“จู้ซิงมีเดียไม่ได้กลับไปเป็นของไห่รุ่ยแล้วเหรอคะ” หลินเฉี่ยนถาม “อีกอย่างคุณก็ให้เงินชดเชยค่าหุ้นส่วนของฉันมาแล้วด้วย…”
“ตั้งแต่มดราชินีดังเป็นพลุแตก กรรมการบริหารก็เริ่มมองข้ามเรื่องของฉันไปแล้วล่ะ ฉันมั่นใจว่าพวกเขาคงไม่ปฏิเสธถ้าฉันพูดถึงจู้ซิงมีเดียกับพวกเขาอีกครั้ง” ถังหนิงตอบ “ฉันถึงได้วางแผนให้พวกเธอมาดูแลมันอีกครั้งไง ยังไงก็มีคนในวงการที่มีความสามารถที่ซ่อนเอาไว้และน่าเสียดายอีกมาก ฉันยังหวังว่าเราจะสร้างคนอย่างลัวเซิงกับซิงหลานได้อีกบ้างน่ะ”
“คุณไม่ต้องการผู้ช่วยแล้วเหรอคะ”
“ฉันไม่ได้มีผู้จัดการอยู่แล้วหรือไง” ถังหนิงถามพลางเลิกคิ้วขึ้น “อีกอย่างเดี๋ยวนี้ฉันก็ทำงานเบื้องหลัง ไม่ต้องการผู้ช่วยมาดูแลแล้วล่ะ แค่ถิงกับลู่เช่อก็พอแล้ว”
อันที่จริงหลินเฉี่ยนอยากจะกลับไปทำงานเพราะเธอไม่มีทางเป็นคนที่อยู่บ้านเฉยๆ ได้ แน่นอนว่าครอบครัวของสามีของเธอนั้นมีอิทธิพลและเธอเองก็เพิ่งคลอดลูกชาย แต่ว่า…
“อย่างนั้นหนูควรกลับไปทำงานนะจ๊ะ” เสียงคุณนายหลี่พลันดังขึ้นจากด้านหลังหญิงสาวทั้งสองคน ไม่มีใครรู้ว่าเธอยืนอยู่ด้านหลังมานานแค่ไหน ได้ยินเรื่องที่พวกเธอพูดกันไปเท่าไร “ในตอนที่ถุงใส่กระดูกเก่าๆ นี้ยังเคลื่อนไหวได้อยู่ แม่ก็ยิ่งกว่ายินดีที่จะเลี้ยงหลานชายของแม่นะ”
“แต่คุณแม่คะ…”
“เฉี่ยนเฉี่ยน แค่หนูแต่งงานกันหลี่จิ่นของเราแล้วมีหลานให้เราสองคนก็ดีใจมากแล้วล่ะจ้ะ อย่างที่แม่พูดมาตลอดว่าหนูอายุยังน้อย อย่าเอาชีวิตมาผูกไว้กับความเป็นแม่เลยนะ หนูควรกลับไปทำงานนะ…” คุณนายหลี่เอ่ยด้วยท่าทีเอาใจใส่และใจกว้าง
“ดูสิ หนูมีตัวอย่างที่ดีที่สุดอยู่ข้างๆ แล้ว ถังหนิงมีลูกตั้งสามคนแล้วแต่เธอก็ยังจัดการทั้งเรื่องในครอบครัวและหน้าที่การงานได้ดี แม่ไม่คัดค้านที่หนูจะกลับไปทำงานหรอกนะ แล้วก็ไม่สนใจความคิดยึดติดเต่าล้านปีของคนในตระกูลที่เหลือด้วย หนูอยู่ในวงการบันเทิงแล้วยังไงล่ะ หนูก็ทำทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ทำไมพวกเขาต้องมาตัดสินด้วยล่ะ”
หลินเฉี่ยนรู้สึกว่าการได้พบตระกูลหลี่คือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอ
เธอมีสามีที่ยอดเยี่ยมและแม่สามีที่มีเหตุผลและใจกว้าง
“คุณแม่ ขอบคุณนะคะ”
“แม่สิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณหนู แม้แต่ในเวลาสำคัญอย่างนี้ หลี่จิ่นมาอยู่ข้างหนูไม่ได้แต่หนูก็ไม่ปริปากบ่นสักคำ แม้ว่าในฐานะแม่ แม่จะเข้าใจว่าหนูรู้สึกยังไงก็ตาม หนูเป็นเด็กดีที่สมควรได้รับการเอ็นดูแล้วนะ”
ถังหนิงมองทั้งสองคนพลางระบายยิ้ม ความอบอุ่นอบอวลในใจเธอ
ในขณะเดียวกันหลงเจี่ยมองทั้งสองด้วยความชื่นชม ก่อนหน้านี้คุณนายลู่คอยกดดันเธออย่างหนัก ทำให้เธอเข้าใจว่าการมีเรื่องบาดหมางกับแม่สามีนั้นยากลำบากเพียงไหน
“รีบพักฟื้นให้แข็งแรงแล้วกลับไปทำงานเร็วเข้า…”
แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่หลงเจี่ยได้ยินว่าถังหนิงวางแผนจะยกจู้ซิงมีเดียให้พวกเธอดูแลอีกครั้ง หากแต่หลังจากเกิดเรื่องของหันซิวเช่อ หลงเจี่ยยังคงฝังใจกับการฝึกศิลปินหน้าใหม่อยู่…
…
สองวันต่อมา พิธีมอบรางวัลเฟยเทียนประจำปีถูกจัดขึ้น มันเป็นงานที่รวมตัวดาราอย่างคับคั่งอย่างเช่นปีก่อนๆ
บรรดาคนดังต่างลุกขึ้นมาประชันกันเพื่อช่วงชิงความสนใจให้มากที่สุด ทว่าเป็นอย่างเช่นครั้งที่แล้ว ถังหนิงไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะใส่ชุดอะไรด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามในฐานะที่เธอเป็นคนดังที่ได้รับการพูดถึงที่สุด แน่นอนว่าย่อมต้องถูกนักข่าวรุมล้อมไม่ว่าจะแต่งชุดอะไรมาก็ตาม ถึงกระนั้นเธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองได้ผ่านวัยที่จะมาแย่งชิงความสนใจกับดาราดังคนอื่นๆ มาแล้ว
หลังผ่านประสบการณ์ที่งานเทศกาลภาพยนตร์มา หลงเจี่ยเองได้เรียนรู้ว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียเวลาเครียดไปกับชุดของถังหนิงเช่นกัน ถึงอย่างไรเธอก็ไม่จำเป็นต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่แล้ว
สุดท้ายถังหนิงจึงเตรียมตัวสำหรับพิธีมอบรางวัลมาอย่างดี โดยที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าโม่ถิงได้เตรียมของขวัญไว้ให้เธอ
อย่างไรก็ตาม เธอคงนึกไม่ถึงว่าก่อนจะได้รับของขวัญชิ้นนี้ เธอจะต้องได้กลุ้มใจกับบางเรื่องเสียก่อน
เรื่องมีอยู่ว่าหันซินเอ๋อร์ได้โทรมาหาเธอในคืนก่อนวันพิธีมอบรางวัล “พี่หนิงคะ…”
“เกิดอะไรขึ้น ที่เป่ยเฉินตงโกหกไว้ถูกเปิดเผยแล้วเหรอ” ถังหนิงเดาไปตามสัญชาตญาณว่าคงมีบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หันซินเอ๋อร์ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฉันท้องค่ะ…” หันซินเอ๋อร์เอ่ยเสียงเศร้าสร้อย
“ข่าวดีนี่นา แล้วเสียงเธอเป็นอะไรไปล่ะ ทำไมถึงได้ดูหดหู่จัง”
“แม่สามีฉันยืนกรานจะให้ฉันทำแท้งค่ะ เพราะเธอเชื่อว่าพี่ตงกินยาต้านโรคซึมเศร้าและมันจะส่งผลกระทบกับตัวเด็กน่ะค่ะ เธอเลยบอกฉันว่าฉันจะมีลูกไม่ได้”
“…”
นี่เป็นหลุมที่เป่ยเฉินตงขุดไว้ดักตัวเองแท้ๆ !
“แล้วเขาว่ายังไงล่ะ”
“เขาอยากให้ฉันเก็บลูกไว้อยู่แล้วค่ะ ถึงแม่สามีจะไม่ได้ว่าอะไรมาก แต่ฉันมั่นใจว่าเธอต้องมองว่าฉันงี่เง่ามากแน่ๆ ค่ะ” หันซินเอ๋อร์ตอบด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “จริงๆ แล้วฉันก็ทนได้นะคะ แค่อยากมีใครสักคนให้ระบายเท่านั้นน่ะค่ะ”
“ซินเอ๋อร์ การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนนะ เป่ยเฉินตงเองก็ไม่เด็กแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบ เธอไม่ควรทนอยู่ตามลำพังนะ” ถังหนิงเอ่ยเสียงแข็ง “พวกเธอต้องแก้ปัญหานี้ให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นมันจะต้องแย่ลงไปกว่านี้แน่ และเมื่อเวลานั้นมาถึงมันก็จะแก้ยากขึ้นอีก”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ…”
“ไม่ เธอไม่เข้าใจหรอก” ถังหนิงครุ่นคิดกับตัวเองเงียบๆ แม้ว่าเธอจะเป็นห่วงหันซินเอ๋อร์ หากแต่เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปกะเกณฑ์ชีวิตของใครได้
ดังนั้นนอกจากการปลอบใจหันซินเอ๋อร์ เธอจะทำอะไรได้อีกกันล่ะ
หลังจากโม่ถิงกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นถังหนิงนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา ด้วยความเป็นห่วงจึงถามออกไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหันซินเอ๋อร์ให้เขาฟัง และแสดงท่าทีไม่พอใจเป่ยเฉินตง
หลังจากได้ยินเรื่องจากปากถังหนิง โม่ถิงหัวเราะออกมา “คุณรู้สึกว่าเป่ยเฉินตงจะปกป้องซินเอ๋อร์ไม่ได้เหรอครับ”
“อย่างน้อยเขาก็ไม่ลงมือทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ฉันเชื่อในตัวเขานี่คะ…” ถังหนิงไหวไหล่
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ โอเคไหม”
“ต่อให้ฉันอยากทำอย่างนั้นก็อดกังวลไม่ได้หรอกค่ะ” เธอว่าขึ้นก่อนจะลุกขึ้นอย่างจนปัญญา ก่อนเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเติมน้ำในอ่างให้โม่ถิง
ตอนนี้เองที่โม่ถิงหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาเป่ยเฉินตง “นายสะสางเรื่องในครอบครัวของตัวเองเป็นไหมน่ะ ต้องให้ฉันสอนหรือเปล่า”
“ทำไมนายถึงต้องโทรมาสั่งสอนฉันกลางดึกด้วยฮะ”
“ก็เรื่องลวงโลกที่นายสร้างไว้มันทำให้ภรรยาที่ตั้งท้องของนายต้องลำบากไงล่ะ เธอเลยโทรมาระบายกับภรรยาของฉันแล้ว นายมีสิทธิ์อะไรมาทำให้ภรรยาของฉันต้องมากังวลเรื่องนายกันล่ะ” โม่ถิงสวนกลับ “นายอยากให้ฉันจัดการเรื่องคุณน้าให้นายไหม”
เป่ยเฉินตงโกรธเสียแล้ว!
แค่ภรรยาเขาไม่พูดกับเขายามที่เธอไม่สบายใจก็แย่พออยู่แล้ว โม่ถิงยังมากล่าวหาว่าเขาไปรบกวนถังหนิงอีก!
ที่แย่ที่สุดคือเขาไม่สามารถพูดได้เต็มปากเพื่อตอกกลับเพราะเขาไม่มีข้อแก้ตัว!
คิดได้ดังนั้นเป่ยเฉินตงก็วางสายก่อนกลับไปที่ห้องนอน เมื่อเห็นหันซินเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง เขาก็นึกปวดใจขึ้นมา
เธอเอาแต่บอกกับเขาว่าทุกอย่างไม่เป็นไรในขณะที่จริงๆ แล้วเธอไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัวและทำให้เธอลำบากขนาดนี้
เขาต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้ให้ได้
เขาจึงโทรหาพ่อของเขาแม้ว่าจะยังมืดค่ำอยู่ก็ตาม
“พ่อครับ พรุ่งนี้เช้าพอมีเวลาไหมครับ ไปดื่มชาด้วยกันสักหน่อยไหมครับ”
“ไอ้ตัวแสบ ไปทำอะไรผิดมาฮะ”
“เดี๋ยวเจอผมพรุ่งนี้พ่อก็รู้เองแหละ” เป่ยเฉินตงพูดก่อนวางสาย ในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการกำจัดความกังวลของภรรยาเขาอีกแล้ว