ต้วนจิ่งหงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวและเสียวสันหลังวาบมากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุด เธอก็หาเหตุผลมากมายมาปลอบโยนตัวเอง
“เป็นไปไม่ได้ ถังหนิงไม่มีทางฉลาดกว่าซ่งซินหรอก ถังหนิงไม่มีทางรู้หรอกว่าฉันทำอะไรลงไป”
แต่ทุกอย่างช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน ความบังเอิญเช่นนี้มีอยู่จริงงั้นหรือ
เช้าวันถัดมา ซ่งซินมุ่งหน้าไปที่ไห่รุ่ยด้วยตัวเองและรู้จากพนักงานคนหนึ่งที่นั่นว่าผู้จัดการของเธอถูกสุนัขกัด “เมื่อคืนมีใครบางคนประเมินตัวเองสูงเกินไป พยายามเข้าไปขโมยบางอย่างจากห้องทำงานของท่านประธาน แต่คนคนนั้นกลับถูกสุนัขท่านประธานกัดอย่างคาดไม่ถึง ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่านะ”
“ก็เรื่องจริงน่ะสิ! คนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้จัดการของซ่งซินที่ชื่อต้วนจิ่งหงนั่นละ เมื่อเช้ามีตำรวจเข้ามาตรวจดูสถานการณ์และเอาสำเนาภาพจากกล้องวงจรปิดไป น่าตลกชะมัด! หล่อนหาเรื่องใส่ตัวเองและถูกจับได้คาหนังคาเขาแท้ๆ!”
ซ่งซินบังเอิญได้ยินคนทำความสะอาดคุยกันระหว่างที่เธออยู่ในลิฟต์ ทันทีที่หญิงสาวก้าวออกมา เธอก็โทรหาต้วนจิ่งหงทันที “ตอนนี้เธออยู่ไหน”
“ฉะ…ฉันต้องกลับบ้านเกิดสักพักน่ะ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของฉัน” ต้วนจิ่งหงสร้างเรื่องโกหกทันที
“จิ่งหง เธอก็รู้นี่ว่าจะเป็นยังไงถ้าโกหกฉัน” ซ่งซินพุ่งตัวเข้าไปในห้องทำงานของฟังอวี้โดยไม่รอคำตอบของต้วนจิ่งหงและจ้องหน้าชายหนุ่ม “ผู้จัดการของฉันถูกสุนัขกัดเหรอคะ”
“เธอเป็นผู้จัดการของคุณนะ คุณควรจะถามตัวเองไหมครับ มาถามผมทำไม” ฟังอวี้ถามกลับโดยไม่ตอบคำถามของซ่งซิน
“การกระทำของท่านประธานโม่มันหมายความว่ายังไงคะ ทำไมเขาถึงปล่อยให้สุนัขมากัดผู้จัดการของฉัน”
“สุนัขของท่านประธานโม่เลี้ยงอยู่ในห้องทำงานของเขาครับ มันยังไม่เคยกัดใครเลย ผมก็เลยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมมันถึงกัดผู้จัดการของคุณ” ฟังอวี้เลี่ยงตอบความถามต่อไป “ตำรวจกำลังสืบเรื่องนี้และได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วครับ มันเป็นความผิดของผู้จัดการของคุณที่ไม่หลับไม่นอนตอนดึกๆ ดื่นๆ และแอบย่องเข้าไปในห้องทำงานของท่าประธานโม่เพื่อขโมยบางอย่างแทน นั่นเป็นเหตุผลที่เธอถูกกัด”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”
ฟังอวี้ดูจะคาดเดาคำตอบนี้เอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดในคอมพิวเตอร์ที่ตำรวจได้ดูไปเมื่อก่อนหน้านี้ให้ซ่งซินดู “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ หลักฐานมันก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้วครับ”
ซ่งซินดูไม่พอใจนัก โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด เธอไม่เคยคิดเลยว่าต้วนจิ่งหงจะโง่ถึงขนาดแอบย่องเข้าไปในห้องทำงานของโม่ถิง
ดังนั้นหญิงสาวจึงหลับตาลงแล้วเบือนหน้าหนีไปจากจอภาพ
“ไห่รุ่ยจะประกาศให้สาธารณชนได้ทราบความจริงก่อนจะเตรียมค่าสินไหมให้เธอ จากนี้ไป ผมก็ขออวยพรให้เธอได้ดีด้วยตนเอง
“อีกอย่าง เพื่อไม่ให้เรื่องนี้กระทบคุณมากเกินไป จะดีที่สุดถ้าคุณรักษาระยะห่างจากผู้จัดการของคุณและแยกแยะให้ได้”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ซ่งซินก็จับแขนของฟังอวี้ทันที “ไห่รุ่ยจะประกาศความจริงไม่ได้ แล้วจากนี้ฉันจะสู้หน้าคนบนโลกยังไงล่ะ”
“ไห่รุ่ยมีภาระผูกพันที่จะให้ความร่วมมือกับทางตำรวจและเปิดเผยความจริงครับ” ฟังอวี้ตอบนิ่งๆ “อีกอย่าง สุนัขของท่านประธานโม่อยู่ของมันดีๆ มาโดยตลอดและไม่เคยโจมตีใครมาก่อน ทำไมมันต้องถูกตำหนิเพราะผู้จัดการไร้สมองของคุณด้วยล่ะครับ ถ้าคนอื่นไม่รู้ พวกเขาคงคิดว่าท่านประธานโม่เป็นคนหัวรุนแรง”
ซ่งซินไม่มีเหตุผลหรือสิทธิ์อะไรในการยืนหยัดเพื่อต้วนจิ่งหงเลย ด้วยว่าเธอก็ถูกจำได้คาหนังคาเขาและมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน
แต่หญิงสาวนึกไม่ออกเลยว่าทำไมต้วนจิ่งหงถึงทำลงไปเช่นนั้น
ก่อนที่เรื่องราวดังกล่าวจะเริ่มแพร่ออกไป ซ่งซินปลอมตัวอย่างแนบเนียนและไปเยี่ยมต้วนจิ่งหงที่โรงพยาบาล เธอกลัวว่าผู้คนจะเชื่อมโยงเธอกับคำว่า ‘ขโมย’
“ซ่งซิน เธอมาแล้ว รีบช่วยฉันที”
ขาต้วนจิ่งหงปกคลุมไปด้วยผ้าพันแผลขณะที่เธอนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายไปด้วยความหวังทันทีที่เห็นซ่งซิน
“ช่วยเธอ?” ซ่งซินผลักต้วนจิ่งหงออกด้วยความผิดหวังอย่างที่สุด “คนทั้งปักกิ่งกำลังจะได้ยินเรื่องราวอันน่าอับอายของเธอ ฉันควรจะช่วยเธอยังไงล่ะ พวกตำรวจตรวจสอบความจริงแล้ว ส่วนไห่รุ่ยก็พร้อมที่จะประกาศความจริง ฟังอวี้ขอให้ฉันรักษาระยะห่างจากเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องเป็นทุกข์เล็กน้อยและจัดการตัวเองต่อหน้าแสงสปอตไลต์ด้วยตัวเอง” พูดจบ ซ่งซินก็หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าถือของเธอ
“ในนี้มีเงินจำนวนมากพอให้เธอได้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปอีกทั้งชีวิตเลย รักษาไว้ดีๆ ล่ะ…”
“นี่เธอวางแผนจะทอดทิ้งฉันในเวลาแบบนี้เหรอ” ต้วนจิ่งหงตกใจกับการกระทำของซ่งซิน
“ฉันไม่ได้ทอดทิ้งเธอ ฉันแค่หลบหน้าเธอไปสักพักเท่านั้นเอง เธอไม่อยากให้เราทั้งคู่ต้องถูกทำลายหรอกใช่ไหม ให้เวลามันหน่อย หลังจากที่เธอไม่ได้เป็นจุดสนใจแล้ว เธอก็เปลี่ยนชื่อและกลับมาอยู่เคียงข้างฉันได้”
ต้วนจิ่งหงนิ่งเงียบ เพราะถึงอย่างไร สิ่งแรกที่ซ่งซินทำทันทีที่เธอมาถึงนั้นไม่ใช่การเอ่ยถามเธอว่าจะทำอย่างไรดีหรือถามถึงอาการของขาเธอ แต่หญิงสาวกลับมอบเงินให้เธอและพยายามกำจัดเธอแทน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ต้วนจิ่งหงก็ถามขึ้นมาในที่สุดว่า “เธอไม่กลัวว่าฉันจะแทงข้างหลังเธอเหรอ”
“เธอไม่ทำแบบนั้นหรอก เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่” ซ่งซินตอบอย่างมั่นใจ
ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองรู้ความลับของอีกฝ่าย หากมีคนใดคนหนึ่งทรยศอีกคน พวกเขาทั้งคู่ก็จะต้องทุกข์ทรมาน ต้วนจิ่งหงจะประชันขันแข่งกับซ่งซินที่กำลังเป็นที่นิยมและมีพ่อเป็นผู้พิพากษาได้อย่างไรล่ะ
ดังนั้นต้วนจิ่งหงจึงแสยะยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหมองหม่น “ไปเถอะ อย่าลืมล็อกประตูด้วยล่ะ”
ซ่งซินมั่นใจแล้วว่าต้วนจิ่งหงรู้ว่าต้องทำอะไร เธอจึงบอกให้หญิงสาวไปพักผ่อน ครู่ต่อมา ต้วนจิ่งหงก็หายเข้าไปในห้องของโรงพยาบาลราวกับว่าซ่งซินไม่เคยไปปรากฏตัวที่นั่น
ดังเช่นคำที่พูดกันบ่อยๆ ว่าคนเราจะแสดงธาตุแท้ให้ได้เห็นตอนที่ลำบาก กลับกลายเป็นว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
ต้วนจิ่งหงทำได้เพียงอวยพรให้ซ่งซินโชคดีกับชื่อเสียงของเธอ…
…
ไม่นานนัก ไห่รุ่ยก็ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าต้วนจิ่งหงถูกสุนัขกัดในระหว่างที่เธอพยายามขโมยบางอย่าง ชื่อ ‘ต้วนจิ่งหง’ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเธอคือประเด็นร้อนแรงของคนทั่วทั้งประเทศในฐานะที่เป็นตัวตลก
[ผู้จัดการคนนี้นี่เป็นตัวสร้างปัญหาจริงๆ เธอลากซ่งซินให้ตกต่ำลงไปด้วยมากเกินไปแล้ว]
[ยัยนั่นสมองหมูหรือยังไงนะ กล้าดียังไงถึงพยายามไปขโมยของจากห้องทำงานของท่านประธานโม่ ก็สมควรแล้วล่ะที่ถูกหมากัดเอา!]
[ฉันรู้สึกละอายแทนหล่อนจริงๆ หล่อนทำตัวเองอับอายต่อหน้าคนทั้งประเทศเลยนะ]
[ไห่รุ่ยจัดการกับปัญหานี้ได้ดีทีเดียวเลยนะ ถึงผู้จัดการคนนี้จะไร้สมอง พวกเขาก็ยังช่วยเธอเรื่องเตรียมค่าสินไหม ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะไม่ให้หล่อนเลยแม้แต่สลึงเดียว เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าหล่อนไปแหย่หมามันเอง]
[ตอนนี้พอฉันมองหน้าซ่งซินทีไร ฉันก็รู้สึกอับอายนิดๆ ไปด้วยเลยแฮะ ไม่รู้ว่าทำไม!]
[ฮ่าๆ เธอไม่ใช่คนเดียวหรอก]
ทั่วทั้งโลกออนไลน์เต็มไปด้วยความคิดเห็นมากมาย แม้ซ่งซินจะพยายามทำตัวกลมกลืน แต่ก็ยังได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่ดี เพราะถึงอย่างไร ต้วนจิ่งหงก็เป็นผู้จัดการของเธอและการกระทำของต้วนจิ่งหงก็ทำให้มันยากที่จะแยกทั้งสองออกจากกัน
[ฉันรู้สึกเหมือนซ่งซินรู้เรื่องนี้และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดนะ]
[ซ่งซินกำลังอยู่ในจุดที่น่ากระอักกระอ่วน สิ่งที่ดีที่สุดที่เธอทำได้ในตอนนี้คืออยู่เงียบๆ เอาไว้]
…
สาธารณชนถกเถียงกันเรื่องปัญหานี้ต่อไปอย่างกระตือรือร้น แต่แน่นอนว่าฟังอวี้พบว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ช่างแปลกประหลาด ต้วนจิ่งหงดูไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น เธอทำพลาดครั้งใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร
ที่แปลกที่สุดก็คือ ทำไมจู่ๆ ถังหนิงที่กำลังจะคลอดลูกถึงรับเลี้ยงสุนัขตัวนั้น