เมื่อได้ยินดังนี้ลู่เช่อก็หัวเราะออกมาทันที “ในเมื่อคุณคิดว่าผมกำลังบังคับคุณ อย่างนั้นทำไมผมไม่บีบคุณอีกสักหน่อยล่ะครับ
“จริงๆ แล้วเด็กคนนั้นที่คุณกำลังกอดจูบอยู่ไม่ใช่หลานชายของคุณหรอกครับ ย้อนไปตอนที่ผมให้ตัวอย่างน้ำเชื้อกับคุณ ผมสลับกับของคนอื่นมาให้น่ะ ผมถึงไม่มีลูกชายไงล่ะครับ!”
พูดจบลู่เช่อก็หยิบผมตรวจดีเอ็นเอออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้คุณนายลู่ “ดูให้ดีซะนะครับ อีกไม่นานพ่อของเด็กก็น่าจะมาถึงแล้วล่ะ”
หลังจากดูเอกสารที่ลู่เช่อหยิบออกมา คุณนายลู่พลันเข่าอ่อน
“แล้วเด็กจะหน้าตาเหมือนผมได้ยังไงล่ะครับ”
“ลู่เช่อ!”
“คุณรนหาที่เองนะ!” ลู่เช่อตอบอย่างเย็นชา “แล้วเสี่ยวมั่นก็ท้องอีกครั้งแล้วด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ผมก็จะบอกลูกไปตามตรงหลังจากที่ลูกเกิดมาว่าคุณลู่กดดันพ่อแม่ของเขายังไง รวมถึงเรื่องที่เขาไม่มีย่าด้วย”
คุณนายลู่ตัวสั่นระริกไปด้วยความโกรธทว่าไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ ดวงตาเริ่มแดงก่ำพร้อมกับร่างที่สั่นเทา
ในตอนนี้เองที่แขกคนหนึ่งมาถึง พ่อบ้านพาเขาเข้ามาในห้องโถงก่อนเอ่ยกับคุณนายลู่ “นายหญิงครับ ผู้ชายคนนี้บอกว่ามารับลูกชายที่นี่ครับ”
ชายคนนี้เป็นชายร่างกำยำแข็งแรง ดูมีความเป็นสุภาพบุรุษ ทันทีที่ก้าวเข้ามา เขาทักทายลู่เช่อก่อนหันไปเอ่ยกับคุณนายลู่ “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ คุณลู่ แต่เด็กที่คุณอุ้มอยู่เป็นลูกชายของผม กรุณาคืนลูกของผมมาได้ไหมครับ”
คุณนายลู่มองหน้าเด็กในอ้อมแขนอย่างแทบใจสลายเต็มที
“เป็นไปไม่ได้…”
“ฉันเฝ้าดูแลแม่ลูกมานาน แต่คุณกลับบอกฉันว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่หลานชายของฉันงั้นเหรอ”
ชายคนนั้นมองท่าทีงงงันของคุณนายลู่ขณะที่เดินตรงเข้าไปหาเธอก่อนอุ้มเด็กมาจากมือเธอ
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่สะดวกจะเข้าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของคนอื่น ผมแค่มาเอาตัวเด็กไปเท่านั้นครับ”
พูดจบชายคนนั้นก็รีบจากไป มันเฉียดไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ดูสีหน้าคุณนายลู่แล้วเหมือนเธอจะคุกคามความปลอดภัยของเด็กได้ทุกเมื่อ โชคดีที่เขามาถึงทันเวลา
ย้อนกลับไปครั้งที่เขาคุยกับลู่เช่อที่โรงพยาบาล ลู่เช่อรับปากกับเขาว่าจะติดต่อให้เขามารับเด็กไปทันทีที่เด็กเกิดมา
หลังจากทุ่มเทแสนสาหัสกับลูกของคนอื่นมาตลอดทั้งปี คุณนายลู่กรุ่นโกรธอยู่ในใจ “ลู่เช่อ แกมันปีศาจ!”
“คุณเป็นคนทำเองนะ ไม่มีสิทธิ์มาโทษผมสิ” หลังจากว่าดังนี้ ลู่เช่อหันไปสนใจคุณพ่อลู่ที่ใบหน้าไร้สีไปแล้ว “พ่อครับ ผมขอโทษ”
คุณพ่อลู่โบกมือให้อย่างไร้ชีวิตชีวา เขารู้สึกเหนื่อยเต็มทนแล้ว “พวกเธอไปเถอะ…อย่ากลับมาอีก ไปใช้ชีวิตของตัวเองซะ”
“ลู่เช่อ แกมันเลือดเย็นสิ้นดี!”
ไม่มีคำว่า แม่ หลงเหลืออยู่ในใจของลู่เช่ออีกแล้ว ดังนั้นไม่ว่าคุณนายลู่จะพูดสิ่งใด เขาก็ทำเหมือนไม่ได้ยินขณะที่พาหลงเจี่ยออกจากบ้านไป
คุณนายลู่ตะโกนไล่หลังพวกเขามาอย่างเกรี้ยวกราด ทว่าลู่เช่อไม่สนใจแต่อย่างใด
ในขณะเดียวกันญาติๆ ในตระกูลลู่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่มีวันไปมีเรื่องกับลู่เช่ออีก หากเขาทำกับแม่ของตัวเองได้ลงคออย่างนี้ แล้วจะทำกับคนอื่นอย่างไร
ด้วยเหตุนี้ลู่เช่อจึงตัดขาดกับตระกูลลู่อย่างเป็นทางการ
หลงเจี่ยมองทุกอย่างอยู่เงียบๆ หากแต่เธอไม่มีสิ่งใดอยู่ในใจนอกเสียจากความรู้สึกเจ็บปวดในอก
เธอรู้ว่าในตอนนี้ไม่มีคำปลอบใจใดที่จะช่วยลู่เช่อได้ ถึงอย่างไรในโลกใบนี้จะมีอะไรทำให้ใจสลายไปมากกว่าการถูกแม่ตัวเองทำร้ายกัน ตลอดทางกลับบ้านหลงเจี่ยจึงไม่ได้ปริปากพูดสักคำ ก่อนทำได้เพียงกอดและเอ่ยปลอบใจสามีของเธอหลังจากกลับมาถึงบ้าน “ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วนะคะ”
ลู่เช่อไม่ได้ขยับตัวไปไหนขณะที่ปล่อยให้เธอกอดเขาอยู่อย่างนั้น ไม่นานเขาก็เริ่มสะอึกสะอื้นในอ้อมแขนของเธอ
หัวใจของมนุษย์ทำมาจากเลือดเนื้อ จะไม่ให้เจ็บปวดเมื่อถูกแม่ของตัวเองขุดหลุมลงไปได้อย่างไร
ในเวลาเดียวกันหลงเจี่ยตกอยู่ในความเสียใจ หากเธอรู้ก่อนหน้านี้ว่าความสุขของพวกเขาต้องแลกมาด้วยการเสียสละครั้งใหญ่ของลู่เช่อ เธอคงไม่ทะเลาะกับคุณนายลู่รุนแรงขนาดนี้
“ร้องออกมาเถอะค่ะ อยากร้องเท่าไรก็ปล่อยออกมาเลยค่ะ หลังจากที่คุณตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
ความจริงแล้วหลังจากที่ลู่เช่อจากไป มีหลายสิ่งเกิดขึ้นที่บ้านตระกูลลู่
ยิ่งเมื่อทุกคนกำลังพูดกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อ ในที่สุดคุณพ่อลู่ก็ตบะแตกขึ้นมา “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวฉัน ถ้าพวกเธอดูการแสดงจบแล้วก็กลับไปซะเถอะ ลูกชายของฉันเตือนแล้วนี่ ถ้ากล้าพูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เขาจะสู้กลับอย่างถึงที่สุด ถ้าเขาตัดขาดกับแม่ของตัวเองได้ พวกเธอก็ควรรู้ตัวเองว่าอยู่จุดไหนนะ…”
“คุณลุงสาม!”
“ไปซะ…”
คุณพ่อลู่ประกาศก้องไปทั่วบ้านเพราะเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ทุกคนจ้องมาที่เขาอย่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก คุณพ่อลู่ลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนเอ่ยกับคุณนายลู่เสียงเรียบ “ในที่สุดคุณก็ได้เห็นแล้วสินะ คุณแค่อยากหาทางบงการลูกชาย ไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับวงศ์ตระกูลเลย
“ไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนกับผมพรุ่งนี้ ถึงเวลาที่ต้องสะสางเรื่องระหว่างเราและหย่ากันได้แล้วล่ะ”
เมื่อคุณพ่อลู่ว่าเช่นนั้นทุกคนต่างถึงกับอึ้ง โดยเฉพาะคุณนายลู่
“คุณว่าอะไรนะคะ”
“ผมบอกว่าผมจะหย่าไง ผมอยู่กับคุณไม่ไหวอีกแล้ว”
ว่าแล้วเขาก็หันหลังจากไปและยุติเรื่องวุ่นวายนี้
ถึงอย่างไรหากเขาดูแลภรรยาของเขาให้ดีคงไม่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น แต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วและเขาเองก็เหนื่อยใจ
ในขณะที่คุณนายลู่ผู้ถูกทอดทิ้งทรุดลงไปกองกับพื้น เธอยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดลูกชายและสามีของเธอจึงทำกับเธอเช่นนี้ไปตามๆ กัน เธอทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ
บรรดาญาติตระกูลลู่หลบฉากออกไปหลังจากนั้นเช่นกัน พวกเขาไม่ต้องการมีเรื่องกับลู่เช่อ ฝูงชนในบ้านจึงจากไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงคุณนายลู่อยู่เพียงลำพัง…
ก่อนความมืดมิดจะค่อยๆ โรยตัวรอบกายเธอ
คืนนั้นไม่มีใครมีความสุขไปกว่าใคร หลังจากกลับมาถึงบ้าน ลู่เช่อไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่จิบเดียวในขณะที่ขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานอยู่ครู่ใหญ่
ในระหว่างที่หลงเจี่ยทำได้แค่คอยดูแลลูกสาวของพวกเขาและถอนหายใจออกมาขณะที่นั่งอยู่ในห้องเลี้ยงเด็ก…
หวังเพียงว่าเวลาจะช่วยเยียวยาบาดแผลในท้ายที่สุด
…
วันถัดมาลู่เช่อกลับมามีชีวิตชีวาอย่างเคยและทำตัวเป็นปกติ หลงเจี่ยจึงทิ้งเรื่องที่เกิดขึ้นคืนก่อนไว้ในอดีตก่อนกลับไปอยู่ข้างๆ ถังหนิงหลังจากลู่เช่อออกไปทำงาน
อย่างไรก็ตามเธอเหม่อลอยตั้งแต่เข้าไปถึงไฮแอทรีเจนซี ถังหนิงจึงสังเกตได้ถึงอาการของเธอ
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเธอและลู่เช่อกันล่ะ ทำไมวันนี้เธอเอาแต่เหม่อทั้งวันเลย”
ในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว หลงเจี่ยจึงตัดสินใจเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ถังหนิงฟัง ก่อนระบายความเศร้าเสียใจของตัวเองออกมา
“สุดท้ายลู่เช่อกับพ่อแม่ของเขาเลยตัดขาดกันไม่เหลือเยื่อใยน่ะค่ะ”