เหตุผลที่ถังหนิงยังไม่คิดเตรียมการสำหรับ มดราชินีสอง เพราะ มดราชินี ยังไม่ทันได้ออกฉายอย่างเป็นทางการ เพื่อรางวัลเฟยเทียนแล้ว โม่ถิงจงใจยื้อเวลาในการออกฉายออกไป น่าแปลกใจที่กระแสของภาพยนตร์ไม่ได้ตกไปแต่อย่างใด
รางวัลระดับประเทศอื่นๆ เริ่มพิจารณากันแล้ว ทว่าถังหนิงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคือการช่วยให้เฉียวเซินได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมที่เขาสมควรได้รับ
ในคืนก่อนวันที่ มดราชินี จะออกฉาย หิมะร่วงโปรยปรายทั่วปักกิ่ง
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ถังหนิงได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแฟนๆ โดยการจองที่นั่งไว้สำหรับแฟนๆ ทั่วประเทศเพื่อให้พวกเขาได้ดื่มด่ำกับผลงานของเธอกับเฉียวเซินเท่าที่เป็นไปได้
ในเวลาเดียวกันภาพยนตร์ดังเรื่องอื่นๆ กำลังเข้าฉายในโรง ด้วยทุกคนรู้จักภาพยนตร์ของถังหนิง พวกเขาจึงจงใจเลี่ยงเข้าฉายวันเดียวกัน และกำหนดให้เข้าฉายก่อนภาพยนตร์ของถังหนิง มันเป็นทางเดียวที่แฟนๆ จะยังให้ความสนใจภาพยนตร์ของพวกเขาเพราะ มดราชินี
ทุกคนต่างหลีกทางให้ภาพยนตร์ของถังหนิง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะแข่งกับเธอ และเป็นทางเดียวที่จะเลี่ยงความอับอายขายหน้า
ในคืนวันฉายรอบปฐมทัศน์ ประธานโม่เลิกงานเร็วและกลับไปที่บ้าน หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เขาเข้าไปหาถังหนิงก่อนเอ่ย “พร้อมแล้วครับ ไปกันเถอะ…”
“หือ”
“ไปดูหนังของคุณไงครับ”
หลังจากกล่อมลูกๆ เข้านอนและฝากให้นักโภชนาการดูแลพวกเขาให้ เขาก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับถังหนิง
คู่รักในเสื้อคลุมกันหนาวตัวหนาพร้อมถุงมือสีดำกุมมือกันมุ่งหน้าไปยังโรงภาพยนตร์
เพราะอยู่ในช่วงหน้าหนาว ผู้คนจึงจำพวกเขาได้ยากขึ้นมาก พวกเขาแค่ต้องพันผ้าพันคอผืนหนาก็เป็นการปลอมตัวที่แนบเนียนแล้ว
เดิมทีพวกเขาเลือกโรงภาพยนตร์ที่หรูหราและกว้างขวาง แต่โม่ถิงรู้ว่าถังหนิงอยากจะเห็นปฏิกิริยาของผู้ชมเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาจึงตัดสินใจพาเธอไปโรงภาพยนตร์ธรรมดาแทน
เมื่อมาถึงโรงภาพยนตร์ โม่ถิงไปจอดรถในขณะที่ถังหนิงรอเขาอยู่บริเวณทางเข้า ตอนนั้นเองที่เด็กหญิงวัยห้าขวบวิ่งเข้ามากอดขาถังหนิงไว้ “หนูจำคุณได้ค่ะ คุณคือถังหนิง หนูเห็นคุณบนหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ค่ะ”
ถังหนิงผงะไปเล็กน้อย เด็กคนนี้มาจากไหนกัน เธอคุกเข่าลงไปมองหน้าเด็กหญิง “พ่อแม่หนูอยู่ไหนล่ะ”
“ถังหนิง หนูขอลายเซ็นคุณได้ไหมคะ”
ถังหนิงอายุเข้าวัยสามสิบต้นๆ แล้ว แต่เด็กหญิงคนนี้ก็ยังเรียกเธอด้วยชื่อเต็ม
เธออดไม่ได้ที่จะขำออกมาขณะที่บีบแก้มเย็นขึ้นสีระเรื่อของเด็กหญิงตัวน้อย “ได้สิ”
แม่ของเด็กหญิงคนนั้นมาตามหาลูกสาวตัวเองในเวลาต่อมา ทันทีที่เห็นถังหนิง เธอตื่นเต้นเสียจนต้องปิดปากตัวเองด้วยความอึ้ง
ถังหนิงส่งสัญญาณให้เธอเงียบไว้ทันที “อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้นะคะ!”
“คุณมาดูหนังที่นี่เหมือนกันเหรอคะ” คุณแม่ยังสาวถามขึ้นพลางชี้ไปทางโรงภาพยนตร์ “คุณมาคนเดียวเหรอคะ หรือว่ามากับประธานโม่ด้วย”
เป็นจังหวะเดียวกับที่โม่ถิงจอดรถเสร็จและกลับมาหาถังหนิง
ถังหนิงหันไปมองสามีของเธอหน้าเจื่อน “ฉันถูกจับได้แล้วล่ะคะ…”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะไม่บอกใครเด็ดขาด ว่าแต่คุณจะไปดูรอบไหนเหรอคะ ฉันไปดูด้วยได้ไหมคะ”
“ มดราชินี ค่อนข้างเลือดสาดไปหน่อยน่ะค่ะ ฉันแนะนำว่าอย่าพาเด็กเล็กไปดูดีกว่านะคะ” ถังหนิงหัวเราะ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะบอกให้พ่อของเธอพาไปดูการ์ตูน ฉันนั่งข้างคุณได้หรือเปล่าคะ”
“ได้สิค่ะ” ถังหนิงพยักหน้ารับ
เพราะพวกเขามาถึงค่อนข้างเร็ว จึงยังไม่ค่อยมีแฟนๆ ของภาพยนตร์มากนัก หลังจากกวาดสายตามองไปทั่วโรง ถังหนิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“คุณคิดมากอีกแล้วเหรอครับ”
“เพราะฉันรักหนังเรื่องนี้ไงคะ…” เธอเอาก่อนพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ และสงบใจลง “คุณรู้หรือเปล่าคะ ถิง ว่าฉันรอวันนี้มานานแค่ไหน”
“เฉียวเซินต้องได้เห็นสิ่งที่คุณทำแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวลไปนะครับ”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างถังหนิงเห็นความกังวลและสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดสนิทสนม ที่แท้ผู้หญิงที่เป็นตำนานก็เป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ ธรรมดาคนหนึ่งเมื่ออยู่ข้างโม่ถิง ทั้งยังไม่ได้เป็นคนเฉยชาอย่างที่คนพูดกัน จริงๆ แล้วเธอมีอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย แม้ว่าภายนอกเธอจะดูสูงส่งก็ตาม แต่มันก็ไม่อาจปิดบังความกังวลใจของเธอไปได้
“ถังหนิง คุณเข้ากับคนอื่นได้ดีเลยนะคะ! ไม่เหมือนคนเย็นชาอย่างที่ใครๆ พูดกันเลย!”
…
ห้านาทีก่อนภาพยนตร์จะเริ่มฉาย ในที่สุดคนก็เริ่มทยอยเข้ามาในโรง ที่นั่งแล้วที่นั่งเล่าจนค่อยๆ เต็มโรง
แต่นี่คือความกังวลขั้นต่อมาของถังหนิง แม้ว่าคนจะเต็มโรงมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะนั่งจนกว่าจะจบ
เธออาจจะได้รับผลตอบรับที่ดีในการทดลองฉาย แต่ไม่อาจคาดเดาว่าคนทั่วไปจะเห็นเหมือนกันผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ชมเป็นตัวตัดสินความสำเร็จของ มดราชินี
ภาพยนตร์เริ่มฉายอย่างเป็นทางการ ตลอดช่วงเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ มีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ลุกออกไปเข้าห้องน้ำ ความจริงแล้วพวกเขารีบกลับมาด้วยกลัวจะพลาดบางอย่างไปด้วยซ้ำ
เมื่อแสงไฟสว่างขึ้น ถังหนิงมองผู้ชมที่ลุกขึ้นพร้อมท่าทีตื่นเต้นและพึงพอใจบนใบหน้า ก่อนจะรู้สึกโล่งใจได้ในท้ายที่สุด
มันทำให้เธอนึกถึงภาระความรับผิดชอบของตัวเอง
หลังจากเหนื่อยมามากและเสียสละชีวิตด้วยซ้ำ เป้าหมายของการสร้างภาพยนตร์อย่างมดราชินีขึ้นมาคืออะไรกัน
ไม่ใช่ช่วงเวลาอย่างนี้หรอกหรือ
“ว้าว ขนลุกเป็นบ้าเลย! มดราชินีน่าสะพรึงมาก แต่ฉันก็ทั้งทึ่งแล้วก็สบายใจหลังจากได้ดูนะ”
“คุ้มค่ากับการเฝ้ารอมาหลายเดือนเลยล่ะ… หนังเรื่องนี้มันดีจนฉันอยากจะร้องไห้ออกมาเลย!”
“สมกับเป็นหนังที่ถังหนิงสร้างจริงๆ สมคำร่ำลือจริงๆ!”
“ฉันตัดสินใจแล้ว ต่อไปนี้ไม่ว่าถังหนิงจะแสดงหรือสร้างหนัง ฉันก็จะคอยติดตาม ตราบใดที่พระเจ้าไม่ปล่อยให้เธอหายไปจากวงการหนังและโทรทัศน์ก็พอ”
“เธอเป็นเบอร์หนึ่งในวงการไซไฟเลย! ถังหนิงและ มดราชินี !”
หลังจากภาพยนตร์จบลง ทั้งโรงเต็มไปด้วยคำชื่นชมของ มดราชินี ทุกคนต่างตื่นเต้นอย่างมาก หากให้บรรยายความรู้สึกคงเป็นคำว่า ประทับใจ พวกเขาอดบอกต่อให้กับคนรู้จักไม่ไหว
มันเป็นภาพที่ทำให้ถังหนิงรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
สองปีผ่านไปนับตั้งแต่ครั้งที่เธอตัดสินใจจะสร้างภาพยนตร์ไซไฟ…
เธอมาถึงจุดนี้ได้ด้วยการสนับสนุนจากเฉียวเซินกับโม่ถิง
และทุกอย่างมันคุ้มค่าแล้ว!
ละอองหิมะโปรยปรายอยู่ด้านนอก แต่เพราะ มดราชินี ที่โลดแล่นอยู่บนหน้าจอ ทั้งโรงจึงทั้งอบอุ่นและมีชีวิตชีวา ดูเหมือนว่าจะไม่มีบรรยากาศเช่นนี้ในโรงมาสักพักแล้ว ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคงเป็นตอนที่ตัวอย่างภาพยนตร์ มดราชินี ถูกปล่อยออกมา
จริงๆ แล้วคนเดียวที่เอาชนะถังหนิงได้ก็คือตัวของเธอเอง
“หวังว่าถังหนิงจะสร้างหนังขึ้นมาอีกนะ อย่างน้อยก็ปีละสองเรื่องก็ได้!”
“ถังหนิง ไม่มีอะไรหยุดคุณจากการเป็นแบบอย่างของฉันได้เลย…”
เมื่อถังหนิงเห็นควาเห็นบนโลกออนไลน์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข หญิงสาวหันหลังเดินออกไปจากโรงพร้อมกับโม่ถิง ทว่าโม่ถิงพบเด็กทารกที่นอนหนาวอยู่ข้างๆ รถของพวกเขา…