ด้วยเหตุนี้สถานการณ์จึงกระจ่าง ใครๆ ต่างดูออกว่าคู่รักคงไม่แสร้งทำเป็นบาดเจ็บหากพวกเขาไม่ได้ปิดบังบางอย่างเอาไว้
สิ่งที่น่าขันที่สุดคือการที่หันเจี๋ยคิดว่าการวิ่งชนกำแพงนั้นเพียงพอจะพลิกกระดานและช่วยให้เขารักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ได้จริงๆ น่าเสียดายที่ซูอวี๋พังแผนของเขาด้วยเพียงไม่กี่ประโยค!
หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นวิ่งชนกำแพงอย่างเสียเปล่า!
ในขณะเดียวกันคนที่คอยติดตามเรื่องนี้เริ่มเชื่อคำพูดของซูอวี๋มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรเสียเธอก็สามารถจำรอยตำหนิเล็กๆ ของไอ้สารเลวนั่นได้อย่างชัดเจน
นักข่าวไปลองใจภรรยาที่คิด ฆ่าตัวตาย หลังจากนั้น และพบว่าเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสามีของตัวเองแม้แต่น้อยอย่างที่ถังหนิงกับซูอวี๋ว่าไว้ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนบ้านยืนกรานกันว่าคู่สามีภรรยาระหองระแหงกันมาตั้งแต่หลายปีก่อน ทั้งคู่เพิ่งจะออกมาพูดได้ไม่นานก็ถูกตอกกลับเสียแล้ว!
เมื่อเห็นดังนั้นหันเจี๋ยรู้สึกมืดแปดด้าน ถังหนิงกับซูอวี๋กดหัวและตบหน้าเขามาตั้งแต่แรก การมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าคงถึงเวลายอมแพ้แล้ว….
เป็นเวลาเดียวกับที่คุณพ่อหันเดินทางกลับมาจีนหลังได้รู้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์
ทันทีที่พบหน้าลูกชาย เขาก็มีเพียงคำเดียวให้อีกฝ่าย “ไอ้สวะเอ๊ย!”
บัดนี้หันเจี๋ยพ่ายแพ้ราบคาบ แค่คุณพ่อหันยอมลงมาจัดการเรื่องนี้ เขายิ่งกว่ายินดีที่จะถูกเรียกว่าไอ้สวะ
“ซิวเช่ออยู่ไหน เขาหายตัวไปได้ยังไง”
“ผมไม่มั่นใจ ช่วงนี้ซิวเช่อชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ” หันเจี๋ยตอบ
คุณพ่อหันเป็นชายร่างท้วมที่ได้สูญเสียความดูดีไปตามวัย อย่างไรก็ตามภรรยาของเขานั้นยังคงสาวและสวยอยู่
“ถ้าเจอซิวเช่อ บอกเขาว่าอย่าก่อเรื่องอีก ฉันจะจัดงานแถลงข่าวพรุ่งนี้ อยากให้แกมาด้วยและพิสูจน์ว่าซูอวี๋เสียสติไปแล้ว ถ้าจะมีใครจบเรื่องนี้ได้ คนคนนั้นก็ต้องเป็นแก”
อย่างไรคำพูดของลูกชายตัวเองก็นับว่าเป็นหลักฐานมัดแน่นแล้ว
ไม่นานหันซิวเช่อก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเห็นพ่อและแม่เลี้ยงของตัวเอง แววตาเย็นชาปรากฏขึ้น หากแต่ว่าด้วยเขามักจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วมันจึงไม่ได้เป็นที่สงสัย พวกเขาเพียงแค่พูดเรื่องของถังหนิงกัน
“นังบ้านั่น เธอยังจัดการเรื่องของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ กล้าดียังไงมาสาระแนเรื่องของคนอื่น
“ซูอวี๋ก็เหมือนกัน ผ่านมาตั้งยี่สิบปีแล้ว เธอหน้าไม่อายถึงขนาดยกเรื่องเก่ามาพูดถึงได้ยังไงกัน”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หันซิวเช่อก็พลันยืดตัวนั่งตรง
“ซิวเช่อ ทั้งหมดเป็นความผิดของแก ถ้าไม่ไปลองดีกับถังหนิงเรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้นหรอก แล้วแกก็คงไม่พาทั้งครอบครัวติดร่างแหไปด้วย”
“พ่อ ผมมีอะไรจะถาม พ่อกับผู้หญิงคนนั้นคบชู้กันเมื่อหลายปีก่อนหรือเปล่าครับ”
คุณพ่อหันมองหันซิวเช่อเขม็งก่อนตอบ “ไม่ใช่แน่นอน ฉันจะไปโกหกเรื่องนี้ได้ยังไง แม้แต่หนังสือพิมพ์ยังเขียนอย่างนั้นเลย แกก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วนี่…”
“อย่างนั้นผู้ชายสองคนที่แม่มีชู้ด้วยคือใครล่ะ”
คุณพ่อหันนิ่งค้างไปเมื่อได้ยินคำถามนี้ “ฉันจะไปรู้จักผู้ชายที่เธอไปมั่วด้วยได้ยังไงกันล่ะ”
ได้ยินเช่นนี้ หันซิวเช่อก็ตาสว่างอย่างถ่องแท้ เดิมทีเขายังคงมีความหวังกับพ่อของตัวเองอยู่บ้าง ด้วยคิดว่าบางทีลูกพี่ลูกน้องคนนั้นอาจจะโกหก
ทว่าจะมีชายคนไหนบ้างที่ไม่รู้จักผู้ชายที่ภรรยาของตัวเองคบชู้ด้วย
การแย่งภรรยาของคนอื่นนั้นร้ายแรงพอๆ กับการฆ่าพ่อของใครสักคนเลยไม่ใช่หรือ
“ยังไงก็เถอะ ทั้งแกกับพี่ชายของแกควรระวังคำพูดเอาไว้ด้วย ฉันอยากให้นังผู้หญิงเสียสติคนนั้นพังอีกครั้ง”
มั่นใจเสียเหลือเกินนะ!
หันซิวเช่อล่ะอยากจะหัวเราะเยาะ
“พอแล้วน่า อย่าคิดมากนักเลย แค่ตามมาที่งานแถลงข่าวตอนถึงเวลาก็พอ ตอนนี้มากินข้าวเย็นกันเถอะ”
เขายังมีอารมณ์กินข้าวเย็นได้อย่างไรกัน ผิดกับเขาที่กินอะไรไม่ลงสักนิด
คิดได้ดังนี้ หันซิวเช่อก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกลับไปที่ห้องของเขา ก่อนคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง “ผมจะออกไปซื้อของ กินกันก่อนเลยครับ”
“เรื่องของแก!” คุณพ่อหันตวาดใส่อย่างไม่สบอารมณ์
ที่แท้หันซิวเช่อก็ใช้ชีวิตอยู่กับคำหลอกลวงมาตลอดหลายปี แต่ครอบครัวของเขายังพยายามโกหกและใช้เขาเป็นเครื่องมืออีก หากแต่หลายสิ่งก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนเสมอไปหรอก
พวกเขาอยากจะจัดงานแถลงข่าวไม่ใช่หรือ หึ
เขาเองก็อาจจัดงานแถลงรับสารภาพแทนเช่นกัน อย่างนั้นสิถึงจะสะใจกว่า ถึงอย่างไรเขาก็ทำร้ายถังหนิงมาหลายครั้ง เกลียดชังซูอวี๋มาหลายปี ถึงเวลาที่เขาต้องชดใช้ทุกอย่างคืนให้พวกเธอแล้ว
…
ในขณะเดียวกันถังหนิงได้ข่าวว่าคุณพ่อหันกลับมา ในที่สุดตัวเอกที่แท้จริงมาถึงแล้ว
ในฐานะคนที่สมน้ำสมเนื้อกับหันอวี้ฝาน คุณพ่อหันยังไม่หมดหวังขณะที่เขารีบประกาศจัดงานแถลงข่าว
ดูท่าทางแล้ว เขาคงอยากจะเหยียบเรื่องนี้ให้มิด!
หากเขาสู้กับคนอื่น บางทีการสยบข่าวเพียงเล็กน้อยคงจะได้ผล หากแต่นี่คือกระดานหมากที่ถังหนิงเปิดขึ้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเล่นตามเกมของคนอื่น
“ในที่สุดตัวเอกที่แท้จริงมาถึงแล้ว เรื่องนี้คุณพ่อหันกับเมียน้อยของเขาคงเป็นคนที่ขายหน้ามากที่สุด”
“เราต้องเฝ้าระวังเลขาคนนั้นไว้ด้วยครับ เธอร้ายกาจขนาดนั้นมาตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว ผ่านมาตั้งยี่สิบปี วิธีการของเธอคงเหนือชั้นขึ้นมากแน่” โม่ถิงเอ่ยเตือนถังหนิง เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มเหนื่อยจากการอุ้มเหยียนเอ๋อร์ คุณพ่อถิงก็รีบเข้าไปคว้าตัวลูกสาวเข้ามาให้อ้อมแขนของตัวเอง กล่อมเข้านอนก่อนวางลงบนเตียง
“มีข่าวลือมากมายขนาดนี้ ฝันไปหรือยังไงว่าตัวเองจะสยบข่าวได้ ถ้าตระกูลหันคิดว่าพวกเขามีฝีมือทำให้เรื่องนี้เงียบได้ งั้นพวกเขาก็ประมาทคุณเกินไปแล้วล่ะค่ะ” ถังหนิงพึมพำ “ทันทีที่พวกเขาจัดงานแถลงข่าว คุณน้าซูจะมีบางอย่างที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าเดิมมาโจมตีพวกเขาค่ะ แล้วมาดูกันว่าคุณพ่อหันจะหน้าด้านได้สักแค่ไหน!”
“วันนี้ผมมีประชุม ไห่รุ่ยมีแผนจะปล่อย มดราชินี ปลายปีนี้นะครับ จะได้ทันร่วมชิงรางวัลเฟยเทียนปีนี้” โม่ถิงพูดเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
“คุณหมายถึงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเหรอคะ”
“หมายถึงผู้กำกับและผู้สร้างยอดเยี่ยมต่างหากครับ” โม่ถิงเอ่ยแก้ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดแทนถังหนิงอยู่ตลอดเวลา “นอกจากวางแผนให้คุณชนะรางวัล ผมไม่สนใจอะไรหรอกครับ”
“โอเคค่ะ ทำตามที่คุณคิดเถอะค่ะ แต่ฉันไม่สนว่าตัวเองจะชนะรางวัลผู้สร้างยอดเยี่ยมหรือเปล่าหรอกค่ะ แค่หวังว่าเฉียวเซินจะคว้ารางวัลมาได้เท่านั้น! มันคงจะทำให้เขาสบายใจได้ดีที่สุดน่ะค่ะ”
“เชื่อผมนะ ทุกคนจะต้องทึ่งกับหนังของคุณแน่”
“ฉันไม่เคยรู้ว่าคุณจะเชื่อมั่นในตัวฉันมากขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ” ถังหนิงโน้มกายเข้าสู่อ้อมกอดของเขา เธอหลงรักสิ่งที่ชายคนนี้ทุ่มเทให้กับเธอ หลงรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น “หลังจากเรื่องของตระกูลหันจบลง ฉันจะใช้เวลากับคุณให้มากขึ้นนะคะ ประธานโม่ คุณเหนื่อยมามากแล้วนะ!
“พอเวลานั้นมาถึง ครอบครัวของเราทั้งห้าคนจะได้ไปเที่ยวชายหาดสวยๆ ฉันอยากแต่งตัวให้ลูกชายเหมือนเป็นเจ้าชายตัวน้อยๆ …”
“ผมรอเห็นคุณในชุดว่ายน้ำอยู่นะครับ!” โม่ถิงกระซิบเสียงกระเส่าข้างหูถังหนิง