หนานกงเฉวียนเริ่มตามหาตัวคนที่ทิ้งรูปไว้บนรถของเขา ทว่าด้วยคนร้ายระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่พบเบาะแสใดๆ
ผู้อาวุโสหนานกงมีประสบการณ์โชกโชน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ถูกจับได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถอยู่รอดในวงการใต้ดินได้อย่างไร
“ไอ้เวรนั่นโดนความรักบังตา กล้าดียังไงส่งคนมาตามสืบเรื่องของฉัน ไอ้คนเนรคุณ!”
ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสหนานกงจึงยิ่งไม่พอใจหลานชายตัวเอง หากแต่ไม่ว่าจะโกรธเพียงไหน พวกเขาก็ยังมีสายเลือดเดียวกัน เขาลงไม้ลงมือกับทายาทเพียงคนเดียวของตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เขาตามสืบเรื่องของซูโยวหรานเรียบร้อยแล้ว แม้ครอบครัวของเธอจะไม่คู่ควรกับหนานกงเฉวียน เธอก็เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ทหารฝีมือดี
เมื่อนึกถึงพันธุกรรมของว่าที่เหลนในอนาคต เขาก็ทำได้เพียงยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างหนานกงเฉวียนกับซูโยวหราน
หากแต่ผู้อาวุโสหนานกงไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ซูโยวหรานทำงานให้กับตระกูลโม่!
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รีบร้อน หลังจากวางระเบิดสำเร็จ เขาสามารถกลับไปตระกูลหนานกงและสั่งสอนบทเรียนให้กับหลานชายไร้ค่าของตัวเองได้!
…
ระหว่างนี้มดราชินีสองได้เริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการ หากแต่ฉากเปิดส่วนใหญ่เป็นฉากพูดคุยกัน ผู้อาวุโสหนานกงจึงวนเวียนอยู่รอบกองถ่าย ไม่ก็แอบดูบทหรือมองผู้อาวุโสหลงแสดง
“นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงอายุยังน้อยคนหนึ่งจะสามารถสร้างบางอย่างที่มาตรฐานดีกว่าไอ้เวรจากตระกูลของฉัน ฮึ่ย”
ผู้อาวุโสหนานกงเองก็คิดว่าบทเขียนมาอย่างดีเช่นกัน หากแต่เขามีโอกาสได้เห็นเพียงส่วนหนึ่ง ด้วยโอกาสที่จะได้อ่านมันไม่ได้มีบ่อยนัก
หากเขาไม่มีโอกาสวางระเบิดและต้องถอยออกมา อย่างน้อยการเปิดเผยบทก็คงจะทำให้ไห่รุ่ยหัวหมุนอยู่พักหนึ่ง
ในช่วงแรกๆ ถังหนิงมาดูงานที่กองถ่ายค่อนข้างบ่อย อย่างไรเสียเธอก็ต้องมั่นใจว่าทักษะการแสดงของนักแสดงที่ยังเด็กจะได้มาตรฐาน ลัวเซิงโดดเด่นออกมาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะด้วยตอนแรกเธอเลือกเขามาจากอีกแวดวงหนึ่งที่ต่างกันลิบลับ และตอนนี้เขาทำการแสดงได้อย่างลื่นไหลไปกับผู้อาวุโสหลงหลังผ่านความท้าทายมามาก
หลังจากถังหนิงได้เห็นดังนี้ เธอก็นึกภาคภูมิใจในตัวเขา
ทว่าเธอมีอีกหนึ่งเหตุผลที่มาปรากฏตัวที่กองถ่ายบ่อยครั้ง เธอมาเพื่อให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ กับเหล่านักแสดงนำ
บางทีอาจไม่มีใครในปักกิ่งที่ไม่รู้ว่ามดราชินีสองมีความหมายกับเธอมากเพียงไหน…
“แกก็เอาแต่สนใจเรื่องบาสเกตบอล ไม่รู้ว่าฉันต้องการอะไรหรอก” นี่เป็นฉากระหว่างลัวเซิงกับผู้อาวุโสหลง บทบาทของพวกเขาเป็นทั้งพ่อลูกและอาจารย์ลูกศิษย์กัน ลัวเซิงรับบทเป็นเสี่ยวชิว ตัวละครที่นิสัยหัวแข็งมาแต่เกิด ความจริงแล้วเขาหลงเดินทางผิดและเริ่มทำงานให้กับตัวร้ายด้วยซ้ำ
ในขณะที่ผู้อาวุโสหลงเป็นครูพละที่เถรตรงซึ่งเป็นอดีตสายลับที่เกษียณอายุออกมา
“แล้วก็อย่าให้ฉันเห็นแกจู๋จี๋กับสาวๆ ในโรงเรียนอีกนะ เป็นนักเรียนก็ทำตัวให้สมกับเป็นนักเรียนหน่อยสิ!”
“เราออกมาเที่ยวกันก็ควรจะผ่อนคลายสิครับ มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผมจะสนิทสนมกับเพื่อนร่วมชั้นไม่ใช่เหรอ” ลัวเซิงมอง พ่อ ตัวเองพลางคาบบุหรี่ไว้ในปาก “อะไรกันครับ แม้แต่พ่อยังไม่พอใจกับพฤติกรรมของผม ถ้าพ่อเก่งนักก็ไปฟ้องเรื่องผมกับโรงเรียนสิ!”
ผู้อาวุโสหลงนึกโมโห จึงเริ่มทุบตีลัวเซิง
ลัวเซิงหันหลังจากไปทันทีด้วยความโกรธที่บังตา อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาได้หลงเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง…
และเรื่องราวของมดราชินีสองก็ได้เริ่มต้นขึ้น…
สถานการณ์ระหว่างพ่อลูกนั้นตึงเครียดมาก ทว่าเมื่อลัวเซิงเข้าไปในถ้ำในเวลาหลังจากนั้น ท่าทีของเขาก็ทั้งอึ้งไม่น้อยและหวาดกลัว…
นั่นเป็นตอบจบของฉากนั้น
“คัต…เยี่ยมมากค่ะ! เตรียมฉากต่อไปได้” คุณเฉียวเอ่ยขณะลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง ตอนนั้นเองที่เธอเห็นถังหนิงในกอง จึงรีบเข้าไปคุยด้วย “จากบรรดาหน้าใหม่ทั้งหมด ลัวเซิงเป็นคนที่ตั้งใจมากที่สุดเลยค่ะ ฉันว่าเขาคงไม่อยากทำให้คุณขายหน้า”
“เขาเป็นคนที่ใช้โอกาสอย่างคุ้มค่าอยู่แล้วค่ะ ฉันไม่แปลกใจกับผลที่ได้รับเลย”
“แต่ฉันก็ต้องบอกว่านักแสดงหน้าใหม่คนอื่นๆ ก็ยังต้องพัฒนาอีกมากนะคะ ฉันคิดว่าถ้าคุณไปคุยกับพวกเขาคงจะเป็นการดีที่สุดน่ะค่ะ!”
ถังหนิงพยักหน้ารับก่อนตอบ “โอเคค่ะ”
ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่ตั้งใจ หากแต่พวกเขาแต่ละคนยังขาดบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ ทั้งความสามารถและประสบการณ์ที่ไม่ได้รับความกดดันมากเท่ากับลัวเซิง
แน่นอนว่าโม่ถิงยังไม่ต้องมาถ่ายทำ ส่วนของเขาจะถูกถ่ายทำหลังจากนี้อีกนาน
ด้วยเหตุนี้ผู้อาวูโสหนานกงจึงต้องอยู่ในกองถ่ายไปอีกหลายเดือน…
ไม่นานหลังจากนั้นผู้อาวุโสหนานกงเลิกส่งคนไปทิ้งรูปไว้ที่รถของหนานกงเฉวียน เขาไม่มีเวลามาสนใจหลานชายตัวเองอีกต่อไป เพราะต้องคอยมองหาโอกาสในกองถ่าย
อย่างไรก็ตามหนานกงเฉวียนยังไม่ล้มเลิกการตามหาตัวคนร้าย
ในขณะเดียวกันครอบครัวซูถูกต้อนเสียจนมุม คุณพ่อซูไม่สามารถหาเงินได้ เขาไม่มีทางแก้สถานการณ์ของครอบครัวซูได้ ซ้ำป้าของซูโยวหรานก็ไม่ได้สภาพดีไปกว่ากัน อย่างไรเสียหนานกงเฉวียนก็พูดไว้ว่าเขาจะส่งทีมกฎหมายไปหาเธอ และเขาก็ทำตามที่ว่าไว้จริง ชื่อเสียงป้าของซูโยวหรานจึงพังย่อยยับ เมื่อมีข่าวหลุดออกมาว่าเธอยั่วยวนน้องเขย ก่อนไล่น้องสาวตัวเองออกจากบ้าน
เรื่องที่น่าขันคือเธอเชี่ยวชาญในการทำคดีหย่าร้าง แต่เธอกลับยังทำผิดเสียเอง
คุณพ่อซูพยายามติดต่อซูโยวหรานและคุณนายซูหลายครั้งเพื่อหนีหนี้ ทว่าแม่ลูกตัดสินใจทำเมินเฉยใส่ไอ้คนสารเลวนั่น
เมื่อเขาไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายจึงเอาบ้านครอบครัวซูไปขายทอดตลาด หากไม่ทำเช่นนั้นชีวิตของเขาคงจบเห่
ทันทีที่หนานกงเฉวียนได้ยินว่าบ้านของครอบครัวซูกำลังจะถูกขายทอดตลาด เขาย่อมต้องการเป็นเจ้าของบ้านเพราะรู้ว่าซูโยวหรานกับคุณนายซูคงดีใจกับมัน
นี่เป็นจังหวะที่เหมาะเจาะ เขากำลังคิดหนักว่าจะมอบอะไรให้ซูโยวหราน มันจึงเป็นสิ่งที่เขาตามหาอยู่พอดี!
แต่เมื่อคุณพ่อซูเห็นว่าหนานกงเฉวียนเป็นคนซื้อ เขามาขอร้องหนานกงเฉวียนถึงที่ชุนชิวฟิล์ม เขาต้องการพบซูโยวหรานกับคุณนายซู
แม้หนานกงเฉวียนจะไม่คิดว่าคนสารเลวนี่ควรค่าแก่การไปเจอ เขาก็ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ต่อสายหาซูโยวหรานแทน “ตอนนี้คุณซูอยู่ที่ห้องทำงานของผมครับ คุณอยากจะเจอเขาหรือเปล่า”
“ฉันจะไปเจอเขาสักที่ข้างนอกบริษัทคุณค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณเสียหาย” ซูโยวหรานตอบ
“แต่งตัวดีๆ ไปเจอเขาด้วยนะครับ…” หนานกงเฉวียนเอ่ยเตือนอย่างรอบคอบ อย่างน้อยเขาต้องการให้เธอดูเหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานเข้าตระกูลที่มีฐานะ คุณพ่อซูคงจะทรทานใจหากเธอทำเช่นนั้น
ซูโยวหรานพยักหน้าให้ก่อนจะแต่งตัวอย่างหรูหรา และยังแต่งตัวให้แม่ตัวเองอีกด้วย
พวกเขาตกลงที่จะพบกันในละแวกใกล้เคียงกับชุนชิวในท้ายที่สุดเพื่อรับประกันความปลอดภัย
คุณพ่อซูนึกไม่ถึงว่าแม่ลูกจะมีชีวิตที่อู้ฟู่ขนาดนี้หลังจากที่จากเขาไป หญิงสาวทั้งสองคนปรากฏตัวพร้อมกับเครื่องเพชรราคาแพงบนตัวต่อหน้าเขาราวกับผู้หญิงในสังคมชั้นสูง
“อยากเจอหนูทำไม พูดมา!” ซูโยวหรานเอ่ยเสียงเย็นชาเมื่อมาถึงร้านกาแฟที่นัดกัน “ทำไมป้าไม่มาด้วยล่ะ” คุณพ่อซูคุกเข่าขอร้องต่อหน้าคุณนายซู “พ่อรู้ว่าตอนนี้ลูกมีเงินแล้ว ลูกช่วยพ่อได้นี่!”
“ช่วยพ่อเหรอ ทำไมหนูต้องทำด้วยล่ะ”