรื่องสกปรกโสมม แต่ตอนนี้…
…เธอไม่พูดอะไรเช่นนั้นเลย
“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วไงว่าทายาทของไคหวงฟิล์มพยายามจะขอเธอออกเดต แต่เธอไม่สนใจเขา เธอต้องการให้ฉันจัดนัดระหว่างเธอกับเขาไหมล่ะ เธอควรรู้ไว้นะว่าครอบครัวเขาเป็นเจ้าของโรงหนังกว่าครึ่งในประเทศ…”
ซ่งซินสูดควันบุหรี่ก่อนพยักหน้า “เอาสิ ฉันจะไปพบเขา
“นี่ถือเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ต่อถังหนิงหรือเปล่า”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ” ต้วนจิ่งหงตอบ “ผู้หญิงคนนั้นก็มีโม่ถิงเป็นคนหนุนหลังไม่ใช่หรือไง สิ่งที่เราทำก็แค่ช่วยให้เธออยู่ในจุดที่ยุติธรรมเท่านั้นเอง”
ใช่แล้ว!
หากถังหนิงใช้ความเป็นสามีภรรยาฟ้องเรื่องต่างๆ ได้ แล้วทำไมเธอจะหาตัวช่วยอื่นบ้างไม่ได้
“ฉันจะให้เธอจัดการเรื่องนัดหมายแล้วกัน”
ต้วนจิ่งหงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าซ่งซินกำลังใช้ทางลัด ไม่สิ นี่ไม่ใช่ทางลัด มันเป็นรางวัลของคนฉลาดต่างหาก!
…
ขณะที่ซ่งซินกำลังสร้างความปั่นป่วนอยู่นั้น ถังหนิงก็กำลังนอนหลับอยู่ที่บ้านเพื่อพักผ่อนและอ่านบทละครของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อให้ซ่งซินตื่นตระหนก
“บอกฉันหน่อยสิว่าซ่งซินวางแผนจะทำอะไรต่อไป” หลงเจี่ยเต็มไปด้วยความสงสัยขณะที่เธอช่วยถังหนิงหั่นผลไม้
เพราะถังหนิงไม่ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อมานานแล้ว
“ฉันคำนวณว่าเด็กนี่ตอนเด็กน่าจะขาดความรักนะ มีแต่คนที่ขาดความรักเท่านั้นถึงจะพยายามเรียกร้องความสนใจ
“เด็กนี่กำลังรู้สึกดีกับตัวเองอยู่ตอนนี้และต้องการให้นายใหญ่เสียใจในสิ่งที่เขาทำลงไป แล้วยังต้องการให้คุณสำนึกอีกด้วย ฉันว่ามันน่าจะยังมีแผนซ่อนไว้อีกเยอะเลยล่ะค่ะ”
ถังหนิงยิ้มหยัน “ฉันจะรอดูว่าเด็กคนนั้นจะสร้างฉากน่าตื่นเต้นแบบไหนได้บ้าง”
“คุณรู้แล้วเหรอคะว่าเด็กนั่นกำลังวางแผนจะทำอะไร” หลงเจี่ยถามพลางมองถังหนิงปิดเปลือกตาลง
“ผู้หญิงคนนั้นแค่ต้องการสร้างความยุ่งยากให้ฉันไม่ใช่เหรอ”