สุดท้ายเรื่องวุ่นวายของเป่ยเฉินตงกับหันซินเอ๋อร์จึงจบลงเช่นนั้น หันซินเอ๋อร์ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจในเวลาต่อมาและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามมันได้เกิดขึ้นหลังจากนั้นนานพอสมควร
เรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นที่ต้องจัดการคือพิธีมอบรางวัลเฟยเทียนที่กำลังจะมาถึงต่างหาก
ในฐานะผู้ที่ได้รับความสนใจในงานทุกปี ถังหนิงได้กลายเป็นจุดสนใจในพิธีมอบรางวัล หากแต่ในปีนี้มีโม่ถิงเข้ามาสมทบด้วย
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงสนใจรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แม้แต่ถังหนิงเองยังไม่อาจให้คำตอบได้ชัดเจนนัก
ก่อนจะออกเดินทาง โม่ถิงตรวจสอบกับลู่เช่อหลายครั้งว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ลู่เช่อนึกหวั่นใจขึ้นมาอย่างกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดไป
โม่ถิงดำเนินการตามแผนโดยไม่ให้ถังหนิงรู้ ตอนนี้เขาแค่หวังมันจะทำให้ถังหนิงทึ่งเท่านั้น
แม้ว่าการเดินพรมแดงในหน้าหนาวจะถูกจัดขึ้นท่ามกลางสายลมแรงและหนาวเย็น ความดุเดือดของมันก็ไม่อาจลดลงไปได้
เหล่าดาราต่างเฉิดฉายบนพรมแดง อย่างไรเสียมันก็เป็นพิธีมอบรางวัลและงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี
ศิลปินทุกคนเตรียมตัวสำหรับงานนี้มาเป็นอย่างดี แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าด้วยการปรากฏตัวของคู่รักโม่ ไม่มีทางที่พวกเขาจะเป็นที่สะดุดตาที่สุด ความจริงแล้วต่อให้พวกเขาพยายามเต็มที่ก็คงไม่ได้แตกต่างแต่อย่างใด ทว่าอย่างน้อยมดราชินีก็ไม่มีรายชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
นักแสดงตัวน้อยอย่าง โคโค่ลี ทำการแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น แต่เธอก็ยังมีหลายสิ่งที่ต้องปรับปรุง
นี่เป็นเพียงรางวัลปลอบใจเดียวของศิลปินคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมงาน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ออกปากท้วงติง ถึงอย่างไรทุกคนก็ได้เห็นผลตอบรับของมดราชินี และรู้สึกว่าพวกเขาคู่ควรกับสิ่งที่ได้รับแล้ว
ดังนั้นทันทีที่ถังหนิงกับโม่ถิงมาถึงงาน ทุกคนต่างแย่งชิงกันเป็นคนแรกที่เข้าไปแสดงความยินดีกับพวกเขา
พิธีมอบรางวัลเฟยเทียนกำลังจะกลายเป็นเวทีให้กับทีมงานของมดราชินีอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากมาถึงงาน คนคุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนมาปรากฏตัวต่อหน้าคู่รักโม่ ถังหนิงพยักหน้าให้พวกเขาเป็นการทักทาย
ความจริงแล้วเธอไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะคว้ารางวัลมาได้หรือไม่ เพียงแต่อยากรู้ว่าเฉียวเซินจะชนะรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมหรือเปล่าเท่านั้น หากแต่ด้วยงานพิธีค่อนข้างยาวนาน ทั้งยังมีการแสดงคั่นอีก มือของเธอจึงเริ่มชื้นเหงื่อด้วยความลุ้นระทึก เธอกังวลว่ารางวัลที่ควรเป็นของเฉียวเซินจะตกอยู่ในมือของคนอื่น
“พูดได้ว่ามดราชินีที่เพิ่งปล่อยออกมาในช่วงปลายปีได้กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างเลยนะครับ อย่างไรสำหรับงานในปีนี้ พวกเขาก็ได้มีรายชื่อเข้าชิงถึงหกสาขาด้วยกัน ทั้งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กำกับภาพยอดเยี่ยม และสาขาอื่นๆ ”
ในขณะที่พิธีกรชายกำลังพูด แสงไฟพลันสาดส่องไปยังถังหนิงและโม่ถิง เธอถึงกับตั้งตัวไม่ติด
“ผมมีคำถามหนึ่งสำหรับถังหนิงครับ ตอนนี้คุณเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้สร้างหนังที่ดีที่สุดในประเทศ และศิลปินมากมายก็อยากร่วมงานกับคุณ เคยคิดบ้างไหมครับว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จขนาดนี้”
ถังหนิงรับไมโครโฟนมาจากพิธีกรก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ฉันแค่รู้สึกเสียใจที่เฉียวเซินไม่สามารถมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ได้ค่ะ”
“ผมมั่นใจว่าเฉียวเซินจะต้องกำลังเฝ้ามองจากบนสวรรค์ และยินดีกับทุกอย่างที่ประสบความสำเร็จแน่ครับ แต่อย่างไรก็อย่าลืมสิ่งที่ผมถามเกี่ยวกับตัวคุณนะครับ คุณไม่ได้นึกถึงตัวเองบ้างเลยหรือครับ”
ถังหนิงยกยิ้มกับคำถามของพิธีกรก่อนตอบ “ตอนนี้ฉันสบายดีค่ะ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย”
จากคำตอบของถังหนิง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจที่จะตอบคำถามและพูดคุยให้มากความ เพียงแค่อยากให้ผู้เชิญรางวัลขึ้นมาบนเวทีโดยเร็ว
พิธีกรเข้าใจและหัวเราะออกมาทันที “เอาละครับ นี่เป็นการสัมภาษณ์ที่กระชับที่สุดในการทำงานของผมเลยนะครับ ถ้าอย่างนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาประกาศรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมกันเถอะครับ! ขอเชิญแขกตัวแทนมอบรางวัลของเราขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ…”
ทั้งการตัดต่อ เพลงประกอบ การกำกับภาพ หรือเครื่องแต่งกาย ถังหนิงไม่ได้สนใจรางวัลสาขาก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย รางวัลที่เธอสนใจคือรางวัลที่กำลังจะประกาศต่างหาก
ไม่นานแขกตัวแทนมอบรางวัลก็ขึ้นมาบนเวที หลังจากพูดเกริ่นเขาก็ชี้ไปทางหน้าจอใหญ่และรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล
นี่เป็นรางวัลที่ถังหนิงคาดหวังมากที่สุด รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม
ถึงอย่างไรเฉียวเซินก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าชิง…
“รางวัลเฟยเทียนสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมในปีนี้ตกเป็นของ…ผู้กำกับลัวเฟิ่งจงจากเรื่อง ห้องหนีตาย ครับ! ขอแสดงความยินดีกับผู้กำกับลัวด้วยครับ!”
น่าเสียดายที่ภาพบนหน้าจอใหญ่และแสงไฟที่สาดส่องได้บอกให้ถังหนิงรู้ว่าเฉียวเซินไม่ได้เป็นผู้ชนะรางวัล
เขาไม่ใช่ผู้ชนะ!
เมื่อเขาเห็นผลการตัดสิน โม่ถิงก็หันไปมองหน้าภรรยา
ถังหนิงพูดอะไรไม่ออก ทว่าแววตาเธอฉายชัดถึงความผิดหวัง
“ผมอยากจะขอชี้แจงเรื่องผู้กำกับเฉียวเซินซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงเป็นพิเศษนะครับ ว่าเขาได้รับคะแนนจากคณะกรรมการน้อยลงอย่างน่าเสียดายเพราะว่าเขาไม่ได้ถ่ายทำหนังทั้งเรื่องที่มีชื่อเข้าชิงครับ อย่างไรก็ตามเราจะจดจำชื่อของเขาตลอดไป หวังว่าเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขบนสวรรค์นะครับ
“คณะกรรมการพิจารณารอบด้านและตัดสินอย่างเป็นธรรมแล้วล่ะครับ อย่าเสียใจกับผลเลยนะครับ นี่มันเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมของคุณนะ” โม่ถิงเอ่ยปลอบ
ถังหนิงหันไปมองหน้าเขาพลางพยักหน้ารับ “ฉันคิดว่าคณะกรรมการชื่นชอบคนเป็นมากกว่าคนที่จากไปแล้ว ฉันคงยึดติดกับความคิดของตัวเองมากเกินไป มันน่าเสียดายที่พลาดรางวัลนี้ไปน่ะค่ะ”
โม่ถิงกุมมือถังหนิงไว้แน่นและไม่ได้กล่าวปลอบใจไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตามเธอได้หมดสิ้นความสนใจกับพิธีที่เหลืออยู่
“ผมเองก็ได้เข้าชิงนะ คุณไม่อยากรู้บ้างเหรอว่าผมจะได้รางวัลหรือเปล่า”
“ประธานโม่คะ ถ้าคุณไม่ชนะนี่จะน่าขายหน้าแค่ไหนกันนะ” ถังหนิงหัวเราะ
โม่ถิงหัวเราะออกมาเช่นกัน ดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจว่ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจะตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน ไม่มีทางรอดมือไปได้
“คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงเข้าชิงรางวัลนี้”
ภายใต้แสงไฟสลัวในห้องโถง ถังหนิงมองหน้าโม่ถิงพร้อมส่ายหน้า “คุณไม่เคยสนใจอะไรอย่างนี้นี่คะ…”
“เพราะว่ามันเป็นความสำเร็จของมดราชินีไงครับ ทำไมผลต้องให้มันกับคนอื่นด้วยล่ะ รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมก็เป็นหนึ่งในรางวัลที่สำคัญที่สุดนะครับ ถ้าผมคว้ามาได้ มันก็จะทำให้หนังมีแต้มต่อมากขึ้น…” โม่ถิงแจง “สำหรับผมแล้วการได้รางวัลกลับบ้านอาจเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับคุณมันไม่ใช่!
“เรากำลังพูดถึงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอยู่นะครับ!
“หนังของคุณสร้างนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมคนหนึ่งขึ้นมานะครับ!”
เธอมองหน้าเขาพร้อมดวงตาที่เป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วคุณยังคิดว่ารางวัลนี้ไม่สำคัญอีกเหรอครับ”
ถังหนิงส่ายหน้า
โม่ถิงส่งยิ้มพลางกระชับกุมมือถังหนิง…
ไม่นานก็ถึงเวลาของการประกาศรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม แน่นอนว่ารางวัลนี้จะตกเป็นของใครไปไม่ได้ จึงไม่มีใครแปลกใจที่จะได้ยินชื่อของโม่ถิง ทว่าพวกเขาต่างงุนงงว่านายใหญ่แห่งวงการบันเทิงลงมาแย่งชิงรางวัลนี้กับผู้ชายธรรมดาคนอื่นจริงๆ …