หลี่ฉิงไอ้มองหน้าหันเจี๋ย เธอจ้องเขาเขม็ง “เธอไม่กล้าหรอก! ต่อให้เธอบีบคอฉันจนตาย หันซิวเช่อก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมา”
ในเมื่อหลี่ฉิงไอ้หนีไป เธอต้องเตรียมใจกับสิ่งที่จะตามมาหากถูกจับได้ไว้อยู่แล้ว ดังนั้นการถูกขังไว้จึงเป็นสิ่งที่คาดคิดไว้แล้ว
“ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้หรอก!” หันเจี๋ยออกแรงบีบมากขึ้น ทุกครั้งที่มองหน้าหลี่ฉิงไอ้ ภาพร่างที่อาบไปด้วยเลือดของหันซิวเช่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นปรากฏขึ้นในหัวทันที
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้เอง คุณพ่อหันคว้าไม้กอล์ฟในบ้านมาฟาดตรงเข้าที่ขาของหลี่ฉิงไอ้
เสียงร้องโหยหวนของเธอดังขึ้นเข้าหูของเขา หันเจี๋ยปล่อยมือก่อนที่หลี่ฉิงไอ้จะร่วงลงกับพื้น สั่นระริกไปด้วยความเจ็บปวด
“ต่อให้เขาจะไม่กล้าทำ แต่ฉันกล้า…”
“พ่อครับ…”
“อีกไม่นานฉันก็จะลงโลงอยู่แล้ว ตอนนี้ลูกชายฉันตายไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะทวงความยุติธรรมให้เขาไม่ได้!” คุณพ่อหันขว้างไม้กอล์ฟไปด้านข้าง นั่งยองๆ มองหน้าหลี่ฉิงไอ้ “ฉันหน้ามืดตามัวหลงเลี้ยงดูเธอเหมือนเพชรอยู่ยี่สิบปี แต่เธอก็ยังฆ่าลูกชายของฉันได้ลงคอเหรอ”
เธอนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นด้วยความทรมาน แรงที่คุณพ่อหันฟาดลงมานั้นเพียงพอที่จะทำให้เธอขาหักได้
“หลี่ฉิงไอ้ เราเข้าคุกไปด้วยกันก็ได้ แต่ฉันอยากให้เธอพิการไปตลอดชีวิต นี่เป็นราคาที่เธอต้องจ่ายที่ฆ่าลูกชายของฉัน!”
หลี่ฉิงไอ้ไม่อาจทนกับความเจ็บปวดได้ขณะที่เธอหมดสติไป ตอนนี้เองที่คุณพ่อหันโทรเรียกตำรวจเพื่อมอบตัว…
“พ่อ ทำอย่างนี้ทำไมกันครับ” หันเจี๋ยพยายามห้ามพ่อของตัวเอง “ทั้งโลกใบนี้ผมเหลือแค่พ่อคนเดียวนะ พ่อจะทิ้งผมไปอีกคนเหรอ”
“เสี่ยวเจี๋ย ฉันขอโทษ โดยเฉพาะกับแม่ของแกและซิวเช่อ ถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้ ฉันคงไม่มีทางระบายความโกรธในใจของฉันได้ งั้นแกก็ช่วยไปขอโทษแม่ของแกให้ฉันที! ทุกอย่างที่ฉันทำกับหลี่ฉิงไอ้วันนี้เป็นปัญหาส่วนตัวของฉันเอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกทั้งนั้น!”
“พ่อครับ…”
“ทำตามที่ฉันบอกซะ”
ไม่นานตำรวจก็มาถึง นอกจากจะพาตัวหลี่ฉิงไอ้ไป พวกเขายังเอาตัวคุณพ่อหันไปด้วย
ค่ำคืนแสนโกลาหลเริ่มขึ้นทันทีเมื่อสื่อได้ข่าวว่าหลี่ฉิงไอ้ถูกจับแล้วคุณพ่อหันก็ทำเธอขาหัก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวว่าเขาส่งตัวหลี่ฉิงไอ้ให้ทางเจ้าหน้าที่และไปมอบตัวด้วยตัวเอง
…
“ถึงจะฟังดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ถ้าฉันเป็นเขา ฉันคงจะสับทั้งครอบครัวของใครก็ตามที่ฆ่าลูกชายตัวเองเป็นชิ้นๆ เลย!”
“หักขาของเธอได้เยี่ยมมาก!”
“เขาทำลายขยะที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ช่างดีต่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ!”
“คนหนึ่งตาย คนหนึ่งต้องเจ็บปวด แล้วอีกสองคนก็เข้าคุกเพราะการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่มีคนชนะเลยสักคน แต่คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือหันซิวเช่อ!”
ผู้คนอดที่จะถอนหายใจออกมากับเรื่องของตระกูลหันไม่ได้ ใครบางคนเสียชีวิตในขณะที่อีกคนต้องเข้าคุก ถึงกระนั้นอย่างน้อยคุณพ่อหันก็ได้บทเรียนและรู้สึกตัวสักที
ตอนนี้หันเจี๋ยถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง นอกจากการจัดการงานศพของหันซิวเช่อแล้ว ยังต้องจ้างทนายความให้พ่อตัวเองด้วย เขากลายเป็นคนที่หัวหมุนที่สุดในตระกูล
แม้ว่าซูอวี๋จะบอกว่าเธอไม่มีทางยอมรับหันเจี๋ย แต่เมื่อเห็นลูกชายตัวเองต่อสู้ดิ้นรนอยู่ตัวคนเดียว เธอก็ไม่อาจอยู่เฉยได้
ถึงอย่างไรตอนนี้สมาชิกครอบครัวทั้งสี่ก็เหลืออยู่เพียงสองคนแล้ว
ไม่ว่าเธอจะแค้นใจแค่ไหน ตอนนี้มันก็บรรเทาลงไปเพราะคุณพ่อหันฟาดเข้าที่ขาหลี่ฉิงไอ้…
ซูอวี๋เข้าใจถึงเจตนาของคุณพ่อหัน เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจให้หลี่ฉิงไอ้สัมผัสความเจ็บปวดที่ซูอวี๋ได้รับเมื่อยี่สิบปีก่อน ความเจ็บปวดของการเดินไม่ได้อีกตลอดไป
หลังจากลังเลอยู่นานในที่สุดเธอจึงต่อสายหาหันเจี๋ย “ฉันจะช่วยแกจัดการเรื่องงานศพของน้องชายแกเอง สนใจเรื่องของพ่อแกไปเถอะ…”
“แม่ครับ พ่อฝากผมมาบอกว่าขอโทษแม่ด้วย”
“ฉันยอมรับคำขอโทษ” ซูอวี๋ตอบสั้นๆ
ผู้ชายคนนั้นเข้าคุกไปแล้ว ถึงเวลาที่ความแค้นในใจของเธอจะหายไปได้เสียที
หลังได้ฟังคำตอบของซูอวี๋ หันเจี๋ยรู้สึกโล่งใจ เขาจึงโทรไปหาถังหนิงและโม่ถิงเพื่อขอบคุณเช่นกัน
ถึงอย่างไรถังหนิงก็ช่วยพวกเขาตามหาตัวหลี่ฉิงไอ้ เขาจะจดจำเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต
…
“ฉันนึกไม่ถึงว่าคุณพ่อหันจะทำอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ” ถังหนิงถอนใจออกมาหลังจากที่ได้ยินว่าหันเจี๋ยโทรมาขอบคุณเธอกับโม่ถิง “ฉันคิดว่าพวกเขาจะแค่ขู่ให้เธอกลัวซะอีก”
“จริงอยู่ที่คุณพ่อหันดูแลเมียน้อยมาและทำผิดพลาดมามากมาย แต่เขาไม่เคยแสดงออกว่าเขาสนใจเงินทองที่สุดเลย
“จริงๆ แล้วเขาเอาใจใส่หันซิวเช่อมากเลยนะครับ แต่เขาไม่เคยรู้ว่าต้องแสดงออกยังไง
“ลูกชายเขาถูกคนรักของตัวเองฆ่า ไม่มีพ่อคนไหนทนเรื่องอย่างนี้ได้หรอกครับ” โม่ถิงเลื่อนสายตาไปยังลูกชายทั้งสองคนและเหยียนเอ๋อร์ขณะที่พูดออกมา
“ต่อไปนี้คงไม่มีใครก่อเรื่องเดือดร้อนให้ฉันได้แล้วล่ะค่ะ แต่…ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าการถูกหันซิวเช่อท้าทายไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่นักก็ไม่รู้นะคะ”
อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็เสียชีวิตไปแล้ว…
ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีก…
หากแต่อย่างน้อยซูอวี๋ก็ได้ล้างมลทินที่ถูกใส่ร้าย
สำหรับเธอ นี่เป็นการแก้ปัญหาที่คาดถึง เมื่อก่อนเธอเป็นได้เพียงนักกพากย์เสียง แต่นับตั้งแต่นี้เธอจะเป็นอะไรก็ได้
ด้วยเหตุนี้สามีของซูอวี๋จึงชื่นชมถังหนิงจากใจจริง เขาส่งของขวัญขอบคุณที่ดีที่สุดมาให้เธอด้วยซ้ำ “ต่อไปถ้าคุณวางแผนจะถ่ายทำ มดราชินีสอง และ มดราชินีสาม อย่าลืมชวนฉันด้วยนะ การมีดาราดังสายบู๊อยู่ในหนังไซไฟเป็นจุดขายที่ดีเลยล่ะ ฉันยินดีที่จะไปร่วมแสดงในฐานะเพื่อน ไม่ต้องการค่าตอบแทนอะไรทั้งนั้น!”
“อย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลยค่ะ” ถังหนิงยิ้มกว้าง อย่างไรดาราดังสายบู๊อย่างหลงชิงอวิ๋นก็ไม่ใช่คนที่จะเชิญมาได้ง่ายๆ ด้วยเงินหรือสถานะทางสังคม
ด้วยวัยและสถานะของเขา หากเขาไม่ตกลงด้วยตัวเอง คงไม่มีใครไปบังคับเขาได้
แม้ว่าถังหนิงจะยังไม่ได้เริ่มเตรียมการสำหรับ มดราชินีสอง แต่ตอนนี้เธอก็มีทางเลือกมากมาย ดีกว่าเมื่อก่อนที่เธอต้องไปต่างประเทศเพื่อเฟ้นหานักแสดงที่เหมาะสมกับภาพยนตร์
ในท้ายที่สุด คุณพ่อหันก็ถูกตัดสินจำคุกสามปีด้วยข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา และหลี่ฉิงไอ้ถูกตัดสินจำคุกยี่สิบปีในข้อหาฆ่าคนตาย
พูดอีกอย่างคือเธอคงจะอายุปาเข้าไปอย่างน้อยห้าสิบปีกว่าจะถูกปล่อยออกมาเป็นอิสระ…
เมื่อคุณพ่อหันได้ยินเช่นนี้ เขาก็ถอนใจออกมา “โชคดีที่เธอไม่ได้ถูดตัดสินประหารชีวิต ความตายมันง่ายเกินไปสำหรับเธอ ตอนนี้เธอต้องทนทุกข์ทรมานในคุกไปยี่สิบปีแทน”
“พ่อครับ ผมจะรอพ่อนะ รอให้พ่อกลับมาที่บ้าน” นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่หันเจี๋ยเอ่ยกับพ่อของเขาก่อนที่อีกฝ่ายจะถูกส่งตัวเข้าคุก เพราะการจากไปของหันซิวเช่อ พ่อลูกถึงได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน…
อากาศค่อยๆ หนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ …
ช่วงนี้วงการบันเทิงยังคงวุ่นวายอย่างเคย ผู้คนที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาพาให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาไม่น้อย
ส่วนรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมประจำปีก็ตกเป็นของนักร้องสาว ซิงหลาน อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันลัวเซิงยังทำงานในสายการแสดงในฐานะนักแสดงสมทบให้กับหลินเซิง การได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมนั้นถือว่าเป็นการชนะครั้งยิ่งใหญ่ของลัวเซิง!
ในขณะเดียวกันหัวข้อที่เป็นที่พูดถึงสูงสุดคือวันฉายของ มดราชินี ที่กำลังจะมาถึง…