ไม่นานก็ครบกำหนดสามวัน บรรดาสื่อมวลชนต่างคอยื่นคอยาวอย่างคาดหวังว่าหลักฐานที่ซูอวี๋อีจะเด็ดสักแค่ไหน
หันเจี๋ยเองก็ต้องการเห็นว่าเธอจะมาไม้ไหนอีก อย่างไรเสียเขาก็ควบคุมทุกคนที่เกี่ยวข้องเอาไว้แล้ว เธอจะมีโอกาสได้อีกอย่างไร
…
แต่ทว่าซูอวี๋ได้โชคก้อนโตมาในช่วงสามวันนี้ เพราะเธอได้รับข้อมูลจากการสืบของหลงเจี่ย เธอกับถังหนิงจึงรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่เข้าด้วยกัน
ไม่นานซูอวี๋ปรากฏก็ตัวต่อหน้าสื่อมวลชนอย่างที่รับปากไว้ และทำตามแผนของถังหนิงโดยการเปิดเผยหลักฐานชิ้นแรกของเธอ หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการคบชู้กับเลขาของเขาของคุณพ่อหัน และข่าวลือว่ามีคนเห็นรถของเขาสั่นไหวอยู่ใกล้ที่พักของเลขาสาว แน่นอนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน จึงไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดเหลืออยู่ แต่วิดีโอที่ซูอวี๋เปิดเผยเป็นคำบอกเล่าจากคนแถวบ้านที่เล่าเหตุการณ์ที่ได้เห็นและได้ยินด้วยตัวเอง
ความจริงแล้วซูอวี๋มีหลักฐานแน่นหนาที่หลงเจี่ยได้มาจากการตามสืบ ตอนนั้นหนึ่งในเพื่อนบ้านได้บันทึกภาพการเติบโตของลูกชายตัวเองด้วยการถ่ายรูปไว้ และบังเอิญจับภาพคุณพ่อหันกับเลขาคลอเคลียกันอยู่ด้านหลังไว้ได้
ถึงรูปพวกนี้จะเก่าและเป็นภาพขาวดำ แต่ก็ยังคงชัดเจนพอ
อย่างไรก็ตาม ซูอวี๋ทำเพียงเปิดเผยวิดีโอที่สัมภาษณ์ ไม่ได้เอารูปมาเปิดโปงด้วย
ดังนั้นสื่อจึงพากันหัวเราะทันทีที่พวกเขาเห็นวิดีโอ
“มันผ่านมายี่สิบปีแล้ว เพื่อนบ้านจะจำทุกอย่างได้แม่นยังไง เธอคงถูกติดสินบนน่ะสิ”
“ก็นั่นน่ะสิ เรารอมาสามวันเต็มเพื่อได้ดูวิดีโออย่างนี้เนี่ยนะ ไร้สาระจริงๆ!”
“นี่มันไม่เรียกว่าเป็นหลักฐานด้วยซ้ำ อย่าบอกนะว่าซูอวี๋ไม่มีอะไรมาให้ดูแล้วน่ะ”
หลังจากได้เห็นการเปิดโปงของซูอวี๋ หันเจี๋ยก็นั่งหัวเราะอยู่ในห้องทำงานตัวเอง หากนี่คือสิ่งที่ซูอวี๋กับถังหนิงเรียกว่าหลักฐานละก็ เธอคงไม่มีทางล้างมลทินให้ตัวเองได้หรอก ในที่สุดหันเจี๋ยจึงยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังจากระวังตัวน้อยลง
“ผมมั่นใจว่าสื่อคงได้เห็นหลักฐานที่แม่ของผมสร้างขึ้นมาแล้ว ผมว่าเธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เมื่อก่อนพ่อของผมรักเธอมากแต่เธอก็ยังหักหลังครอบครัว ตอนนี้เธอพยายามกรีดแผลเก่าโดยการเอาวิดีโอโง่ๆ นั่นมาเป็นหลักฐานเนี่ยนะ ผ่านไปยี่สิบปีแล้วเพื่อนบ้านจำทุกอย่างได้ยังไงกันครับ นี่มันใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉะนั้นพวกเราไม่ใช่คนผิดครับ!
“ผมหวังเพียงแต่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะจบลงในเร็ววัน พ่อของผมกับเลขาของเขาไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ผมรับประกันได้เลย
“ผมต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงเช่นกันครับ และต้องขอโทษที่ทำให้ต้องมาเจอกับเรื่องน่าขันอย่างนี้ด้วย”
คนส่วนมากคิดว่าหลักฐานของซูอวี๋เป็นเรื่องตลก หากถังหนิงบงการอยู่เบื้องหลังจริงเธอคงล้มเหลวในการแก้ข่าวอย่างแรง นี่มันไม่สมกับเป็นเธอเลย
ประกอบกับเรื่องที่หันเจี๋ยลั่นปากรับประกันเอาไว้ ดูเหมือนว่าการแสดงคงจบลงแล้ว
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังเยาะเย้ยซูอวี๋ที่สร้างกระแส เธอก็เดินหน้าปล่อยหลักฐานชิ้นที่สองของเธอต่อไป หากวิดีโอนั้นเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย อย่างนั้นหลักฐานชิ้นต่อมา…ก็คือจานหลัก!
เพราะรูปที่เธอปล่อยออกมาแม้จะเก่า แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าคู่รักที่กอดคลอเคลียอยู่ด้านหลังคือคุณพ่อหันกับเลขาของเขา
ทว่าไม่ได้มีเพียงรูปเดียว
ยังมีรูปที่กอดและแม้กระทั่งจูบกันอีกหลายรูป…
ทันทีที่รูปเหล่านั้นถูกปล่อยออกไปทุกคนถึงกับตกตะลึง
“เห็นชัดๆ ว่าเป็นการคบชู้ พวกเขาปฏิเสธไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ มีรูปพวกนี้เป็นหลักฐานแล้วนี่!”
“หันเจี๋ยรับประกันเมื่อกี้นี้แล้วหลักฐานก็ถูกปล่อยตามมาทันที การตบหน้าครั้งนี้สาแก่ใจจริงๆ ”
“ดูจากวิธีการแล้ว เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเธอขุดหลุมพรางให้หันเจี๋ยตกลงไป”
“ฮ่าๆๆ … ฉันละชอบการตบหน้าอย่างนี้จัง นี่สิถึงจะสมกับเป็นถังหนิง รู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนความสะใจเลย”
“อย่างนั้นถ้าเรากลับมาเข้าเรื่อง หันเจี๋ยรับประกันว่าพ่อของเขากับเลขาไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่ซูอวี๋ก็แสดงหลักฐานที่พิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว วันเวลาที่อยู่บนรูปก็เป็นช่วงก่อนที่คุณพ่อหันกับซูอวี๋จะหย่ากันด้วย! หมายความว่ามันเป็นการคบชู้ที่แก้ตัวไม่ขึ้นไงล่ะ!”
ดังนั้นซูอวี๋จึงเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งแรก และหลักฐานก็ทำให้เธอน่าเชื่อถือขึ้นมาก ในทางกลับกันหันเจี๋ยได้สูญเสียความน่าเชื่อถือไปทำให้คนเชื่อเขาได้ยากขึ้นมากในการต่อสู้ในคราวต่อไป
“แล้วตอนนี้ตระกูลหันจะตอบคำถามฉันได้หรือยัง ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะได้ปล่อยหลักฐานระลอกใหญ่ที่สอง”
เมื่อหันเจี๋ยเห็นการท้าทายนี้เขาก็แทบเสียสติ!
“ถังหนิงจะเจ้าแผนการเกินไปแล้ว!”
หันซิวเช่อมองท่าทีหัวเสียของหันเจี๋ย จึงพูดเย้ย “ใครบอกให้พี่ประมาทเธอกันล่ะ”
“ทำไมนายถึงไม่ยี่หระได้ขนาดนี้ในเมื่อนายก็มีส่วนต้องรับผิดชอบในการปกป้องชื่อเสียงของตระกูลหันด้วย”
หันซิวเช่อนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะบอกพี่ชายกลับ “ผมต้องปกป้องแน่ล่ะแต่ผมจะใช้วิธีของผมเอง”
“ฉันอุตส่าห์เอ็นดูนายมาหลายปีแต่นายกลับช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง”
หันซิวเช่อรู้ว่าพี่ชายของเขาเดือดเกินทนแล้ว เขาจึงเก็บข้าวของและมุ่งหน้ากลับบ้าน
ส่วนวิธีที่พูดถึงคือเขาจะตามสืบความจริง จากหลักฐานที่ซูอวี๋แสดงออกมา อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าพ่อของเขาคบชู้กับเลขาของตัวเองจริงๆ
พลันทำให้เขารู้สึกรังเกียจเลขาที่อ้างว่าเธอช่วยปลอบใจพ่อของเขา
เมื่อเขาเองทุกอย่างมาพิจารณาร่วมกัน ดูเหมือนว่าการเข้าทางหันเจี๋ยจะเป็นทางเดียวที่จะรู้ความจริงได้ เขาจึงเก็บของและย้ายเข้าไปอยู่กับหันเจี๋ย
“นายก็มีบ้านของตัวเอง มาอยู่ที่นี่ทำไม”
“เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาคับขัน พี่ไม่ห่วงว่าผมจะป่วนไปทั่วเหรอ” หันซิวเช่อถาม
หันเจี๋ยนวดต้นคอและไม่ได้ตอบกลับ ถูกของน้องชายเขา ระเบิดเวลาคนนี้อันตรายแต่การเก็บเข้าอยู่ใกล้ตัวก็ยังคงปลอดภัยกว่า
“ผู้หญิงคนนั้นทวงคำตอบอีกแล้ว ถ้าพี่ไม่ตอบ เธออาจจะแฉบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้ก็ได้นะ พอมันเกิดขึ้นก็อย่ามาโทษว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน”
“พอได้แล้วน่า แค่นี้ก็เครียดจะตายอยู่แล้ว!”
หันซิวเช่อไม่มั่นใจว่าซูอวี๋มีหลักฐานมากกว่านี้หรือไม่ แต่เขากำลังต้อนให้พี่ชายให้คำตอบเพราะยิ่งเจ้าตัวลงมือเร็วเท่าไรก็ยิ่งเผยช่องโหว่ออกมาเร็วเท่านั้น
…
ในขณะเดียวกันหลังจากคว้าชัยชนะมาในครั้งแรก ซูอวี๋จึงโทรไปขอบคุณถังหนิง
แม้ว่าอยู่ๆ หลักฐานจะโผล่ออกมาและเป็นโชคดีที่เพื่อนบ้านคงไม่สังเกตอะไรหากหลงเจี่ยไม่ได้ไปถามคำถามกับพวกเขา ดังนั้นจึงต้องขอบคุณถังหนิงกับผลที่ออกมา
“ทีนี้เราจะทำยังไงต่อล่ะ”
“ครั้งนี้หันเจี๋ยต้องออกมาให้คำตอบแน่ค่ะ ดังนั้นเราจะตอกกลับทุกอย่างที่เขาพูดและทำลายความน่าเชื่อถือของเขาให้สิ้นซาก! แบบนั้นคุณถึงจะชนะต่อให้คุณไม่มีหลักฐานก็ตาม! ยังไงก็ไม่มีใครเชื่อคำคนที่เอาแต่พูดโกหกอยู่แล้ว!”