ตอนนี้ลูกสาวของเหลียงหย่งอวี๋อยู่ในความดูแลของศาสตราจารย์ฟิสิกส์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เพราะภรรยาของเขาแท้งลูกมาโดยตลอด ทั้งคู่จึงได้สูญเสียลูกไปสามคนแล้ว
ดังนั้นเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของภรรยา ศาสตราจารย์จึงตกลงรับเลี้ยงเด็กหญิงคนนี้ทันทีที่ได้ยินเรื่องราวของเธอ เขายังรับปากว่าจะไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลตี๋รู้ถึงการมีตัวตนของเธอ
ทั้งคู่อยู่ในวัยสี่สิบแล้ว แต่ก็ยังดูแลเด็กหญิงคนนี้ราวกับเป็นลูกของตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่ำรวยอย่างตระกูลตี๋ แต่พวกเขาก็ยังทำทุกทางเพื่อให้เด็กหญิงได้มีชีวิตที่ดี
เมื่อถังหนิงรู้เรื่องนี้เธอก็โล่งใจขึ้นมาก อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็มีชีวิตที่ไม่ลำบาก
ส่วนการโจมตีของเหลียงหย่งอวี๋ เธอจะจัดการกับมันเมื่อเวลานั้นมาถึงเอง…
งานแต่งงานของคนในสังคมชั้นสูงจะมีดีตรงไหนกันล่ะ
พวกเขาก็แค่มาแย่งกันทำตัวเด่นและโอ้อวดฐานะของตัวเอง
มันอาจจะดูขี้โอ่ไปสักนิดแต่ก็เข้ากับตัวตนใหม่ของเหลียงหย่งอวี๋ อีกทั้งตระกูลตี๋ยังสามารถทำเงินกลับมาจากงานแต่งงานนี้ได้ง่ายๆ ด้วย
ถังหนิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นข่าวที่กำลังเป็นกระแส เธอรู้สึกว่าชีวิตของเหลียงหย่งอวี๋กำลังตกลงไปในขุมนรกแห่งความยากเข็ญ แต่แน่นอนว่าเจ้าตัวคงไม่รู้สึกเช่นนั้น
อย่างนั้นถังหนิงก็จะไปร่วมงานแต่งงานและดูว่าอีกฝ่ายจะเตรียมแผนอะไรมา
…
ไม่นานวันงานแต่งงานก็มาถึง
ด้วยใกล้เข้าหน้าร้อนแล้ว ถังหนิงจึงอยู่ในชุดกระโปรงยาวเปิดไหล่ เข้ากับรูปร่างของเธออย่างไร้ที่ติ
จากนั้นก็ย่อตัวลงช่วยลูกชายทั้งสองคนใส่สูท
นับเป็นครั้งแรกที่เธอกับโม่ถิงเข้าร่วมงานสังคมพร้อมสองพี่น้อง ในเมื่อตระกูลตี๋เชิญพวกเขามาเป็นพิเศษ พวกเขาก็ยินดีที่จะเข้าร่วมงาน
โม่จื่อซีเป็นเด็กปกติที่เกลี้ยกล่อมได้ง่าย แค่ลูกอมเม็ดเดียวก็ทำให้เขาเชื่อฟังและอยู่นิ่งๆ ให้ถังหนิงใส่สูทให้แล้ว
ในทางกลับกันโม่จื่อเฉินเหมือนกับคนแก่
แม้จะขยับตัวได้ช้า แต่ก็รู้จักใส่สูทด้วยตัวเอง ไม่แปลกใจที่พ่อแม่ต้องพาไปตรวจ
เธอก้มมองหน้าลูกชายก่อนเอ่ยถาม “ต้องให้แม่ช่วยไหม”
ถังหนิงรู้สึกได้ว่าลูกชายของเธอเข้าใจ
โม่จื่อเฉินส่ายหน้าขณะที่มองเนกไทบนคอของโม่จื่อซี ก่อนจัดการคล้องบนคอด้วยตัวเอง
ถังหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา…
ไม่นานโม่ถิงก็กลับมาถึงบ้าน หลังจากเห็นว่าแม่ลูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาเองก็เดินไปทางตู้เสื้อผ้าและเตรียมตัวให้พร้อมภายในสิบนาที
“พร้อมแล้วก็ไปกันเถอะ…” ถังหนิงตั้งท่าจะอุ้มลูก แต่โม่ถิงห้ามเธอไว้ ทั้งคู่จูงมือลูกไว้คนละหนึ่งคนออกมาแทน
“รถคันใหม่เหรอคะ” ถังหนิงมองรถคันใหม่ที่จอดอยู่ด้านนอกอย่างงุนงง “จำเป็นด้วยเหรอ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราพาเจ้าสองแสบออกมา ผมอยากให้นั่งสบายที่สุดครับ…”
ไม่ว่าเขาจะต้องการให้นั่งสบายแค่ไหน ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อโรลส์รอยซ์รุ่นพิเศษใช่ไหมล่ะ
ความจริงแล้วประธานโม่เพียงแค่ต้องการช่วยรักษาหน้าให้ภรรยาผู้สันโดษของเขา เธอมักจะอยู่กับตัวเองและไม่เคยทำตัวเป็นศิลปินดังแม้แต่น้อย แต่วันนี้นั้นแตกต่างออกไป
“คุณตั้งใจจะเข้าร่วมงานแต่งงานนี้เพื่อแย่งความสนใจมาจากเจ้าสาวสินะคะ”
ถังหนิงหัวเราะและมองค้อนใส่โม่ถิง…
…
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่โรงแรมเจ็ดดาว
ห้องโถงจุคนได้มากกว่าหนึ่งหมื่นคนและปกคลุมไปด้วยทะเลดอกไม้ ตามข่าวลือดอกกุหลาบทั้งหมดนำเข้ามาจากฝรั่งเศสและมีจำนวนราวๆ หนึ่งแสนดอก
มันเป็นงานแต่งงานที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เฝ้าฝัน จากคำพูดชื่นชมของเหล่าคุณหนู เห็นได้ชัดว่าพวกเธอปรารถนาที่จะได้รับสิ่งที่ทัดเทียมกันมากแค่ไหน
ด้วยตระกูลตี๋เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงอยู่บ้าง งานจึงคับคั่งไปด้วยบรรดาคนดังมากมาย
ไม่นานโรลส์รอยซ์คันใหม่ก็เดินทางมาถึงด้านนอกโรงแรมพร้อมกับสมาชิกตระกูลโม่ที่ก้าวลงมาดึงดูดความสนใจไปมาก
แม้ว่าเหลียงหย่งอวี๋จะกำลังต้อนรับแขกด้วยชุดเครื่องเพชรบนตัวที่เพียงพอจะทำให้ทุกคนมองมา เธอก็นึกไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของถังหนิงจะทำให้ทุกคนฮือฮาขนาดนี้ ทุกคนต่างละความสนจากเธอไปในทันใด…
“ถังหนิงพาลูกชายทั้งสองคนมาด้วยล่ะ เธอจงใจจะท้าทายเหลียงหย่งอวี๋หรือเปล่า”
“จะไปโทษเธอไม่ได้นะ ยังไงเธอก็มีลูกชายพร้อมกันถึงสองคน คนทั่วไปคงไม่โชคดีอย่างนี้หรอก”
“ดูลูกชายของถังหนิงสิ หน้าตาดีจังเลยนะ!”
เหลียงหย่วอวี๋มองแขกเหรื่อที่หันไปสนใจฝาแฝดขณะที่ความโกรธเริ่มก่อตัวในใจ
ทันทีที่ถังหนิงนั่งลง เหลียงหย่งอวี๋จึงเข้าไปหาเธอก่อนเอ่ย “คุณโม่ เรามาคุยกันหน่อยได้ไหมคะ”
ถังหนิงมองลูกทั้งสองคนของตัวเองก่อนหันกลับไปมองอีกฝ่าย “ถ้าคุณอยากจะพูดอะไรก็เอาไว้หลังงานแต่งงานจบไม่ได้เหรอคะ ยังไงก็ไม่สะดวกนักเพราะฉันต้องคอยดูแลลูกน่ะค่ะ”
“ฉันจะรอคุณอยู่ที่ห้องรับรองชั้นสามนะคะ หวังว่าคุณจะขึ้นมาพบฉันที่นั่นนะคะ”
เธอกำลังบังคับให้ถังหนิงไปพบเธออย่างนั้นหรือ
ถังหนิงทำเมินเฉยใส่เธอ เป็นจังหวะเดียวกับที่โม่ถิงออกมาจากห้องน้ำ เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของถังหนิง “มีอะไรเหรอครับ”
“เหลียงหย่งอวี๋ขอให้ฉันไปเจอเธอที่ห้องรับรองชั้นสามน่ะค่ะ”
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน” โม่ถิงหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องสนใจอหรอกครับ ลูกๆ เป็นยังไงบ้าง พวกเขาอึดอัดกับคนแปลกหน้าหรือเปล่า”
โม่จื่อซีกำลังเล่นอย่างร่าเริงแต่โม่จื่อเฉินกลับนิ่งเงียบ ถึงกระนั้นเขาก็ยังดูไม่ได้อึดอัดใจสักเท่าไร
“ฉันเห็นคนรู้จักที่นี่เยอะเลยค่ะ คุณช่วยไปทักทายพวกเขาแทนฉันได้ไหมคะ มีเจ้าสองแสบอยู่ด้วยคงไม่ได้เป็นการเสียมารยาท ฉันไม่สะดวกไปทักทายพวกเขาเลยน่ะค่ะ…”
“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมกลับมานะ” โม่ถิงเอ่ยก่อนที่จะหายเข้าไปในฝูงชน
ในเมื่องานนี้เป็นงานแต่งงานของเหลียงหย่งอวี๋ ไม่มีทางที่เธอจะเล่นแง่ให้เห็นกันโต้งๆ อย่างไรเสียเธอก็คงไม่ต้องการเอางานแต่งงานของตัวเองมาเสี่ยง
ซ้ำถังหนิงยังไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ โม่ถิงจึงไม่ได้เป็นห่วงมากนัก…
ไม่นานใครบางคนก็เข้ามาหาถังหนิง “พี่หนิงคะ ฉันถ่ายรูปกับเด็กๆ ได้ไหมคะ พวกเขาน่ารักมากเลยค่ะ…”
ถังหนิงส่งยิ้มก่อนตอบ “แค่คุณไม่เผยแพร่รูปนี้ ฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธหรอกค่ะ พอดีฉันไม่อยากให้คนสนใจพวกเขานักน่ะค่ะ”
“ฉันจะไม่เผยแพร่รูปเด็ดขาดค่ะ อีกอย่างเด็กๆ ก็โตกันไวแล้วพวกคุณก็ปกป้องลูกๆ ได้อย่างดีด้วย ไม่มีทางที่สื่อจะรู้แน่นอนค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นอายุราวยี่สิบต้นๆ
แววตาของเธอดูใสซื่อและไม่มีพิษภัย เหมือนจะไม่ได้มาหลอกลวงอะไร
ถังหนิงจึงไม่ได้ปฏิเสธเธอ
หลังจากได้รับอนุญาตจากถังหนิง เธอย่อตัวลงบีบแก้มจื่อเฉิน ทว่าเจ้าตัวนั้นไม่ชอบให้คนแปลกหน้าแตะเนื้อต้องตัว…