วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1135 หนูรีบเหรอ​​​​​​​

“ฉันมันหลงผิดไป คิดว่าการตามหนานกงเฉวียนหมายความว่าฉันจะประสบความสำเร็จ และมอบชีวิตดีๆ ให้เธอได้ คิดว่าเธอจะซาบซึ้งในตัวฉัน!

“แต่ที่แท้เธอก็ดูถูกฉันไม่มีชิ้นดี เธอมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกฉัน หือ!

“เธอทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไงกัน รู้หรือเปล่าว่าฉันเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องใช้ชีวิตกับความเกลียดชังมาตลอดหลายปีนี้ แต่สุดท้ายเธอก็แทงเข้าที่ใจของฉัน

“เธอเกลียดฉันจนทำแท้งลูกของเรามากขนาดไหนกัน

“บอกฉันมาสิ!”

“เธอเกลียดคุณจนอยากตายมากกว่าจะอยู่กับคุณไง” ถังหนิงตอบคำถามของชิวจิ้น “คนของคุณคิดว่าคุณน่าทึ่ง มีคุณธรรม และน่าประทับใจ แต่สำหรับคนรักของคุณ คุณก็แค่นักเลงคนหนึ่ง สำหรับผู้หญิงแล้ว มันเป็นตัวตนที่น่าอายที่จะเปิดเผยกับคนอื่น ภรรยาของคุณถึงได้ถูกรังเกียจเพราะคุณไง!

“ด้วยมือที่เปื้อนเลือด คุณหวังว่าจะมีความสุขได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ… เวรกรรมมันมีอยู่จริงในโลกนะคะ คุณถึงได้มาลงเอยด้วยการทำให้ชีวิตของตัวเองพังอย่างนี้ไง!”

ถังหนิงได้จี้ใจดำของเขาในท้ายที่สุดและทำลายเกราะกำบังสุดท้ายของเขา…

อย่างไรเสียชิวจิ้นก็ไม่เคยนึกเสียใจที่ได้ทำงานให้กับตระกูลหนานกง มันเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด แต่สิ่งที่เขาภาคภูมิใจนักหนากลับเป็นสิ่งที่ภรรยาตัวเองรังเกียจและอับอายมากที่สุด มากเสียจนเธอทำแท้งลูกของตัวเองด้วยซ้ำ! ทุกอย่างที่ชิวจิ้นเชื่อแตกสลายไม่มีชิ้นดี บางทีเขาคงจมกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา

สิ่งที่คนเรากลัวที่สุดคืออะไรกันละ ไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกายหรือทางใจ หากแต่คือการที่ความเชื่อของพวกเขาถูกทำลายไม่เหลือซากต่างหาก…

เขาไม่อาจเชื่อว่าที่แท้ตัวเองเป็นฝ่ายผิด!

ในขณะที่ลูกน้องของชิวจิ้นมองเขาสติแตก พวกเขาก็วิ่งหนีออกไปจากสุสานทันที ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว

จากนั้นคนของโม่ถิงจึงถอนกำลังออกไป

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ สื่อจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้” โม่ถิงเอ่ยปลอบ “ไปกันเถอะครับ…”

ถังหนิงหันหลังและพยักหน้าให้ขณะที่เหลือบมองชิวจิ้น “เขาเป็นผู้ชายหัวแข็ง แย่จังที่เขายึดติดอยู่กับการทำเรื่องผิดๆ!”

“ท่านประธานครับ ลุงชิว…ดูท่าไม่ดีเลยนะครับ” คนที่หนานกงเฉวียนส่งไปที่สุสานกลับมารายงานที่ชุนชิว “เขานั่งอยู่ที่สุสานมาสามชั่วโมง แล้วก็ไม่ตอบโต้กับใครเลยครับ”

หลังจากได้ยินดังนั้น หนานกงเฉวียนหันกลับมาจากหน้าต่างมูลี่และถามลูกน้องของเขา “ถังหนิงเป็นฝ่ายชนะเหรอ”

“ผมไม่รู้ว่าถังหนิงทำอะไรให้เขาคุกเข่าและร้องไห้ออกมาโดยที่ไม่ได้ยกมือขึ้นมาเลยครับ…”

เธอเล่นงานเขาทางจิตวิทยาสินะ

หากคนเราเชื่อในบางสิ่งและไม่สามารถจัดการกับมันได้ พวกเขาก็คงยึดติดต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด หากแต่การโจมตีทางจิตวิทยานั้นต่างออกไป หากความหวังของใครสักคนถูกทำลายลง พวกเขาจะไม่คิดมาคุกคามอีกต่อไป มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งของถังหนิง

“ประธานโม่พาคนมาประมาณร้อยคนเพื่อช่วยถังหนิง แต่ไม่นานพวกเขาก็จากไปหลังจากที่มาถึง… สื่อไม่ได้รับข่าวใดๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นไปอย่างราบรื่นครับ”

“ไปรับลุงชิวแล้วดูแลเขาให้ดี” หนานกงเฉวียนไม่ได้ออกคำสั่งไปนอกจากนี้

ในเมื่อทั้งคู่ได้จัดการกับลุงชิวไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงกับการทำร้ายความสัมพันธ์ของเขากับอีกฝ่ายอีกต่อไป ตอนนี้เขามีเวลาสนใจเรื่องซูโยวหรานมากขึ้นแทนแล้ว

ความเกลียดชังนั้นสามารถใช้เป็นแรงผลักดันในการเติบโตของคนคนหนึ่งได้ ทว่ามันไม่จำเป็นต้องถูกใช้เป็นอาวุธ!

หลังจากกลับมาที่บ้าน ถังหนิงก็โน้มกายเข้าสู่อ้อมแขนของโม่ถิงอย่างเหนื่อยอ่อนเต็มที

“คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นห่วงแค่ไหนตอนมองตามคุณเดินเข้าไปในนั้นคนเดียวน่ะ” โม่ถิงถาม “ผมเสียใจที่ปล่อยให้คุณเดินเข้าไปเผชิญอันตรายจริงๆ นะครับ”

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกอย่างนั้นหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นไรเลยสักนิด ฉันแค่อยากนอนหลับลึกๆ เท่านั้นเองค่ะ” ถังหนิงเบียดกายเข้าหาอ้อมแขนของเขาและอ้าปากหาว ก่อนจะหลับตาลงและผล็อยหลับไป

โม่ถิงนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาปล่อยให้ภรรยาหลับไป แม้ว่าแขนขาตัวเองจะมีอาการชาหนึบ เขาก็ยังคงไม่ได้ปลุกเธอ

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้กอดเธออย่างนี้มานานแล้ว

ไม่นานซูโยวหรานก็มาถึงบ้านพร้อมกับเด็กๆ เป็นจังหวะที่ถังหนิงค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าโม่ถิงนั่งนิ่ง เธอก็รู้ว่าเขาคงชาไปทั้งตัวแต่ไม่ได้ปริปากพูดออกมา

เธอจึงเริ่มบีบนวดให้เขา “ต่อไปนี้ฉันจะเลี่ยงการนอนบนตัวคุณแล้วละค่ะ…”

“ไม่เป็นไรครับ ยังไงคุณก็ต้องตื่นตอนที่ลูกๆ กลับบ้านมาแล้วอยู่ดี” โม่ถิงหัวเราะ

“ฉันละไม่รู้จะทำยังไงกับคุณเลย” ถังหนิงถอนหายใจ ก่อนหันไปมองซูโยวหรานและเห็นว่าเธอกำลังถือกระเป๋าสัมภาระของเธออยู่ จึงเอ่ยถาม “เธอจะเอาของพวกนั้นไปไหนละ”

“แม่ฉันไล่ฉันออกมาค่ะ…” ซูโยวหรานหัวเราะเจื่อนๆ “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันหาที่อยู่ได้แล้วละค่ะ ไม่ห่างไปจากที่นี่และจะไม่ทำให้เด็กๆ ไปโรงเรียนสายด้วยนะคะ”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย ฉันแค่อยากจะรู้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่าต่างหาก” ถังหนิงหัวเราะคิกคัก “ต่อไปนี้เธอไม่ต้องคอยระวังให้เด็กๆ มากขนาดนั้นแล้วล่ะ เราจัดการปัญหากับตระกูลหนานกงได้แล้ว”

“ตอนนี้ฉันไม่ได้ลำบากอะไรเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณถัง”

ซูโยวหรานดูเผินๆ เป็นคนใจกว้างที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น นี่เป็นนิสัยที่เกิดจากการใช้ชีวิตเป็นทหารมาหลายปี จนกว่าจะพยายามจนถึงที่สุด เธอไม่มีทางร้องขอความช่วยเหลือเด็ดขาด

ไม่นานเธอก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่ห้องพักซึ่งเพิ่งเจอก่อนหน้านี้ ทำเลไม่แย่นัก และที่ดีที่สุดคือใกล้กับไฮแอทรีเจนซีมาก จึงสะดวกกับการไปรับเด็กๆ มากยิ่งขึ้น

คืนนั้นเสี่ยวต้านเขออาบน้ำเสร็จและนอนอยู่บนเตียง มองพ่อตัวเองที่กำลังถือหนังสือนิทาน อยู่ๆ เธอก็กระโจนทับตัวเขา

“พี่สาวก็ย้ายบ้านแล้ว ทำไมพ่อถึงไม่ลงมือสักทีละคะ”

“หนูรีบเหรอ” หนานกงเฉวียนถามลูกสาวก่อนอุ้มเธอกลับมาบนเตียง

“หนูอยากให้พี่สาวมาส่งหนูเหมือนกันค่ะ หนูคงจะมีความสุขมากๆ ถ้ามันเกิดขึ้น” เสี่ยวต้านเขอเอ่ยพร้อมบุ้ยปาก “อีกอย่างพี่สาวก็เท่จริงๆ นะคะ หนูคิดว่าเธอเหมาะกับพ่อออกค่ะ”

“จริงเหรอ”

“จริงสิค่ะ!” เสี่ยวต้านเขอว่าขึ้นพลางพยักหน้าหงึกหงัก

“รออีกนิดนะเสี่ยวต้านเขอ เราจะทำให้พี่สาวกลัวไม่ได้นะครับ”

หนานกงเฉวียนนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวต้านเขอจะชอบซูโยวหรานมากขนาดนี้

ดีละ…

ในเมื่อตอนนี้เธอย้ายออกมาแล้ว และเขาก็ได้รับคำสั่งมาจากว่าที่แม่ยาย ถึงเวลาที่เขาจะลงมือเสียที เขาแค่หวังว่าซูโยวหรานจะไม่ปฏิเสธเขารุนแรงเกินไปนัก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนโรแมนติกและทำเรื่องหวานๆ ไม่เป็น ทำได้เพียงไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอยามที่เธอต้องการเขาเท่านั้น หากแต่ซูโยวหรานรู้เรื่องนี้หรือเปล่านะ

การทำความเข้าใจคนคนหนึ่งและตีสนิทกับพวกเขาเพื่อพิชิตใจ!

อย่างไรก็ตามไม่นานลู่เช่อก็ได้ยินว่าหนานกงเฉวียนตามสืบเรื่องของซูโยวหราน ลู่เช่อคิดว่ามันค่อนข้างน่าสนใจจึงรายงานเรื่องนี้ให้โม่ถิงกับถังหนิงทราบ

โม่ถิงไม่ได้มีท่าทีอะไรมาก ทว่าถังหนิงกลับอึ้งไปไม่น้อย…

“หนานกงเฉวียนอยากจะแย่งตัวคนของฉันไปเหรอ ฉันจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นหรอกนะ!”

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset