คืนนั้นหนานกงเฉวียนสั่งให้ผู้ช่วยของเขาเตรียมห้องไว้ให้กับแม่และลูกสาว เมื่อเสี่ยวต้านเขอรู้เข้า ก็ตื่นเต้นจนเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะพ่อตัวเองแจก่อนเอ่ยถาม “พี่สาวจะมาเป็นแม่ของหนูเหรอคะ เธอจะมาอยู่กับเราใช่ไหมคะ”
หลังได้ยินคำถามเหล่านี้ หนานกงเฉวียนอุ้มเสี่ยวต้านเขอขึ้นมาบนตักและอธิบาย “ต้านเขอ ตอนนี้พ่อแค่กำลังช่วยพี่สาวไม่ให้เธอกับแม่โดนรังแก เธอไม่ได้มาเป็นแม่ของหนู อย่างน้อยก็ในตอนนี้น่ะนะ ดังนั้นก็เป็นเด็กดี ว่าง่ายๆ และก็ไม่พูดอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าเธอนะ โอเคไหมครับ”
เสี่ยวต้านเขอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเท้าเอวและตอบ “เพื่อความสุขของพ่อ หนูจะอดทนนะคะ”
เมื่อเห็นท่าทางซุกซนของลูกสาว หนานกงเฉวียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี…
ทว่าเป็นเพราะว่าเธอเป็นอัญมณีตัวน้อยที่มีค่าจนไม่อาจทนทิ้งเธอไปไหนได้ขนาดนี้ หากให้เขาเลือกระหว่างการแก้แค้นกับลูกสาว…เขาคงเลือกลูกสาวโดยไม่คิดลังเล
จากนั้นหนานกงเฉวียนจึงพาลูกสาวขึ้นไปนอนบนเตียง
แต่เมื่อเขากลับมาที่ห้องนอนของเขาเพื่ออาบน้ำเข้านอน ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นก็ฉายซ้ำไปมาในหัวของเขา
สถานการณ์ของซูโยวหราน สิ่งที่เธอทำ สิ่งที่เธอรู้สึก…
ภาพเธอปรากฏชัดในใจ ไม่อาจลบเลือนได้…
อันที่จริง เขาเป็นห่วงว่าตอนนี้เธอจะโกรธอยู่ที่โรงพยาบาลยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
…
“โยวหราน…แกยังโกรธอยู่หรือเปล่า” คุณนายซูถามขึ้นหลังเห็นว่าลูกสาวเงียบไป “โกรธหรือเปล่า”
“แม่คะ แม่ทนเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง” ซูโยวหรานถามด้วยน้ำเสียงสั่นพลางเงยหน้าขึ้น “แม่ทนถูกทรมานอย่างนี้ได้ยังไงคะ”
“ฉันพิการมากี่ปีแล้วล่ะ มีอะไรที่ฉันไม่เคยเจอบ้าง ไม่มีอะไรต้องโกรธหรอกนะ ยังไงฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว” คุณนายซูว่าเย้ยหยันตัวเอง “ฉันแค่อยากปกป้องแกและมั่นใจว่าแกจะปลอดภัยเท่านั้นแหละ เรื่องนอกเหนือจากนี้มันไม่สำคัญหรอก”
“แม่คะ หนูจะแก้แค้นให้แม่เอง”
คุณนายซูระบายยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอทำทุกอย่างเพียงเพื่อทำให้ชีวิตของลูกสาวดีขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้หนานกงเฉวียนก็ดูจะเข้าเกณฑ์ลูกเขยของเธอ เธอจึงได้แต่หวังว่าทั้งสองจะลงเอยกันด้วยดี
เช้าวันต่อมา ซูโยวหรานตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ตัวเอง เป็นสายจากป้าของเธอ ซูโยวหรานตื่นเต็มตาและเดินออกไปที่ทางเดินโรงพยาบาลเพื่อรับสาย “โยวหราน…พ่อของแกบอกให้แกกลับมาหน่อย”
“หนูจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ซูโยวหรานตอบอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนวางสายและกลับไปที่ห้องคนไข้
“ใครโทรมาล่ะ” คุณนายซูถาม
“แม่คะ หนูจะกลับไปทำงานนะ หนูต้องขับรถพาลูกๆ ของถังหนิงไปส่งที่โรงเรียน เสร็จแล้วจะกลับมาดูแลนะคะ” ซูโยวหรานบอกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปสิ” อีกฝ่ายว่าขณะโบกมือให้ “ถ้าฉันมีปัญหาอะไร เดี๋ยวฉันจะเรียกพยาบาลเอง”
ทันทีที่ซูโยวหรานก้าวออกไปจากโรงพยาบาล เธอโบกแท๊กซี่และตรงไปที่บ้านครอบครัวซู ทว่าหนานกงเฉวียนรอเธออยู่นอกโรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเห็นเธอรีบออกไปเขาก็ตามหลังไป
…
ซูโยวหรานเห็นสัมภาระของเธอกับแม่กองอยู่กลางห้องนั่งเล่นทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน
คุณพ่อซูกับป้าของเธอนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มชาอย่างไม่ยี่หระ
“ในเมื่อแกกลับมาแล้วก็มาเอาของของแกออกไปซะ” คุณพ่อซูเอ่ย “ใบหย่าของฉันกับแม่แกอยู่บนโต๊ะกินข้าว เอาไปด้วยล่ะ”
“โยวหราน อย่าลังเลอยู่เลย ก่อนที่พ่อแกจะเปลี่ยนใจ ออกไปจากที่นี่ซะ!” ป้าของโยวหรานพูดเร่ง “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแกนะ…”
“หนูไม่ค่อยเข้าใจว่าป้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรค่ะ”
“ช่วงนี้ธุรกิจของพ่อแกกำลังมีปัญหาและเขาก็ต้องการเงินอยู่ หุ้นส่วนของพ่อแกเสนอเงินให้เพื่อให้ผ่านอุปสรรคไปได้ถ้าเขายอมยกแกให้แต่งงานด้วย แต่ว่าผู้ชายคนนั้นอายุปาเข้าไปห้าสิบแล้ว! ฉันทนเห็นแกถูกส่งไปทำเรื่องอย่างนั้นไม่ได้หรอก ฉันเลยขอร้องพ่อแกเอาไว้
“มันไม่ง่ายที่จะโน้มน้าวให้เขาปล่อยแกไปเลยนะ…”
พูดอีกความหมายหนึ่งคือเธอได้ทำหน้าที่ในฐานะป้าของซูโยวหรานแล้ว ถึงเวลาที่ซูโยวหรานกับแม่ต้องออกไปสักที!
“หมายความว่าพ่อของหนูเกือบจะขายหนูแลกกับเงินเหรอคะ”
“โยวหราน แกพูดอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะ ครอบครัวซูไม่ได้ทำตัวแย่ๆ กับแกสักหน่อย…”
“เงียบไปเลยนะคะ” ซูโยวหรานขึ้นเสียงใส่ป้าตัวเอง “ป้าอาจจะไม่มียางอาย แต่หนูมีคะ หนูรู้ว่าป้าอยากจะดังในแวดวงการงานของตัวเอง แล้วก็รู้ว่าป้าอยากจะแย่งน้องเขยและยึดบ้านนี้ด้วย”
“แกคิดว่าจะมีใครเชื่อเหรอ”
“ป้าไม่รู้เหรอคะว่าหนูทำงานให้ใครอยู่” ซูโยวหรานหัวเราะ “ไม่รู้เหรอคะว่าหนูเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับถังหนิงอยู่”
สีหน้าป้าของซูโยวหรานพลันซีดเซียวขณะมองหน้าคุณพ่อซู
“แกไม่กล้าหรอก!”
“หนูน่ะเหรอไม่กล้า” ซูโยวหรานพุ่งเข้าไปหาป้าตัวเองพร้อมสายตาแดงก่ำ ก่อนคว้าลากคออีกฝ่ายมาบนบันไดชั้นบน “หนูผลักป้าตกบันไดตอนนี้ได้แล้วป้าก็จะกลายเป็นคนพิการ หนูก็อยากจะดูว่าผู้ชายที่อยู่ด้านล่างยังจะสนใจป้าอยู่ไหม”
“ซูโยวหราน แกกล้าดียังไง” คุณพ่อซูตะโกนมาจากบันไดชั้นล่าง
“โยวหราน…อย่าทำอะไรวู่วามเลยนะ” ป้าซูกล้าลองดีกับซูโยวหรานที่ฝึกฝนทักษะการป้องกันตัวมาได้อย่างไร
“ซูโยวหราน แกอยากจะเข้าคุกเหรอยังไง ถ้าแกโดนจับ ฉันจะไปทรมานแม่แก!”
คำพูดเหล่านี้ได้กระตุ้นความโกรธของซูโยวหรานสำเร็จ เช่นเดียวกับความหวาดกลัวของเธอ อย่างไรเสียจุดอ่อนของเธอก็คือการรู้ว่าจะไม่มีใครคอยดูแลแม่ของเธอหากมีเรื่องเกิดขึ้นกับเธอ
“ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันนะ!”
…
ด้วยซูโยวหรานหายเข้าไปนานเกินไป หนานกงเฉวียนเริ่มนึกเป็นห่วงเธอ เขาจึงไม่สนใจว่าอาจจะมีเรื่องซุบซิบนินทาตามมาและรีบเข้าไปในบ้านครอบครัวซู
ประตูหน้าไม่ได้ล็อกไว้ เมื่อผลักเปิดเข้าไปเขาจึงเห็นว่าซูโยวหรานกำลังยืนอยู่บนบันไดชั้นบนกับป้าของเธอ ในขณะที่พ่อของเธอตะโกนใส่เธออย่างเกรี้ยวกราดจากด้านล่าง
“โยวหราน…ไปกันเถอะ มันไม่คุ้มหรอกนะ”
เมื่อเธอได้ยินดังนั้น ซูโยวหรานมองไปทางหนานกงเฉวียนด้วยความตกใจ
“ฟังผมนะ ผมให้คุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองหรอกนะครับ มันไม่คุ้มหรอกครับ!”
สุดท้ายซูโยวหรานจึงดึงป้าตัวเองกลับมา ปล่อยมือและผลักไปด้านข้าง
ก่อนเดินลงบันไดมายืนอยู่ข้างหนานกงเฉวียน “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้ละ”
“ผมมาพาคุณไปจากที่นี่ไงครับ!” เขาว่าพลางยกแขนขึ้นโอบไหล่เธอ “ในเมื่อคุณออกจากครอบครัวซูแล้ว ก็มาขีดเส้นตายกันครับ”
“คุณเป็นใครกัน”
ในที่สุดคุณพ่อซูก็ถามถึงตัวตนของหนานกงเฉวียน