วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1129 ดูว่าตระกูลโม่เจ้าเล่ห์ขนาดไหน

แม้ว่าถังหนิงจะพาลูกทั้งสองคนไปเผยโฉมที่งานแต่งงานตระกูลตี๋แล้ว กระนั้นเด็กๆ ก็ยังหน้าตาเปลี่ยนไปอยู่ตลอด การปิดบังตัวตนของเจ้าแฝดจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก

ด้วยเหตุผลนี้ถังหนิงจึงได้จ้างหญิงสาวเชี่ยวชาญการต่อสู้เพื่อแสร้งทำเป็นพี่เลี้ยงของเจ้าแฝดที่คอยไปรับส่งพวกเขาที่โรงเรียน

ฝาแฝดเข้าเรียนที่โรงเรียนหวงหลินประจำกรุงปักกิ่ง โรงเรียนรัฐที่ดีที่สุดในจีน

ส่วนเด็กๆ ในโรงเรียน ไม่ได้สำคัญว่าพื้นเพครอบครัวพวกเขาจะเป็นอย่างไร ผลการเรียนต่างหากที่จะเป็นตัววัดผลหลังจากที่พวกเขาเข้าไป ดังนั้นเจ้าแฝดจึงต้องเตรียมตัวอย่างหนัก

ทว่าเรื่องบังเอิญหนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ เสี่ยวต้านเขอลูกสาวของหนานกงเฉวียนเองก็เข้าโรงเรียนเดียวกัน เธออายุมากกว่าเจ้าแฝดเพียงหนึ่งปีเท่านั้น

เด็กคนอื่นๆ มีพ่อแม่มารับส่ง พ่อแม่เหล่านี้จงใจโอ้อวดสถานะของตัวเองต่อหน้าคุณครูเพื่อให้ลูกของตัวเองได้รับการดูแลเป็นพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆ หากแต่ตระกูลโม่กลับต่างออกไป

เด็กผู้ชายจะต้องเข้มแข็งขึ้น พวกเขาจะอ่อนไหวอย่างเด็กผู้หญิงไม่ได้ โม่ถิงจึงหมายมั่นเอาไว้ในใจแล้ว

ตอนที่เขาอายุได้เพียงไม่กี่ขวบ เขาก็สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว ลูกๆ ของเขาก็คงจะไม่น้อยหน้าใช่ไหม

สุดท้ายโม่จื่อซีก็เข้ากับเด็กคนอื่นๆ ในชั้นเรียนได้ดี ในขณะที่ดูยากลำบากสำหรับโม่จื่อเฉิน เขายังมีรอยแผลเป็นที่หลงเหลืออยู่จากการบาดเจ็บบริเวณดวงตา เด็กคนอื่นๆ จึงไม่กล้าเข้าใกล้

หากแต่โม่จื่อเฉินไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

โชคร้ายที่หลังจากเข้าเรียนได้ไม่นาน สองพี่น้องก็มีเรื่องเข้าจนได้…

มีเด็กเกเรร่างตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งในชั้นเรียนที่คอยแกล้งจื่อเฉินบ่อยๆ เพราะแผลเป็นบนหน้าเขา ด้วยเขาอายุมากกว่าเด็กคนอื่นๆ เล็กน้อยเขาจึงพูดเก่งกว่า “นายมันน่าเกลียด! น่าเกลียดที่สุดในห้องเลย…”

โม่จื่อเฉินเล่นตัวต่อของเขาต่อไปและไม่สนใจเด็กคนนั้น

“แม่ฉันบอกว่านายมันโง่ มีแค่เด็กโง่เท่านั้นแหละที่ไม่พูด”

ตอนนี้เองที่โม่จื่อซีกลับมาจากเข้าห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าเด็กเกเรคนนั้นกำลังแกล้งน้องชายของเขา ก็พุ่งเข้ามาต่อยหน้าอีกฝ่าย “อย่า… อย่ามาพูดถึงน้องชายของฉันอย่างนั้นนะ…”

โม่จื่อซีไม่รู้ว่าจะอธิบายที่มาของรอยแผลเป็นของโม่จื่อเฉินอย่างไร แต่เขาเข้าใจว่าน้องชายของเขาปกป้องเขาเอาไว้ ดังนั้นตอนนี่น้องชายถูกแกล้ง เป็นธรรมดาที่เขาจะลุกขึ้นมาปกป้องน้อง

หลังจากนั้นเด็กเกเรร่างตุ้ยนุ้ยคนนั้นเริ่มร้องไห้และฟ้องคุณครูเรื่องฝาแฝด “คุณครูครับ พวกเขาตีผม…”

คุณครูที่ดูแลชั้นเรียนอยู่ได้หาข้อมูลและสืบประวัติครอบครัวของเด็กทั้งหมดมาแล้ว เธอรู้ว่าแม่ของเด็กตุ้ยนุ้ยคนนั้นเป็นเจ้าของโรงแรมสาขาแห่งหนึ่ง แต่ฝาแฝดนั้นกลับมีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งคอยมารับส่งด้วยรถธรรมดา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวย

คุณครูจึงเข้าข้างเด็กตุ้ยนุ้ยคนนั้น

“พวกเธอสองคน ยังเป็นเด็กเป็นเล็กแต่ก็รู้จักใช้กำลังแทนที่จะทำตัวดีๆ ไปเรียกพ่อแม่เธอมาซะ!”

ด้วยเป็นครั้งแรก ถังหนิงทำเพียงหัวเราะเมื่อเธอกับโม่ถิงได้ยินข่าว “ลูกๆ ของเราทำร้ายเพื่อนที่โรงเรียนเนี่ยนะ!”

“คุณถังคะ เป็นความผิดของเด็กคนอื่นนะคะ จื่อซีก็แค่ปกป้องจื่อเฉินค่ะ” ซูโยวหรานอธิบาย หญิงสาวคนนี้เป็นทหารปลดประจำการที่มีทักษะการต่อสู้ชั้นเยี่ยม ถังหนิงจ้างเธอมาดูแลเจ้าแฝดเพราะเธอชื่นชอบในตัวอีกฝ่าย

ถังหนิงระบายยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนและโน้มตัวลงไปบีบแก้มของลูกชายตัวเอง “พวกเขาไม่มีใครให้พึ่งพาที่โรงเรียน ก็ต้องลำบากสักหน่อยอยู่แล้วละ”

“ทำไมคุณถึงไม่เปิดเผยตัวตนละคะ”

“ตัวตนของเราปกป้องพวกเขาได้ แต่ก็ทำให้พวกเขาถูกกดดันมากเหมือนกัน ฉันยอมให้พวกเขาปกป้องกันเองอย่างตอนนี้ดีกว่าให้มีนักข่าวรอพวกเขาอยู่ด้านนอกโรงเรียนทุกวัน” ถังหนิงตอบ “พอพวกเขาโตขึ้นกว่านี้อีกนิด ก็จะเข้าใจเอง”

ซูโยวหรานพยักหน้ารับ “ถูกของคุณค่ะ”

ด้วยเหตุนี้เด็กน้อยทั้งสองคนจึงต้องปกป้องกันเองและต้องอดทนกับการถูกแกล้งต่อไป

หากแต่อย่าลืมว่าเด็กทั้งสองคนอยู่โรงเรียนเดียวกับเสี่ยวต้านเขอ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักกัน แต่ลูกน้องที่มารับส่งเสี่ยวต้านเขอที่โรงเรียนแทนหนานกงเฉวียน ได้สังเกตเห็นฝาแฝดอยู่หลายครั้ง ครั้งแรกที่เห็นพวกเขาเดินจับมือกันก็คิดแค่ดูคุ้นหน้า แต่เมื่อพิจารณาดีๆ เขาก็นึกได้ว่าเคยเห็นพวกเขาที่งานแต่งงานของตระกูลตี๋

เขาจึงบอกให้หนานกงเฉวียนรู้เรื่องนี้

อย่างไรก็ตามหนานกงเฉวียนไม่ได้มีท่าทีตอบรับมากนัก พวกเขาอยู่โรงเรียนเดียวกันแล้วอย่างไรละ ไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันหรือห้องเดียวกันสักหน่อยนี่

ตราบใดที่พวกเขาอยู่ให้ห่างกัน

ทว่าชิวจิ่นรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญเข้าในท้ายที่สุด

เขาพยายามหาโอกาสโจมตีถังหนิงมาตลอดแต่โชคกลับไม่เข้าข้าง ตอนนี้เขารู้ว่าฝาแฝดเข้าเรียนที่โรงเรียนหวงหลิน นี่ไม่ได้เป็นโอกาสที่เปิดอยู่ตลอดเวลาหรอกหรือ

“ดูว่าตระกูลโม่เจ้าเล่ห์ขนาดไหนสิ ไม่มีใครรู้ว่าลูกของพวกเขาเข้าเรียนที่หวงหลินเลยสักคน”

“แต่ว่าโรงเรียนมีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาแล้วเด็กก็มีคนมารับส่งที่โรงเรียนด้วย ไม่ง่ายที่จะหาทางโจมตีได้เลย…”

ชิวจิ่นสูดควันบุหรี่ก่อนทิ้งลงกับพื้น “ถ้างั้นก็ตามรถคันที่ตามรับส่งพวกเขาและลงมือในตอนจังหวะเหมาะๆ!”

“ครับผม เราจะทำตามคำสั่งครับ!”

ไม่มีใครคาดคิดว่าชิวจิ่นจะเล็งลูกแฝดหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลโม่เอาไว้ แต่แน่นอนว่าคนของชิวจิ่นเองคงนึกไม่ถึงว่าซูโยวหรานแข็งแกร่งแค่ไหนเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเรียกร้องรสชาติของฝีมือของเธอเสียแล้ว

พวกเขาคิดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงบอบบางตัวเล็กๆ ที่มารับส่งเด็กๆ อย่างนั้นหรือ

เพื่อป้องกันการตลบหลังของโม่ถิงกับถังหนิง ชิวจิ่นเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกโรงเรียนอยู่หลายวันเพื่อให้แน่ใจว่าซูโยวหรานเป็นเพียงคนเดียวที่มารับเด็ก หลังจากที่เขาไม่เห็นวี่แววของตระกูลโม่ เขาจึงตัดสินใจลงมือในบ่ายวันศุกร์ที่กำลังจะถึง ตอนนี้เองที่เขาคอยศึกษาเส้นทางที่ซูโยวหรานใช้ไปด้วย

หากแต่ชิวจิ่นนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวต้านเขอจะสังเกตเห็นเขานั่งอยู่ในรถ

ทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน เธอบอกให้พ่อตัวเองรู้ “พ่อขา วันนี้หนูเห็นคุณปู่ชิวรออยู่ด้านนอกโรงเรียนด้วยค่ะ”

“ลูกแน่ใจเหรอ” หนานกงเฉวียนถามพลางอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก

“หนูเห็นหลายครั้งแล้วนะคะ หนูมั่นใจค่ะ คุณปู่มาทำอะไรที่โรงเรียนหนูเหรอคะ”

จะมีเหตุผลอะไรอีกเล่า เขาต้องไปที่นั่นเพราะฝาแฝดอย่างแน่นอน

“ต้านเขอ อย่าเข้าไปยุ่งเด็ดขาดเลยนะ รับปากกับพ่อว่าถ้ามีอันตรายลูกจะต้องซ่อนให้ดี เข้าใจไหม ลูกต้องรู้เอาไว้นะว่าพ่ออยู่โดยไม่มีหนูไม่ได้…”

แม้ว่าเสี่ยวต้านเขอจะไม่เข้าใจท่าทีตอบสนองของพ่อ แต่เธอก็ทำตามคำขอของเขาอย่างว่าง่าย

แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าคุณปู่ชิวทำตัวแปลกๆ ไป

อันที่จริงเธอยังเห็นว่าเขาเฝ้ามองฝาแฝดอยู่ไม่ห่าง หรือว่าเขากำลังจะวางแผนทำเรื่องไม่ดีอยู่กัน

คิดได้ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจจับตามองคุณปู่ชิว พร้อมเตือนเด็กชายทั้งสองคนหากเธอเห็นสิ่งผิดปกติ

ว่ากันตามจริงแล้วเธอคิดว่าเด็กชายทั้งสองคนนี้ดูน่ารักไม่หยอก!

โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยพูด เขาเหมือนกับพ่อของเธอเลย!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset