ขณะที่รถตู้ของซ่งซินเข้าจอดเทียบที่ปลายพรมแดง แขกคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ทยอยเดินทางมาถึง
ซ่งซินนั้นกำลังเป็นประเด็นร้อนในกรุงปักกิ่ง ดังนั้นจึงมีนักข่าวจำนวนมากมารอสัมภาษณ์เธออยู่ที่ทางเข้างาน
เป็นผลให้เหล่านักข่าวเข้าไปล้อมซ่งซินทันทีที่เธอปรากฏตัวที่ปลายพรมแดง…
ซ่งซินเพลิดเพลินกับความสนใจที่ได้รับ มันเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์ราวกับยาเสพติดชนิดหนึ่ง เธอสนุกกับการได้อยู่บนจุดสูงสุด
ต้วนจิ่งหงตามไปข้างๆ ซ่งซินขณะที่เหล่านักข่าวเดินตามเธอทุกฝีก้าว ใบหน้าเธอประดับด้วยรอยยิ้มที่ลบไม่ออกเพราะภาพตรงหน้าเธอคือหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความนิยมของซ่งซิน จะมีสักอีกกี่คนในปักกิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันนี้
อย่างไรก็ตาม…ความเย่อหยิ่งของต้วนจิ่งหงนั้นคงอยู่ได้ไม่นานนักเพราะจู่ๆ ก็มีรถโรลส์รอยซ์คันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบที่ปลายพรมแดงและดึงความสนใจของทุกคนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างที่คุ้นเคยก้าวลงมาจากรถ เหล่านักข่าวที่ล้อมซ่งซินอยู่ก็กรีดร้องด้วยความตื่นเต้นและวิ่งไปทางร่างนั้นพร้อมกับอุปกรณ์ในมือทันที
“นั่นมันถังหนิงนี่…”
“ถังหนิงมาแน่ะ รีบถ่ายภาพไว้เร็ว”
“โอ้ว…ถังหนิง! โอ้พระเจ้า คุณคือผู้หญิงท้องที่สวยที่สุดที่ผมเคยเห็นเลยครับ!”
ภายในไม่กี่นาที ซ่งซินก็ได้สัมผัสว่าการตกจากสวรรค์และดิ่งตรงไปยังนรกทันทีนั้นรู้สึกอย่างไร
หญิงสาวมั่นใจมาตลอดว่าเธออยู่ในระดับเดียวกันกับถังหนิง อันที่จริง เธอถึงกับคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่เธอจะนำหน้าถังหนิงแล้วเพราะผู้หญิงคนนี้ห่างหายจากวงการไปพักหนึ่ง ทว่าความเป็นจริงนั้นช่างแตกต่างจากความคาดหมายของเธอ การปรากฏตัวอันเรียบง่ายของถังหนิงนั้นก็มากพอที่จะทำให้เหล่านักข่าวเป็นบ้ากันได้แล้ว
และทุกคนที่เพิ่งจะห้อมล้อมเธอนั้น ก็วิ่งกรูกันไปหาถังหนิง…
“ถังหนิง…”
เหล่านักข่าวอยากจะเข้าใกล้ถังหนิงมากกว่านี้ แต่ถังหนิงกลับประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันแล้วขอบคุณทุกคน “ขอโทษด้วยนะคะ เพราะกำลังตั้งท้อง ฉันจึงไม่สามารถยืนนานๆ ได้ หวังว่าทุกคนจะระมัดระวังกับฉันนะคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังหนิง เหล่านักข่าวก็ถอยหลังกลับไปคนละสองสามก้าวทันที พวกเขาไม่ได้ลืมว่าเธอกำลังตั้งท้อง
ดังนั้นถังหนิงจึงเดินให้เร็วขึ้นและตามซ่งซินจนทัน โดยหลักการแล้ว ในเวลาเช่นนี้เหล่าสื่อมวลชนจะต้องลากทั้งคู่มายืนด้วยกันและเอ่ยถามพวกเขามากมาย ทว่าเพื่อที่จะได้เห็นถังหนิงนานขึ้นอีกนิด เหล่านักข่าวกลับเมินซ่งซินกับผู้ช่วยก่อน
ใช่แล้ว พวกเขาถูกเมิน!
ความตื่นเต้นที่ซ่งซินรู้สึกในตอนแรกนั้นได้กลับกลายเป็นความเกลียดชังไปแล้วในตอนนี้
ที่สำคัญที่สุด ภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นถูกบันทึกเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจโดยแฟนคลับคนหนึ่ง
“มีข่าวลือบนโลกออนไลน์แพร่ออกมาว่าถังหนิงอิจฉาซ่งซิน เธอก็เลยคุยกับโม่ถิงบนเตียงและขอให้เขากดขี่เธอซะ”
“เธอเชื่ออะไรอย่างนั้นด้วยเหรอ นี่เธอได้คิดถึงความแตกต่างระหว่างผู้หญิงทั้งสองคนนี้หรือยัง”
“คนที่สื่อมวลชนติดตามก็คือคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในตอนนี้ยังไงล่ะ”
“นี่ ฉันขอเล่าเรื่องกับคลิปตลกๆ ที่เพิ่งดูไปหน่อยนะ ตอนแรกซ่งซินกำลังเดินบนพรมแดงพร้อมกับนักข่าวที่เดินตามหลังเธอไป แต่ทันทีที่ถังหนิงปรากฏตัวก็ไม่มีใครสนใจซ่งซินอีกเลย ไม่ใช่แค่นี้นะ ซ่งซินโดนนักข่าวคนหนึ่งชนจนเกือบล้มด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ พวกเธอไม่คิดว่ามันตลกเหรอ นี่แหละที่เขาเรียกว่าความแตกต่างกันด้านความสามารถและข้อพิสูจน์ความแตกต่างของพวกเขา”
เซเลบหญิงจำนวนหนึ่งกำลังสุมหัวนินทากันอยู่ในพื้นที่นั่งสำหรับแขก จู่ๆ ซ่งซินก็กลายเป็นเรื่องที่ตลกที่สุด
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าหล่อนไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
ที่นั่งของซ่งซินเองก็อยู่ในละแวกนั้นเช่นกัน ทันทีที่ได้ยินคำเยาะเย้ยของทุกคน หญิงสาวก็อดเถียงกลับไปไม่ได้ว่า “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความมั่นใจของฉันมาจากไหน แต่อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าฉันดีกว่าพวกแกก็แล้วกัน”
ผู้หญิงกลุ่มนั้นไม่คาดคิดว่าซ่งซินจะตอบโต้ ดังนั้นเสียงหัวเราะของพวกเขาจึงดังยิ่งขึ้นไปอีก “ดีกว่าพวกเรานี่มันดียังไงเหรอ เธอดีกว่าถังหนิงไหมล่ะ”
“หล่อนพูดไม่ใช่เหรอว่าถังหนิงอิจฉาในความสามารถของหล่อน หล่อนพูดไม่ใช่เหรอว่าหล่อนเป็นภัยกับเธอ หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นบนพรมแดง หล่อนสำนึกหรือยังล่ะว่าหล่อนคิดผิด”
“เดิมทีถังหนิงจะไม่มางานการกุศลนี้หรอกนะ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็มา…หล่อนรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง
“มันหมายความว่าตบฉาดที่เธอมอบให้หล่อนบนพรมแดงนั่นมันสะใจมากเลยยังไงล่ะ”
“ถังหนิงมาเพื่อแสดงให้หล่อนเห็นว่าความนิยมที่แท้จริงคืออะไร”
ซ่งซินอดทนกับการเย้าแหย่จากผู้หญิงกลุ่มนั้นเพราะไม่สามารถสู้กลับได้ นี่ยังไม่นับเรื่องที่เธอต้องประหลาดใจกับการแสดงอำนาจของถังหนิงบนพรมแดงและการโจมตีที่เธอได้รับ
ความมั่นใจของซ่งซินนั้นบอบช้ำอย่างรุนแรงขณะที่เธอจ้องไปยังถังหนิงที่กำลังนั่งอยู่ในโซนวีไอพี
การปรากฏตัวของถังหนิงนั้นสร้างความอัปยศอันใหญ่หลวงให้ซ่งซิน ดังนั้นการแสดงของเธอจึงได้รับผลกระทบเช่นกัน มีหลายครั้งที่เธอเกือบร้องเพลงเพี้ยนระหว่างที่กำลังทำการแสดง
ในทางตรงกันข้าม ถังหนิงเป็นอย่างไรบ้างล่ะ
เธอทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม ไม่สนใจซ่งซินเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือไม่มีแขกในงานคนไหนโต้ตอบกับซ่งซินเลยตลอดการแสดงของเธอ
ไม่มี!
ความเป็นจริงนั้นแสนโหดร้าย
“ซ่งซิน คืนนี้เธอเป็นอะไรน่ะ เป็นเพราะถังหนิงเหรอ นี่เธอเป็นได้ขนาดนี้เพราะเขาเลยเหรอ” ต้วนจิ่งหงรู้ว่าอารมณ์ของซ่งซินได้รับผลกระทบ แต่เธอไม่คิดว่ามันจะกระทบกับการแสดงของเธอด้วย
“อย่าพูดอะไรได้ไหม ขอฉันอยู่เงียบๆ เถอะ” ซ่งซินกำหมัด
ต้วนจิ่งหงถอนหายใจพลางตบบ่าซ่งซิน ทว่าทันทีที่ซ่งซินสังเกตเห็นว่าถังหนิงกำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวก็รีบไล่ตามเธอไปทันที
ต้วนจิ่งหงกลัวจะเกิดเรื่อง จึงตามหลังซ่งซินไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเห็นถังหนิงกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นเองที่ซ่งซินกระโจนเข้าไปขวางทางถังหนิง “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”
ในห้องน้ำมีเซเลบอยู่กันประมาณสองสามคน ทันทีที่พวกเขาเห็นซ่งซินเข้าไปขวางทางถังหนิง พวกเขาก็พุ่งตัวเข้ามาปกป้องเธอ “ไม่เห็นหรือไงว่าถังหนิงกำลังท้องอยู่ นี่หล่อนพยายามจะทำอะไรน่ะ”
“แกจงใจทำแบบนั้นใช่ไหม” ซ่งซินเอ่ยถามถังหนิงข้ามหัวผู้หญิงอีกสองคนที่เข้ามาขวางเธอ “แกจงใจมาที่นี่เพื่อทำให้ฉันต้องลำบากใช่ไหม”
“ซ่งซิน ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไรอยู่” ถังหนิงตอบด้วยความสับสน “ฉันไปทำให้เธอลำบากยังไงเหรอ”
“หยุดเจ้าเล่ห์ได้แล้ว แกโผล่หน้ามาทั้งๆ ที่เดิมทีแกไม่ควรจะมาร่วมงานนี้ ที่แกมาที่นี่ก็เพื่อจะแสดงอำนาจให้ฉันเห็นไม่ใช่เหรอ”
“เชื่อเขาเลยจริงๆ ซ่งซิน ฉันว่าหล่อนควรกลับเข้าไปในท้องแม่และเรียนรู้ศีลธรรมมาใหม่แล้วล่ะ” ผู้หญิงสวมชุดเดรสสั้นสีม่วงที่กำลังปกป้องถังหนิงหัวเราะพลางยกมือขึ้นมากอดอก “เขารู้กันหมดแล้วว่าหล่อนใช้ถังหนิงสร้างกระแส ไม่ละอายบ้างเหรอที่พูดพร่ำมาตลอดว่าถังหนิงกลัวหล่อนนักหนา
“แค่เพราะหล่อนโกหกเพื่อสร้างกระแสไม่ได้แปลว่าถังหนิงจะออกมาจากบ้านไม่ได้สักหน่อย
“พอเจ็บปวดกับความพ่ายแพ้และตระหนักถึงระยะห่างของตัวเองแล้ว หล่อนก็โทษถังหนิงที่มาออกอีเวนต์เดียวกัน ตอนที่สร้างกระแสหล่อนไม่คิดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งผิดเหรอ ไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเหรอ
“ทุกคนในวงการรู้ว่าหล่อนน่ะห่างจากถังหนิงอยู่อีกไกลโข มีแต่หล่อนแหละที่กำลังโกหกตัวเอง…”