ไม่นานถังหนิงก็ได้เจอคนมีฝีมืออีกคนที่จะไปรับส่งลูกที่โรงเรียน ครั้งนี้เป็นชายหนุ่มที่เพิ่งปลดประจำการทหารออกมา
ชายหนุมคนนี้เป็นคนง่ายๆ และซื่อสัตย์หากแต่ฉลาดทันคนมากเช่นกัน เขาได้ทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากมายเพื่อทำให้สองพี่น้องเพลิดเพลินด้วยทักษะของเขา
นอกจากจะเป็นคนง่ายๆ และซื่อสัตย์แล้ว เขายังมีแฟนสาวที่คบกันมาสามปี เพื่อสร้างชีวิตที่มั่นคงให้กับเธอ เขาตัดสินใจรับข้อเสนอของถังหนิงที่จะปกป้องสองพี่น้อง
หลังเห็นว่าเด็กทั้งสองคนมีคนดูแลคนใหม่ ซูโยวหรานก็รู้สึกโล่งใจ
กระนั้นเสี่ยวต้านเขอก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเด็กชายทั้งสอง เธอไปหาโม่จื่อซีหลังเลิกเรียนอยู่บ่อยๆ พร้อมกับลูกอมและของเล่นที่น่าสนใจจากที่บ้าน
โม่จื่อเฉินไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนบ่อยนัก แม้ตอนที่เสี่ยวต้านเขอเข้ามาหา เขาก็ยังไม่หลบหน้าเธอ แต่เขาก็ไม่คุยกับเธอเช่นกัน
ทว่าเสี่ยวต้านเขอกลับนึกสนใจเขาที่สุด
เมื่อรู้ว่าโม่จื่อเฉินคงไม่คุยกับเธอ เธอจึงเลือกจะเข้าหาโม่จื่อซีแทน เพียงเพราะให้น้องชายของเขาหันมามองบ้าง
เด็กตัวเล็กๆ ไม่รู้เรื่องความบาดหมาง ความคิดของพวกเขานั้นเรียบง่าย
…
ระหว่างนั้นซูโยวหรานเริ่มเตรียมงานแต่งของตัวเอง ในขณะที่หนานกงเฉวียนงานยุ่ง เธอจึงเป็นคนตัดสินใจเสียส่วนใหญ่
ตอนนั้นข่าวเริ่มแพร่สะพัดออกไปว่าหนานกงเฉวียนกำลังจะแต่งงาน ผู้คนถึงกับตกตะลึงเมื่อรู้เรื่องนี้
เขาเป็นชายโสดที่เพิ่งกลับมาปักกิ่งไม่ใช่หรือ
มีผู้หญิงสวยในวงการบันเทิงมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นเขามีสัมพันธ์กับพวกเธอสักคน แต่เขากำลังจะแต่งงานอย่างนั้นหรือ
ตัวตนของซูโยวหรานถูกเปิดเผยในเวลาต่อมา เธอเป็นลูกสาวของครอบครัวซูที่เพิ่งจะล้มละลายไป แม้ว่าเธอจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่ได้เกิดในครอบครัวที่ยากจนเช่นกัน
แต่สิ่งที่คนอึ้งมากที่สุดคือเรื่องที่ไม่มีใครได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกเขามาก่อน
นับได้ว่าเธอเป็นซินเดอเรลล่าหรือเปล่า ทุกคนต่างสงสัยว่าเหตุใดทั้งสองถึงได้แต่งงานกันสายฟ้าแลบโดยที่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันมาก่อน
หนานกงเฉวียนเป็นห่วงว่าการเพ่งเล็งจะทำให้ซูโยวหรานเครียดไม่น้อย… แต่เธอกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด เธอดูแลเสี่ยวต้านเขอต่อไปในขณะที่วางแผนงานแต่งงานและเลือกสิ่งที่เธอชอบ
“ผมกลัวว่าสื่อกับคนภายนอกจะทำให้คุณกลัว”
เมื่อได้ยินหนานกงเฉวียนว่าเช่นนั้น ซูโยวหรานส่ายหน้า “ฉันเตรียมตัวที่จะถูกเปิดเผยตัวแล้วล่ะค่ะ จริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้เลยไม่ได้แย่นัก… ความจริงพอคุณมีเวลาไปเลือกชุดแต่งงานของเรากันเถอะค่ะ…”
หนานกงเฉวียนโอบเอวซูโยวหรานไว้เพราะรู้ว่าเสี่ยวต้านเขอกับคุณนายซูหลับไปแล้ว “ไหนๆ งานแต่งงานของเราก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ต่อไปนี้ทำไมคุณไม่มาอยู่ที่ห้องผมซะเลยละครับ…”
พอได้ยินคำถามตรงๆ อย่างนี้ ซูโยวหรานหน้าขึ้นสีระเรื่อ เธอเข้าใจว่าคำถามนี้จะสื่ออะไร
“แต่ว่า…”
“คุณยังไม่คุ้นเคยกับการอยู่กับผมเหรอครับ”
“มันไม่เหมือนกันนี่คะ!” ซูโยวหรานเอ่ยพลางกุมซีกแก้มไว้ “ฉะ…ฉันคงจะประหม่ามากแล้วก็ไม่รู้ต้องทำยังไง”
ได้เห็นท่าทีใสซื่อของซูโยวหราน หนานกงเฉวียนก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจับมือเธอ “แค่ปล่อยไปตามอารมณ์เถอะครับ โอเคไหม”
ซูโยวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงหนานกงเฉวียนจะอายุเกือบสี่สิบแล้ว รูปร่างของเขาก็ยังดูดีและกำยำกว่าโม่ถิงมาตลอด ด้วยกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานอย่างหนักเมื่อครั้งที่เขาอยู่ต่างประเทศ ซูโยวหรานเดาว่าหุ่นของเขาคงค่อนข้างดี
ในเมื่อเธอเองก็ไม่ใช่วัยรุ่นที่อ่อนต่อโลก ทำไมเธอต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยล่ะ พวกเขาหมั้นหมายกันแล้ว จะผิดอะไรที่จะใช้ห้องนอนร่วมกัน
ซูโยวหรานใบหน้าขึ้นสีพลางพยักหน้ารับในท้ายที่สุด “อย่ารังแกฉันนะคะ…”
ตั้งแต่แม่ของเสี่ยวต้านเขอจากไป หนานกงเฉวียนไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนไหนอีก ตอนนี้เมื่อเขามาคิดดู เขาเองก็ห่างหายเรื่องอย่างนี้มาห้าปีแล้ว
ซูโยวหรานนึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่อดกลั้นมานานหลายปีจะน่ากลัวขนาดไหนเมื่อได้ปลดปล่อยความปรารถนาของตัวเอง
คืนนั้นทั้งคู่อาบน้ำแยกกันก่อนขึ้นมาบนเตียงเดียวกัน ซูโยวหรานออกอาการประหม่าเต็มที หากแต่หนานกงเฉวียนกลับทำเพียงกอดเธอจากด้านหลังและเอ่ยกระซิบข้างหูเธอ “นอนกันเถอะครับ คุณทำงานหนักมาทั้งวัน คงเหนื่อยกับการเตรียมงานแต่งของเรา”
ซูโยวหรานถึงเบาใจลงได้ในที่สุดก่อนนอนหลับไป…
…
ในขณะเดียวกันลู่เช่อกลับมารายงานผลการสืบเรื่องของผู้อาวุโสหนานกงกับโม่ถิง แต่เขายังไม่พบเบาะแสอะไร “จากประวัติของเขา ช่างวางระเบิดคนนี้อายุประมาณห้าสิบและเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศครับ เขาผ่านประสบการณ์มาโชกโชน แต่นอกจากนี้ผมก็หาข้อมูลอื่นของเขาไม่ได้เลยครับ มีอะไรผิดปกติเหรอครับ ท่านประธาน”
“อายุห้าสิบเหรอ เขามีครอบครัวหรือยังล่ะ” โม่ถิงถาม
“จากข้อมูลของเขา เขาหย่าแล้วมาอยู่ตัวคนเดียวครับ แต่ว่าเขาก็มีลูกชายคนหนึ่งอยู่ที่ลอสแองเจลิส”
ได้ยินดังนั้น โม่ถิงก็พยักหน้าให้ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องตามสืบต่อแล้ว”
โม่ถิงทำเพียงเตือนให้นักแสดงระวังเวลาถือบทในมือเท่านั้น
พวกเขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดในการถ่ายทำมดราชินีสองไม่ได้ ถังหนิงประสบความยากลำบากมาพอแล้ว โม่ถิงไม่ต้องการให้ทุกความเคลื่อนไหวของเธอต้องมีอุปสรรคใดๆ อีก
ทว่าผู้อาวุโสหนานกงคงจะไม่ปล่อยให้ความหวังว่าโม่ถิงเป็นจริง
การตามสืบของลู่เช่อไม่ได้ได้เรื่องอะไรกลับมา ผู้อาวุโสหนานกงจึงรอดพ้นข้อสงสัยไป หมายความว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรในกองถ่ายก็ได้ตามต้องการ
ผู้อาวุโสหนานกงรู้ว่ามีใครบางคนตามสืบเรื่องของตัวเองอยู่ แต่ความสามารถของเขาในการสกัดกั้นอีกฝ่ายนั้นดีเกินไป อย่างไรก็ตามเขาก็ยังต้องระวังตัวในกองถ่าย
“นึกไม่ถึงว่าคู่รักนี่จะช่างสังเกตขนาดนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็ดีกว่าหนานกงเฉวียน ไอ้เวรนั่น!”
ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสหนานกงจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วหนานกงเฉวียนกำลังตามสืบเรื่องการเสียชีวิตของ
ชิวจิ้นอยู่
เมื่อมดราชินีสองเริ่มถ่ายทำฉากสำคัญ ซึ่งหมายความว่าถึงเวลาต้องถ่ายทำฉากน่าหวาดเสียว ตอนนี้เนื้อเรื่องกำลังเข้าสู่ฉากที่เขาเฝ้ารอคอย มันคือโอกาสที่ผู้อาวุโสหนานกงจะได้ล้างแค้น
แต่น่าแปลกใจที่ในเวลานั้นหนานกงเฉวียนได้รู้เรื่องสำคัญหลังคุยกับเพื่อนบ้านของชิวจิ้น
“คุณน้าที่อาศัยอยู่ชั้นบนบอกว่าเธอเห็นลุงชิวคุยกับชายแก่คนหนึ่งตอนที่เธอลงมาชั้นล่างครับ พอผมไปตรวจดู มันเป็นช่วงครึ่งชั่วโมงก่อนที่ลุงชิวจะฆ่าตัวตายครับ”
“เธอบอกได้หรือเปล่าว่าชายแก่คนนั้นหน้าตาเป็นยังไง”
หนานกงเฉวียนถามผู้ช่วยของเขา
“คุณน้าบอกว่าจำหน้าเขาชัดๆ ไม่ได้ครับ แต่จำได้ว่าเขามีปานดำที่หลังมือ เธอเห็นมันชัดตอนที่เดินผ่านครับ”
ปานดำ…
หลังได้ยินเช่นนั้น ท่าทีหนานกงเฉวียนเริ่มดูไม่สู้ดีนัก
“นายแน่ใจหรือเปล่า”
“คุณน้าบอกว่าเธอมั่นใจเพราะว่ามันเป็นเอกลักษณ์จนเธอไม่มีทางลืมได้ครับ” ผู้ช่วยตอบ
“โทรหาเรือนจำปักกิ่งที” หนานกงเฉวียนสั่ง เขาคิดเอาไว้แต่ไม่นึกว่ามันจะเป็นไปได้…
อย่างไรก็ตามอยู่ๆ หลายสิ่งก็ชวนให้น่าเชื่อ ไม่นานมานี้มีใครบางคนทิ้งรูปไว้ที่รถของเขาและหาเรื่องด้วยการบีบให้เขานึกถึงความแค้นของพ่อแม่ตัวเอง…
หรือว่าจะเป็นคนเดียวกัน