วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1118 ทุกคนที่เข้ามาหาผมต่างเจอกับโชคร้ายทั้งนั้น

ผู้กำกับที่ถังหนิงต้องการติดต่อชื่อว่าไป๋จวินเหยี่ย เขามีนิสัยหัวแข็งและเด็ดเดี่ยว หากแต่ก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร เขาอยู่รอดในโลกที่แก่งแย่งชิงดีกันอย่างวงการบันเทิงได้อย่างไรกัน

อย่างไรก็ตามถังหนิงรู้มาว่าเขาไม่เพียงแต่เป็นหนี้ แต่พ่อแม่ของเขายังกดขี่เขาและมอบสิ่งดีๆ ทุกอย่างให้กับน้องชายของเขา

ดังนั้นลูกชายคนโตของพวกเขาจึงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลในสภาพเกือบตาย ในขณะที่ผู้อาวุโสไป๋ไม่ยอมเอาเงินค่าเทอมของลูกชายคนเล็กมาเพื่อช่วยชีวิตเขา!

เมื่อถังหนิงมาถึงที่โรงพยาบาล คนที่เธอกำลังตามหาตัวอยู่กำลังมีเรื่องเล็กน้อย

ชายร่างใหญ่ไม่กี่คนกำลังก้มลงไปหาไป๋จวินเหยี่ยที่อ่อนแรง ในขณะที่พ่อแม่และน้องชายของเขายืนอยู่เฉยๆ

“นายบอกว่าสามวันแต่นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้ว นายก็ยังไม่ได้คืนเงินเรามาสักแดงเดียว!” คนทวงหนี้ดูออกว่าไป๋จวินเหยี่ยอยากตายพวกเขาถึงไม่ต้องการจะฆ่าเขา จึงหันไปมองคนในครอบครัวของเขาแทน แต่พ่อแม่ของไป๋จวินเหลี่ยกลับรีบพยายามหาทางหนีไปพร้อมกับน้องชายของเขา

“เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราทั้งนั้น ถ้าคุณอยากจะตามทวงหนี้เขาก็ไปพูดกับเขาโน่น!” คุณนายไป๋เอ่ยพลางชี้ไปทางไป๋จวินเหยี่ย

ถังหนิงรออยู่ด้านอกเงียบๆ อยู่ หนึ่งนาทีก่อนจะส่งสัญญาณให้บอดีการ์ดของเธอเข้าไปด้านใน

คนทวงหนี้ทั้งสามคนไม่ใช่นักสู้ที่มีฝีมือนัก พวกเขาจึงถูกบอดีการ์ดจัดการอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เองที่ถัง

หนิงกับลู่เช่อก้าวเข้าไปด้านในห้อง

“พวกคุณเป็นใครกัน”

“เธอเป็นคนดังไม่ใช่เหรอ” น้องชายไป๋จวินเหยี่ยว่าพลางชี้ไปทางถังหนิง

ถังหนิงไม่ได้ตอบคนที่มาทวงหนี้ กลับหันไปมองหน้าพวกเขาและถามอย่างไม่อ้อมค้อม “เขาติดหนี้พวกคุณอยู่เท่าไหร่”

“ประมาณหนึ่งล้านห้าแสนหยวน”

“ไม่ต้องมาช่วยผมจ่ายหรอก ผมไม่มีปัญญาใช้คืนคุณหรอกนะ! ตอนนี้ผมเหลือตัวคนเดียว ผมทำได้แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแหละ” ไป๋จวินเหยี่ยหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรงขณะที่นอนอยู่บนพื้น “แต่ถ้าคุณอยากจะทำตัวเป็นคนดีจริงๆ ผมก็ไม่ขัดหรอกนะ”

“ลู่เช่อ จ่ายเงินให้พวกเขาตามจำนวนหนี้จริง อย่ามีตุกติก” ถังหนิงหันไปสั่งลู่เช่อ

พวกปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงคิดว่าตัวเองจะข่มขู่เอาเงินมาได้ง่ายๆ จริงๆ หรือ

“รับทราบครับ คุณผู้หญิง”

พูดจบลู่เช่อส่งสัญญาณให้บอดีการ์ดพาตัวคนทวงหนี้ทั้ง 3 คนไปด้านนอก จากนั้นถังหนิงจึงเรียกพยาบาลมาช่วยพยุงไป๋จวินเหยี่ยกลับขึ้นไปบนเตียง

“เธอเป็นดาราดังคนนั้นนี่นา ฉันว่าแล้วเชียว!”

ขณะที่เขามองหน้าถังหนิง ไป๋จวินเหยี่ยอึ้งไปไม่น้อยอย่างกับเขาเห็นผี “คุณมาที่นี่ทำไมล่ะครับ”

“ไว้คุยปัญหาของคุณที่หลังเถอะค่ะ ขอฉันพูดเรื่องอื่นกับคุณก่อนแล้วกัน” ถังหนิงเอ่ยก่อนหันไปมองคู่พ่อแม่ไป๋

“ดูท่าแล้วพวกคุณสองคนคงไม่คิดจะช่วยลูกชายตัวเองเลยสินะคะ”

“ฮึ่ย เพราะเขาเราเลยต้องหนีหัวซุกหัวซุน เขาทำให้ชีวิตของพวกเราต้องเดือดร้อน” คุณพ่อไป๋สวนกลับ

“ฉันไม่ได้ขอให้คุณช่วยรับผิดชอบหนี้ของเขาค่ะ แต่ทุกอย่างที่เขาเคยให้กับครอบครัวไป๋ก่อนหน้านี้ ทั้งเงิน ที่อยู่ และรถ ก็ควรคืนให้เขานะคะ” ถังหนิงเอ่ย “ในฐานะครอบครัวของเขา คุณรับแต่เรื่องดีๆ และปัดเรื่องเดือดร้อนให้พ้นตัว ทำยังงั้นลงได้ยังไงคะ

“ลูกชายคนเล็กของคุณเป็นลูกชายของคุณ แล้วลูกชายคนโตล่ะคะ”

“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว…”

“ตาเฒ่า อย่าไปท้าทายเธอเข้าเชียวนะ เธอค่อนข้างน่ากลัวเลยล่ะ ถ้าเธอเปิดโปงเรื่องของครอบครัวเรา มันคงจะสายเกินจะกลับตัว” คุณนายไป๋พยายามเกลี้ยกล่อมสามีของเธอทันที “เราออกไปกับเจ้าคนเล็กแสนดีของเราเถอะ”

“พอคุณก้าวพ้นประตูนี้ไปอย่ากลับมาเกาะลูกชายของคุณตอนที่เขาดังทีหลังแล้วกัน พอเวลานั้นมาถึงฉันคงต้องขอโทษด้วยถ้าเขาจะไม่ยอมรับพวกคุณ”

“ไปสิ…รีบออกไปเร็วเข้า”

ถังหนิงไล่คนในครอบครัวไป๋ออกไปง่ายๆ ก่อนที่จะหันมามองหน้าไป๋จวินเหยี่ย

ตอนนี้เองที่เขาสบตาถังหนิงอย่างมีความหมายแฝง “คุณดาราดังถัง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงช่วยผมไว้ ผมก็แค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง!

“อีกอย่างคุณก็ช่วยผมไว้ไม่ได้หรอก ผมยังมีหนี้อีกเยอะ”

“อย่ามองว่าทุกคนจะปลอมเปลือกแล้วก็อย่าคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะที่คนอื่นจะไม่เข้าใจด้วย เพราะว่าคุณปลีกวิเวกตัวเองออกมาขนาดนี้ ครอบครัวของคุณเลยทิ้งคุณไปไง”

หลังจากช่วยไป๋จวินเหยี่ยไว้ เป็นธรรมดาที่ถังหนิงจะต้องข่มเขาเอาไว้สักเล็กน้อย

“ฮ่าๆ …ทำไมคุณถึงเริ่มมาสั่งสอนผมซะแล้วล่ะ”

“คุณอยากจะมาเป็นผู้กำกับให้ฉันไหมล่ะ ฉันอยากจะถ่ายทำมดราชินีสอง” ถังหนิงถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

“ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมเนี่ย คุณทำหนังไซไฟส่วนผมทำหนังอาร์ต คุณมาขอผมตรงๆ อย่างนี้ได้ยังไงกัน บ้าไปแล้วเหรอครับ”

“ฉันทำหนังไซไฟ คุณทำหนังอาร์ต แล้วยังไงล่ะ ก็แค่การแสดงออกคนละรูปแบบกันเฉยๆ คุณไม่คิดว่าวิธีการถ่ายทำที่มืดมนและหดหู่ของคุณเข้ากันได้กับรูปแบบของเฉียวเซินที่สร้างหนังไซไฟดีๆ สักเรื่องบ้างเหรอ” ถังหนิงถาม

“ไป๋จวินเหยี่ย ฉันขอพูดตามตรงกับคุณเลยนะ หนังนอกกระแสที่คุณอยากจะสร้างมันไม่มีที่ยืนในวงการตอนนี้หรอก หนังไซไฟของฉันเป็นทางเดียวที่คุณจะแสดงตัวตนของคุณออกมาได้”

แม้ว่าไป๋จวินเหยี่ยจะไม่อยากยอมรับมัน แต่เขาเองก็ได้ดูมดราชินีเช่นกัน

ภาพยนตร์ที่ถังหนิงกัยเฉียวเซินสร้างขึ้นมาไม่ได้ไร้ค่าและห่วยอย่างภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ภาพยนตร์ของพวกเขามีจิตวิญญาณ

นอกจากโชคชะตาของตัวละคร ทั้งองค์ประกอบด้านไซไฟ รวมถึงมดราชินีเองก็เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชวนให้ทุกคนพิศวง

แต่ทว่า…

…เขาไม่มีอารมณ์จะมาถ่ายทำอะไรอีกต่อไป ลูกสาวของเขาตายแล้วทุกอย่างก็พังพินาศ เขามีเหตุผลอะไรจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกล่ะ

เขาจึงบอกถังหนิงไปตามตรง “คุณอย่ามาเสียเวลากับผมเลยครับ คุณดาราดังถัง ผมมีแต่จะลากคุณให้ตกต่ำไปเปล่าๆ ทุกคนที่เข้ามาหาผมต่างเจอกับโชคร้ายทั้งนั้น เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง ผมว่าอยู่ให้ห่างจากผมดีกว่านะครับ

“ผมไม่มีทางตกลงรับข้อเสนอของคุณหรอก”

ยากที่จะเข้าใจนิสัยของชายคนนี้และยังสื่อสารกับเขาได้ไม่ง่ายอีกด้วย ถังหนิงจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะเจรจาสำเร็จในคราวเดียว

เมื่อหัวใจของใครสักคนได้ตายด้านไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาหลงเหลือคือความเกลียดชังต่อโลกใบนี้ ไป๋

จวินเหยี่ยเบื่อหน่ายโลกนี้เต็มทีแล้ว เขาถึงได้คิดว่าการมีชีวิตอยู่นั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป

ถังหนิงไม่ได้ตามตื๊อ เธอแค่ทิ้งช่องทางติดต่อไว้และจากไป

ทว่าไป๋จวินเหยี่ยทำเพียงปิดประตูโดนไม่ชายตามองมันสักครั้งก่อนกลับไปหัวเราะบนเตียง

ตอนนี้เขาแค่อยากตายและไม่มีใครมาห้ามเขาได้…

“คุณผู้หญิงครับ การเจรจาเป็นยังไงบ้างครับ”

ทันทีที่ได้ยินคำถามของลู่เช่อ ถังหนิงก็ส่ายหน้า “ฉันว่าตัวเองคงไม่สามารถทำให้ผู้ชายเย่อหยิ่งคนนี้คิดขยับตัวได้หรอก!”

“มีคนไม่มากที่คุณจัดการไม่ได้นะครับ…”

“จริงๆ แล้วมีคนอีกเยอะที่ฉันจัดการไม่ได้ต่างหาก” ถังหนิงตอบ อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนที่ที่เลือดเนื้อ จึงมีขีดจำกัดในสิ่งที่เธอทำได้ “ลู่เช่อ สั่งให้ใครบางคนจับตามองไป๋จวินเหยี่ยเอาไว้ ฉันกังวลว่าเขาจะทำอะไรโง่ๆ ลงไปอีก”

“รับทราบครับ คุณผู้หญิง”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset