“ขอต้อนรับประธานโม่ขึ้นมารับรางวัลบนเวทีและกล่าวอะไรสักเล็กน้อยด้วยครับ!” พิธีกรยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยความตื่นเต้น
โม่ถิงกอดถังหนิงก่อนลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและตรงขึ้นไปบนเวทีราวกับราชาที่ทำให้ทุกคนต้องศิโรราบกับการปรากฏกายของเขา
ด้วยสถานะของโม่ถิง ตัวแทนมอบรางวัลจึงไม่ได้เป็นเพียงนักธุรกิจธรรมดาหรือคนทั่วไป ทว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการศิลปะซึ่งถูกเชิญมาเพื่อให้สมฐานะกับโม่ถิงโดยเฉพาะ
“รบกวนประธานโม่ช่วยบอกความรู้สึกที่ได้รับรางวัลนี้กับพวกเราสักหน่อยได้ไหมครับ”
โม่ถิงถือถ้วยรางวัลไว้ในมือและเดินไปทางไมโครโฟน บางทีอาจเป็นเพราะแสงไฟที่ส่องสว่าง เขาจึงดูเปล่งประกายยิ่งขึ้น
กาลเวลาช่างใจดีกับชายคนนี้ แม้ว่าเขาจะเข้าวัยสามสิบกลางๆ แล้วแต่กลับไม่มีร่องรอยของอายุที่มากขึ้นแต่อย่างใด
ความจริงแล้วบางคนยังบอกว่าเขาน่าหลงใหลเสียด้วยซ้ำ!
“ดูหน้าของคนที่อยู่ด้านล่างเวทีแล้ว อย่างกับผมไปรังแกใครบางคนด้วยการรับรางวัลนี้เลยนะครับ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากเขา ทุกคนก็ขำออกมา
“นี่เป็นรางวัลแรกที่ผมได้รับตั้งแต่เข้ามาในวงการนี้ แม้ว่าพวกคุณบางคนอาจจะรู้สึกว่าผมกำลังกดขี่คนอื่นอยู่ก็ตาม แต่รางวัลนี้ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าในมือของผม
“อย่าคิดว่าผมเป็นคนใจแคบที่ไม่ยอมปล่อยรางวัลนี้ให้คนที่เป็นมืออาชีพเลยนะครับ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะผมรู้ดีกว่าใครๆ ว่าภรรยาผมต้องทนกับคำดูถูกเหยียดหยาม ในระหว่างที่สร้างและถ่ายทำมดราชินีมามากแค่ไหน เธอเป็นคนไปขอให้ผู้กำกับเฉียวเซินช่วยตั้งแต่ทีแรกด้วยซ้ำ คุกเข่าขอร้องบนเกาะอยู่ทั้งบ่ายทั้งที่ถูกลมหนาวพัดใส่
“ผมถึงปล่อยรางวัลนี้ไปไม่ได้ครับ!
“ผมจะไม่ทำให้พวกคุณเสียเวลาไปกับคำขอบคุณ แต่จะขอเวลาสักหน่อยเพื่อประกาศบางอย่างครับ ข้อแรก เร็วๆ นี้ มดราชินีจะฉายในอีกสามสิบประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศในยุโรปและอเมริกาด้วย ทุกคนครับ หนังของเรากำลังจะก้าวขึ้นสู่เวทีนานาชาติแล้ว!
“สอง ผมขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าจู้ซิงมีเดียจะกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งครับ ผมรู้ว่ามันเป็นความปรารถนาของภรรยาผมมาตลอด หวังว่าจู้ซิงมีเดียจะสามารถเฟ้นหาคนที่มีความสามารถมาประดับวงการนี้ได้อีกนะครับ
“สาม ผมอยากจะเชิญเฉียวเซินขึ้นมาบนเวทีครับ!”
…
ทันทีที่โม่ถิงพูดเช่นนั้น ทั้งงานตกอยู่ในความงุนงง เฉียวเซินเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่โม่ถิงกำลังเชิญเขาขึ้นมาบนเวทีอย่างนั้นหรือ
เขากำลังล้อเล่นอะไรอยู่กัน
แม้แต่ถังหนิงยังเกือบลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทว่าในจังหวะต่อมา ลูกสาวของเฉียวเซินก็ได้ปรากฏตัวจากด้านหลังเวทีพร้อมเข็นหุ่นขี้ผึ้งออกมา
ทุกคนจึงได้เข้าใจว่าโม่ถิงกำลังหมายถึงหุ่นขี้ผึ้ง
หุ่นนี้ทำตามสัดส่วนจริงของเฉียวเซิน โม่ถิงได้จ้างผู้เชี่ยวชาญจากอิตาลีมารังสรรค์อย่างประณีตเป็นพิเศษ
เมื่อถังหนิงเห็นหุ่น น้ำตาเธอก็แทบร่วงหล่นมาจากดวงตา
ราวกับว่าเฉียวเซินยังมีชีวิตอยู่และยืนอยู่บนเวที
ตอนนั้นเองที่ลูกสาวของเฉียวเซินรับไมโครโฟนมาจากถังหนิง ก่อนโค้งขอบคุณผู้ชมจากนั้นจึงเริ่มพูด “ฉันอยากจะขอบคุณทุกคนสำหรับการระลึกถึงพ่อของฉันนะคะ แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการที่ฉันจะบอกถังหนิงว่าคุณคือราชินีของฉันค่ะ! ขอบคุณที่มอบมดราชินีเพื่อปลอมประโลมฉัน หนังที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าพ่อยังอยู่ข้างฉัน”
“ความจริงแล้ว ประธานโม่ได้บอกผมก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอไม่ได้สนใจความสำเร็จของเธอ เธอแต่ต้องการให้ทุกคนยอมรับในตัวผู้กำกับเฉียวเซินเท่านั้น!” พิธีกรที่ยืนอยู่ด้านข้างเกริ่น
“ดังนั้นเรามาใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงลำดับในพิธี และประกาศอีกหนึ่งรางวัลที่สำคัญที่สุดในค่ำคืนนี้กันครับ
“นับตั้งแต่ที่รางวัลเฟยเทียนได้ก่อตั้งขึ้นมา ก็มีเป้าหมายเพื่อเชิดชูคนที่มีความตั้งใจจะสร้างผลงานภาพยนตร์ที่ดีมาโดยตลอด เพื่อสานต่อเจตนารมณ์นี้ต่อไป ผู้จัดงานเฟยเทียนจึงตัดสินใจมอบรางวัลความสำเร็จสูงสุดให้กับผู้กำกับเฉียวเซินครับ! เราหวังว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีที่ยังมีชีวิตอยู่และมีแรงนำพาวงการไปสู่อนาคตที่สดใสด้วยครับ…”
คืนนั้นความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจถังหนิงที่นั่งอยู่ด้านล่างเวที ในที่สุดเฉียวเซินก็ได้รับบางสิ่งสำหรับการทุ่มเทของเขา
โม่ถิงรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ภรรยาของเขาต้องการมากที่สุด เขาสบตากับเธออย่างรักใคร่
“ในเวลาเดียวกัน เราหวังว่าถังหนิงจะสร้างผลงานที่ดียิ่งขึ้นให้เราได้ชมกันต่อไปด้วยนะครับ!
“ไหนๆ เราก็พูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว เราพอจะถามถึงมดราชินีสองได้ไหมครับ”
ดวงตาของถังหนิงแดงก่ำ แต่คำถามนี้ทำให้เธอหัวเราะออกมา ทุกคนรู้ว่ามันคือน้ำตาแห่งความสุขของเธอ
“ถังหนิง ขอเชิญบนเวทีด้วยครับ…”
ถังหนิงส่ายหน้าปฏิเสธคำเชิญ “ไม่ค่ะ คืนนี้เป็นของพวกคุณทุกคน หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับมันแล้วก็ไม่ต้องสนใจแค่ฉันหรอกค่ะ”
“ว่าแต่คุณไม่มีอะไรจะพูดกับประธานโม่ที่เตรียมของขวัญสามชิ้นใหญ่ให้คุณมาเป็นอย่างดีเหรอครับ”
“ไว้เราจะคุยกันที่บ้านค่ะ…” ถังหนิงตอบอย่างสบายๆ
พิธีกรพยักหน้ารับและไม่คะยั้นคะยออีก ก่อนหันไปมองหน้าโม่ถิง “ประธานโม่ครับ ตอนนี้คุณได้รางวัลนี้กลับบ้านไป มีอะไรจะพูดกับทุกคนในฐานะที่เป็นผู้นำในวงการบ้างไหมครับ”
“คืนนี้ผมเป็นแค่นักแสดงที่มาเป็นเพื่อนภรรยาเท่านั้น ผมจะไม่กดดันทุกคนหรอกครับ!” โม่ถิงตอบ
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณที่เมตตานะครับ นายใหญ่…” พิธีกรหัวเราะออกมา
พิธีกรปล่อยให้โม่ถิงกับลูกสาวของเฉียวเซินลงไปจากเวทีพร้อมรอยยิ้ม แต่เมื่อเขากลับมาอยู่ข้างถัง
หนิงเธอก็กอดเขาไว้ทันที
“อะไรกันครับ”
“คุณรู้ว่าฉันต้องการอะไรเสมอเลยนะคะ” เธอเอ่ยเสียงสั่น “สิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำในชีวิตคือการแต่งงานกับคุณค่ะ”
“ผมชอบที่ได้เห็นคุณซาบซึ้งนะครับ”
คู่รักโอบกอดกันแน่นพร้อมสายตาหลายคู่ที่มองมาด้วยความอิจฉา รวมถึงคนที่นั่งมองทั้งสองอยู่หน้าโทรทัศน์
“เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่รับเลี้ยงลูกสาวของฉัน ตอนนี้ฉันเจอลูกสาวตัวเองไม่ได้สักนิด ไม่รู้ว่าเธอตายหรือมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ!
“ถังหนิง ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากโทษคุณเรื่องนี้ คุณช่วยชีวิตลูกฉันไว้ได้ง่ายๆ ด้วยซ้ำ!”
เหลียงหย่งอวี๋จ้องถังหนิงเขม็งผ่านหน้าจอโทรทัศน์ มือกำหมัดแน่น
แต่เธอรู้ตัวดีว่าตอนนี้ตัวเองไม่สามารถสู้กับถังหนิงได้ เธอต้องมีลูกชายเพื่อยกระดับสถานะของเธอเสียก่อน
อีกทั้งเธอยังมีเวลาอีกมาก ไม่ช้าก็เร็วพวกเธอย่อมต้องได้เจอกันอีกแน่!
ในขณะที่มันช่างเป็นค่ำคืนที่ภาคภูมิใจมากที่สุดในหน้าที่การงานสำหรับถังหนิง ทว่าความสำเร็จของ มดราชินี ไม่หยุดอยู่แค่นั้น ต่อมามันยังได้สร้างกระแสตอบรับล้นหลามในฟากตะวันตกอีกด้วย
ชาวเอเชียสร้างภาพยนตร์ไซไฟคุณภาพสูงได้ขนาดนี้จริงหรือ เป็นเรื่องหลอกลวงหรือเปล่า
พวกเขาต้องโกงแน่ๆ ใช่ไหม
ชาวตะวันตกมีข้อกังขาขึ้นมาทันที